หลิ่วอวี่เจ๋อถือเป็นทายาทเศรษฐีที่ร่ำรวยในระดับต้นๆ ของประเทศนี้
ดังนั้นเหล่าดาราสาวในการบันเทิง นอกจากดาราที่มีคนเลี้ยงดูแลล้วหรือไม่ก็ผู้หญิงที่มีศีลธรรม ดาราคนอื่นๆ เขาต่างก็เคยเชยชมมาก่อนแล้ว
ดาราบางคนมีค่าตัวแน่ชัด บางคนก็ไม่ต้องใช้เงิน เพราะเหล่าดาราเองก็ชอบแต่งงานกับคนรวย
ส่วนเหม่ยฉีนั้นฐานะทางบ้านไม่ได้ดีนัก แต่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาในทันทีทันใดเพราะรายการวาไรตี้ จนกลายเป็นสเป็คในฝันของวัยรุ่นหญิงชาย
หลังจากมีชื่อเสียงแล้วก็ไปเตะตาเศรษฐีอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อเข้า เมื่อได้ผู้จัดการแนะนำแล้วก็ลมเพลมพัดจนมาลงเอยด้วยกัน
อันที่จริงดาราเองก็ชอบเป็นแฟนกับพวกทายาทเศรษฐี หรือไม่ก็มีความสัมพันธ์ข้ามคืนกัน ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเงินเท่านั้น เพราะหากแค่เรื่องเงินแล้ว พวกหล่อนเองก็หาได้ไม่น้อย
แต่เหตุผลหลักๆ เลยก็คือพวกดาราโดยเฉพาะไอดอลหญิงจะไม่มีความรักง่ายๆ ถึงขนาดที่ว่ามีบางบริษัทเอเจนซี่มีข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามมีแฟนเด็ดขาด
แต่ว่าทุกคนต่างก็อยากมีความรักกันทั้งสิ้น ช่วงอายุ 20 กว่าปีเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุด ใครจะอยากใช้เวลาช่วงนี้มาทำงานกัน?
แต่หากมีความรักล่ะก็จำเป็นต้องปกปิดเอาไว้ เป็นแฟนกับคนทั่วไปยิ่งอันตรายกว่าเดิม
หากผู้ชายธรรมดาคนนั้นอยากจะใช้เรื่องไปคุยโวโอ้อวด หรือไม่ก็หาประโยชน์โดยการเปิดเผยเรื่องนี้ล่ะ?
ดังนั้นการเลือกคบหากับพวกทายาทเศรษฐีถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เขาเป็นถึงทายาทเศรษฐี พวกเขาเองก็อยากได้หน้า เป็นแฟนกับดาราก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปคุยโวกับใคร
……
เจ็ดโมงเช้า
วิลล่าเฝยชุ่ย
เย่เฉินอาบน้ำเสร็จก็ทำอาหารเช้า แล้วแตะฉินหงเหยียนที่ยังคงนอนหลับสนิทเบาๆ
“ที่รักครับ เจ็ดโมงเช้าแล้วนะ คุณควรไปทำงานได้แล้ว”
เย่เฉินยังไม่รู้เรื่องที่ฉินหงเหยียนไม่มีงานให้ไปทำ
ฉินหงเหยียนลืมตา “ฉันไม่สบาย วันนี้ไม่ไป”
เย่เฉินลูบหน้าผากหญิงสาว แต่ก็ไม่สัมผัสได้ถึงความร้อนจากตัวอีกฝ่าย แต่เขามองออกว่าฉินหงเหยียนดูอ่อนล้าจริงๆ
“หงเหยียนคุณไม่สบายตัวตรงไหน? จะให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลไหม?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ฉันนอนเดี๋ยวเดียวก็ดีขึ้นค่ะ คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปทำงานเถอะ”
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนป่วย
เห็นท่าทางหญิงสาวไม่ค่อยสบายนัก ไหนเลยเย่เฉินจะวางใจปล่อยให้หญิงสาวอยู่บ้านคนเดียว?
งานส่งพัสดุของเขาเดือนหนึ่งได้เงินก็แค่ 5000 หยวนเท่านั้น แถมยังอยู่เมืองใหญ่เป็นลำดับหนึ่งอย่างเทียนไห่ เดิมถือว่าเป็นงานที่เงินเดือนน้อยนิด ซื้ออะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ตัวเย่เฉินเองก็ไม่ใช่คนสิ้นเนื้อประดาตัวจริงๆ ดังนั้นไปทำงานหรือไม่ก็ไม่ต่างอะไรกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ไปทำงานแล้วอยู่บ้านเป็นเพื่อนหญิงสาว
รอจนตอน 11 โมงเช้า เขาก็นั่งดื่มชาอยู่ที่ห้องรับแขก แล้วกำลังอ่านนิตยสารธุรกิจ FORBS เล่มใหม่ล่าสุดอยู่
ทันใดนั้นเองที่ด้านนอกวิลล่าก็มีเสียงครึกครื้นดังลอยเข้ามา แล้วรถหรูหราจำนวนมากก็ทยอยขับกันเข้ามาเรื่องๆ หนำซ้ำรถคันหนึ่งยังมีดอกไม้ประดับตกแต่งอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเบนซ์ G-class คันหน้าสุดคันนั้น บริเวณหน้ารถมีดอกไม้ประดับตกแต่งเป็นรูปหัวใจ ดูสวยอย่างมาก
เย่เฉินรู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อน่าจะไปรับหวังเจียเหยาที่อวิ๋นโจวมา
“เฮ้อ”
เย่เฉินถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอดีตภรรยาแต่งงานอีกครั้งแล้วเขาจะอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่จัดงานแต่งงานแบบนี้!
เดิมเขาคิดว่าเขาจะไม่ต้องมาเห็นอะไรทั้งหมดนี้!
ถึงแม้ว่าอยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ว่าเขาก็ยังอดไม่ได้ มองลอดออกนอกหน้าต่างไปดู
จากตำแหน่งที่เขาอยู่นี่เป็นสถานที่ที่เห็นบริเวณปากประตูบ้านพวกเขาสองคน
เมื่อรถเบนซ์จอดลง หลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินลงมาจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็อุ้มหวังเจียเหยาลงมา
“เฮ้”
ในงานเกิดเสียงเฮดังครืนขึ้นมา แล้วก็ยิงสายรุ้งออกมา
หวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ถูกเจ้าบ่าวของตนเองอุ้มไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“หวังเจียเหยา…”
เห็นภาพทั้งหมดนี้ใจเย่เฉินก็เจ็บปวดไม่น้อย!
เขาย่อมเกลียดชังหวังเจียเหยา เจ็บปวดที่หญิงสาวทรยศเขา ไม่มีทางจะรักหล่อนอีก!
แต่ว่าอย่างไรเสียทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันมาสามปี อีกทั้งยังแยกกันไม่นานเท่าไหร่
เย่เฉินจึงไม่อาจลืมหญิงสาวได้หมดใจในระยะเวลาอันสั้น เห็นหญิงสาวแต่งงานกับชายอื่นในใจก็ยอกแสลงขึ้นมา!
“ทั้งที่เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ในอ้อมกอดผมอยู่เลย ออดอ้อนเรียกที่รัก ทุกวันยังต้อง Morning kiss แถมยังต้องดื่มน้ำผสมมะนาวอยู่เลย… มาคิดเรื่องพวกนี้เอาในตอนนี้ เหมือนเป็นเรื่องเมื่อศตวรรษก่อนเลย…”
ความทรงจำอันงดงามเหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมาชวนให้เสียใจมากจริงๆ!
ถ้าหากว่าเย่เฉินไม่แสร้งทำว่าโดนขับออกจากตระกกูลล่ะก็ หวังเจียเหยาในตอนนี้ไม่มีทางจะสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในอ้อมกอดชายอื่น หญิงสาวก็คงจะยังอยู่ในอ้อมกอดเขา
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าสมตติ
เย่เฉินเองก็จำใจต้องทำเช่นนี้!
ในตอนที่เย่เฉินกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตอยู่นั้น เขามองลอดหน้าต่างไป จู่ๆ ก็เห็นคนคุ้นเคย
เหวินเชี่ยนเชี่ยน!
“เหวินเชี่ยนเชี่ยนมาแล้ว! หล่อนน่าจะมาเยี่ยมหงเหยียนแน่เลย”
หลังจากที่เย่เฉินเห็นเหวินเชี่ยนเชี่ยน ก็รีบวางแก้วชาลงในทันที เดินออกไปที่ประตูวิลล่าแล้วออกไปต้อนรับอีกฝ่าย
“คุณเหวิน”
เย่เฉินเดินพุ่งตรงไปหาเหวินเชี่ยนเชี่ยนแล้วเรียกอีกฝ่าย
ซึ่งในขณะนี้หลิวอวี่เจ๋อกำลังอุ้มหวังเจียเหยาเดินเข้าไปในวิลล่า กลุ่มเพื่อนของพวกเขาเองก็เดินตามเข้าไปด้านใน
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีตกใจเมื่อเห็นเย่เฉิน “อ้อเย่เฉินนี่เอง”
เย่เฉินกล่าว “คุณเหวิน คุณรู้ว่าฉินหงเหยียนไม่สบายเลยมาเยี่ยมใช่ไหม? พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ”
แต่ใครจะรู้เหวินเชี่ยนเชี่ยนกลับมีสีหน้าเก้อเขิน “หงเหยียนไม่สบายเหรอ? หล่อนเป็นอะไรไป?”
เย่เฉินมีสีหน้าประหลาดใจ “คุณไม่รู้เหรอ? หล่อนไม่ได้ขอลากับคุณเหรอ?”
“ขอลา?” เหวินเชี่ยนเชี่ยนเดาว่าเย่เฉินน่าจะยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงกล่าว “เย่เฉิน หงเหยียนยังไม่ได้พูดกับคุณใช่ไหม? หล่อนไม่ได้ทำงานที่บริษัทฉันแล้ว”
“อะไรนะ? ทำไมล่ะ?”
เย่เฉินงุนงง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไหนเลยจะกล้าบอกเหตุผล จึงรีบจ้ำอ้าวแล้วพูดส่งๆ “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะนะ ฉันยังมีธุระต้องทำ”
แล้วจึงเห็นเหวินเชี่ยนเชี่ยนเดินเข้าไปในวิลล่าของหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“เหวินเชี่ยนเชี่ยนไปรู้จักหลิ่วอวี่เจ๋อตอนไหน!”
เย่เฉินประหลาดใจอย่างมาก ถ้าหากว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้จักกับหลิ่วอวี่เจ๋อล่ะก็ อย่างนั้นแล้วเมื่อคืนก่อนก็น่าจะพูดเรื่องนี้
หรือว่าเพิ่งจะรู้จักกัน?
เย่เฉินไม่มีเวลาจะมีคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องของฉินหงเหยียนมากกว่า!
“หงเหยียน หงเหยียน”
เย่เฉินวิ่งเข้ามาในบ้านแล้วปลุกแฟนสาว
“หงเหยียนคุณไม่ได้ทำงานที่บริษัทเหวินเชี่ยนแล้วเหรอ?”
ฉินหงเหยียนตื่นนานแล้ว หลังจากลุกขึ้นแล้วก็ถาม “คุณรู้ได้ยังไง?”
เย่เฉินกล่าว “ผมเพิ่งเจอเหวินเชี่ยนเชี่ยนที่ด้านนอกเมื่อครู่”
“หล่อนมาหาฉันเหรอคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า “หล่อนมางานแต่งงานหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋อ”
“เหอะ”
ฉินหงเหยียนหัวเราะเยาะๆ
เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ เพื่อนสนิทที่เจอกันโดยบังเอิญแบบนี้ต่างก็มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้ดีแก่ใจว่าหลิ่วอวี่เจ๋อต้องการจะตัดทางทำมาหากินของฉินหงเหยียน แต่ยังจะเข้าหาเขาอีก
ทว่าฉินหงเหียนไม่โทษอีกฝ่าย ทำธุรกิจก็ต้องทำแบบนี้
มือสองข้างของเย่เฉินวางลงบนไหล่แบบบางของฉินหงเหยียนแล้วถาม “หงเหยียนบอกผมมาหน่อย เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”