วินาทีก่อนนี้คุณนายหวังยังเกลี้ยกล่อมคนมีอำนาจในอวิ๋นโจวทั้งหลายให้ตัดทางทำมาหากินของเย่เฉิน
ต่อมากลับเรียกให้เขาอยู่กินข้าวด้วยกัน
ทำให้คนไม่น้อยไม่เข้าใจการกระทำแปลกๆ ของคุณนายหวัง
ทว่าฉินหงเหยียนกลับมองความเก่งกาจของคุณนายหวังออก ในดวงตาจึงฉายแววชื่นชม
นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ ไม่ใช่หรือ?
เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
คุณนายหวังกำลังประกาศศักดาว่าตนเองตัดหนทางทำมาหากินของเย่เฉินนั่นเพราะอีกฝ่ายทำร้ายลูกชายตนเองแล้วที่อนุญาตให้เย่เฉินร่วมงานได้นั่นเพราะตอนนี้เย่เฉินยังเป็นเขยของตระกูลหวัง
ในเมื่อยังเป็นเขยของตนเองอยู่ย่อมแปลว่าเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอยู่ในงานเลี้ยงนี่ถือเป็นมารยาทและกฎเกณฑ์
เย่เฉินเองไม่ได้ปฏิเสธเขาเดินตามหวังเจียเหยา หวังซ่าวเจี๋ยที่ถือเป็นรุ่นหลานของเจ้าภาพก็ไปนั่งที่โต๊ะ
ที่นี่ย่อมมีห้องส่วนตัวที่หรูหรามากมายแต่ว่าคุณนายหวังชอบความครึกครื้นดังนั้นจึงเลือกที่จะตั้งโต๊ะจัดงานไว้ที่ล็อบบี้
หวังซ่าวเจี๋ยมองเย่เฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วหัวเสีย
“เย่เฉิน อาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายที่นายจะได้กินที่อวิ๋นโจว กินเยอะๆ หน่อย ต่อไปภายหน้าจะไม่มีหมั่นโถวกินด้วยซ้ำ ฮ่าๆ”
หวังหยวนหยวนน้องสาวของหวังซ่าวเจี๋ยก็เสริมขึ้นมา “พี่ชาย พี่พูดเวอร์เกินไปแล้ว ทำไมจะไม่มีหมั่นโถวกินได้ยังไง? เขาไปขออาหารได้อยู่นะ”
หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะร่วน “น้องพูดถูก ไปขอทานก็พอได้อยู่ พวกเราอนุญาตให้นายขอทานได้นี่ ฮ่าๆ”
วันนี้เย่เฉินฟังคำถากถางของหวังซ่าวเจี๋ยจนเอือมระอาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันอีก
ทว่าพอจู่ๆ หวังหยวนหยวนก็โพล่งออกมา เย่เฉินก็อดปรายตามองเจ้าหล่อนอย่างเสียไม่ได้
พูดไปแล้วหวังหยวนหยวนก็ถือว่าเป็นน้องเมียของเย่เฉิน ถึงแม้จะไม่สวยเท่าหวังเจียเหยาแต่มีรูปร่างน่าชมที่สุดในอวิ๋นโจว
และเป็นเพราะหวังหยวนหยวนไม่ลงรอยกับหวังเจียเหยา ทำให้เขาจึงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับอีกฝ่ายนัก
เมื่อถากถางไปได้เล็กน้อยแล้วเห็นเย่เฉินไม่โต้เถียงอะไร หวังซ่าวเจี๋ยหน้าเขียวคล้ำเขายกแก้วเหล้าเดินไปหาหม่าเสินที่อยู่โต๊ะด้านข้าง
“เถ้าแก่หม่า วันนี้ต้องขอบคุณคุณมาก ภาพที่คุณสั่งให้เย่เฉินถอดเสื้อผ้าที่ด้านนอกมันตราตรึงใจมากเลย เหมือนสอนสุนัขอย่างไรอย่างนั้น!”
หม่าเสินยิ้มขณะชนแก้วกับหวังซ่าวเจี๋ย “คุณชายหวังเกรงใจเกินไปแล้ว ถ้ารู้แบบนี้จะให้คุณอัดคลิปเอาไว้ วันหลังพอเบื่อๆ จะได้เอามาดูแก้เซ็ง”
“ฮ่าๆ เถ้าแก่หม่าพูดถูก น่าจะอัดคลิปเหตุการณ์นั้นเอาไว้จริงๆ”
หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะเสียงดังคล้ายกลัวเย่เฉินไม่ได้ยิน
เย่เฉินปรายตามองหม่าเสิน พออีกฝ่ายเห็นเข้าก็รีบสวนทันควัน
“มองอะไร! ถ้าต่อไปยังกล้าสมัครสายงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ฉันจะตัดขานาย!” แววอาฆาตฉายในดวงตาเย่เฉิน เขาจะต้องจัดการหม่าเสินคนนี้ให้เร็วที่สุด
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาพ่อบ้านของตระกูลเย่ พ่อบ้านฟาง
พ่อบ้านฟางเป็นคนที่คุณปู่จัดให้อยู่ในประเทศเพื่อช่วยเหลือเย่เฉินทำภารกิจต่างๆ
ก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาที่แจ้งเย่เฉินว่าการเป็นเขยของตระกูลหวังสิ้นสุดลงแล้ว ให้ไปทำหน้าที่เป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
“คุณชายสาม!” พ่อบ้านฟางรับสายอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินกล่าว “คนที่อยากกินข้าวกับคุณปู่ของฉัน ที่ทำเดลิเวอรี่คนนั้นชื่ออะไรนะ?”
พ่อบ้านฟาง “คุณหมายถึงอูเสี่ยวหง CEO ของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนเหรอครับ?”
เย่เฉิน “ใช่ เขานั่นแหละ คุณช่วยติดต่อเขาให้เขาตัดสิทธิ์การเป็นตัวแทนอวิ๋นโจวให้ที”
พอเขาเอ่ยจบหวังเจียเหยา หวังหยวนหยวนที่อยู่โต๊ะเดียวกันและคนโต๊ะข้างๆ อย่างหม่าเสินกับฉินหงเหยียนก็นิ่งชะงักค้างไป
พ่อบ้านฟาง “ได้ครับ เขาอยากรู้จักคุณท่านมาตลอด จะต้องยินดีที่ได้ช่วยคุณแน่นอน พูดไปแล้วตอนนี้มูลค่าทรัพย์สินของเขาก็เกือบห้าหมื่นล้าน มีสิทธิ์จะร่วมโต๊ะกับนายท่านได้แล้ว”
เย่เฉิน “อืม หลายปีมานี้หมอนี่เจริญก้าวหน้าทีเดียว ไว้วันหลังช่วยจัดให้เขามาพบผมหน่อย ผมจะเลี้ยงข้าวเขา”
พอพูดจบเย่เฉินก็วางสายไป
แล้วในงานก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
จากนั้น
“ฮ่าๆ”
หวังซ่าวเจี๋ยยิ้มจนแผลบนใบหน้าปริ
“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ เลย เย่เฉิน ตอนนี้นายแกล้งทำตัวใหญ่อะไรของนาย? แถมยังจะตัดสิทธิ์เป็นตัวแทนของเถ้าแก่หม่า? นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
หม่าเสินเองก็หัวเราะจนตัวโยน “ไอ้หนู จะโม้ก็ช่วยดูสถานการณ์ด้วย นายมาวางมาดที่นี่มีประโยชน์อะไร? คนโง่ที่ไหนจะกลัวนายกัน? ปู่นายเป็นชาวนา คุณอูเขามีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านอยากจะขอร่วมโต๊ะกับปู่นาย? นายฝันอยู่ล่ะสิ!”
สีหน้าหวังเจียเหยาฉายแววเดียดฉันท์ “น่ารังเกียจจริงๆ เป็นคนกากก็ยอมรับไปสิ จะปลอมทำไม?”
มีแค่ฉินหงเหยียนเท่านั้นที่มองเย่เฉินอย่างต้ังใจ
เย่เฉินไม่ตอบและไม่พูดไม่จา เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้า
ประมาณหกนาทีหลังจากนั้นโทรศัพท์ของหม่าเสินก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ หม่าเสินก็ตื่นเต้นจนวางตะเกียบและชามในมือ ถูมือก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหลครับ คุณอู!”
พอได้ยินว่าเป็นอูเสี่ยวหงโทรมา คนตระกูลหวังและฉินหงเหยียนก็จ้องเขาและบอกให้คนอื่นเบาเสียงลง
ช่วงนี้ตลาดเดลิเวอรี่กำลังโต อูเสี่ยวหงจึงกลายมาเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ในประเทศ ถือครองทรัพย์สินกว่าห้าหมื่นล้าน
คนรวยในเมืองอวิ๋นโจวที่อยู่ในงาน พวกเขาเองก็อยากจะรู้จักอูเสี่ยวหงผู้นี้ผ่านทางหม่าเสิน
หม่าเสินกล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณอูครับ วันสองวันนี้ผมว่าจะโทรหาคุณพอดี เพื่อคุยเรื่องต่อสัญญา”
อูเสี่ยวหงพูดในสายว่า “ผมเองก็ตั้งใจจะโทรมาแจ้งคุณเลยว่า สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนอวิ๋นโจวของคุณถูกยกเลิกแล้ว!”