เรือนร่างของหวังหยวนหยวนไม่ได้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแต่เป็นเพราะอาหารการกิน
ทุกครั้งที่กินข้าวร่วมโต๊ะกับหวังหยวนหยวน เย่เฉินก็พบว่าอีกฝ่ายชอบกินอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารพวกนี้อย่างเช่นมะละกอเป็นต้น เย่เฉินมองหวังหยวนหยวนที่มีเรือนร่างเกือบจะใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบแล้วกล่าวว่า “ไม่น่าจะต้องกินมะละกอแล้วมั้ง?”
หวังหยวนหยวนหัวเสียทันที เจ้าหล่อนผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปตรงหน้าเย่เฉินยืนใกล้จนร่างกายแทบจะแนบชิดกับอีกฝ่าย
เย่เฉินแหงนหน้าขึ้นมองเกิดความรู้สึกราวกำลังจ้องภูเขาอย่างไรอย่างนั้น…
หวังหยวนหยวนกล่าวอย่างหัวเสีย “เย่เฉิน นายหมายความว่าอะไร? ทำไมฉันถึงไม่ต้องกินมะละกอแล้ว?”
เย่เฉินถือเป็นพี่เขยของหวังหยวนหยวน ไหนเลยจะสามารถพูดตรงไปตรงมาได้
เย่เฉินกล่าว “ช่างเถอะ ถือเสียว่าผมไม่เคยพูดแล้วกัน ส่วนน้ำแกงนี่ผมจะยกไปให้ กินคนเดียวเถอะ”
แต่หลังจากที่เย่เฉินส่งน้ำแกงไปให้ หวังหยวนหยวนก็ยังไม่หายโกรธ
เจ้าหล่อนเดินไปที่โต๊ะของคุณนายหวังแล้วโอดครวญ
“คุณย่า ไม่ต้องให้เย่เฉินกินข้าวที่นี่แล้ว เขาไม่เตรียมแม้กระทั่งของขวัญ เขามีสิทธิ์อะไรมากินอาหารในงานวันเกิดคุณย่าล่ะคะ? สามปีมานี้ลุงรองกับป้าสะใภ้รองก็อยากจะจับเย่เฉินหย่ากับลูกสาวพวกเขา ถ้าไม่ได้คุณย่าปกป้องเขา ไหนเลยเขาจะอยู่ที่บ้านเราได้ถึงสามปี? เนรคุณจริงๆ เลย ถึงพวกเราจะทำไม่ดีกับเขา แต่อย่างน้อยก็ให้เขามีบ้านหรูๆ อยู่ มีรถหรูๆ ขับแต่วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณย่า เขากลับไม่เตรียมของขวัญมาด้วยซ้ำ”
คำพูดของหวังหยวนหยวนถึงแม้จะเป็นการเปิดฉากโจมตีเย่เฉินแต่ก็ไม่ไร้เหตุผลไปเสียทั้งหมด
การทดสอบเป็นเขยของเย่เฉินกำหนดระยะเวลาไว้ที่สามปี หากไม่ครบกำหนดเวลาการทดสอบนี้จะถือว่าล้มเหลว แล้วเขาก็จะโดนคุณปู่ลงโทษ
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนายหวังไม่ยอมให้เกิดการหย่าขึ้น เย่เฉินคงจะล้มเหลวไปนานแล้ว
บวกกับเขาเองก็กินนอนอยู่ที่นั่นถึงสามปี วันนี้จะออกจากตระกูลนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของคุณนายหวังพอดีก็สมควรจะมีของขวัญให้อีกฝ่ายจริงๆ
เย่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์และโทรหาพ่อบ้านฟางอีกครั้ง
“ฮัลโหล ช่วยเตรียมของขวัญวันเกิดให้ผมหน่อย ส่งมาที่โรงแรมมาริออท”
พอหวังหยวนหยวนได้ยินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น “ชิ สามัญสำนึกทำงานแล้วเหรอ? แต่คนตระกูลหวังเราคงจะไม่รับขยะพวกนั้นที่นายให้มาหรอกนะ!”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าว “เย่เฉินนายอย่าทำให้ตัวเองต้องขายหน้าสิ อย่าเอาขยะมาที่งานวันเกิดนี้เลย นายดูของขวัญที่ทุกคนส่งมาให้ มีของขวัญชิ้นไหนที่ต่ำกว่าสามแสนที่ไหน?”
หวังเจียเหยาก็ไม่อยากให้เย่เฉินขายหน้า อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังไม่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจะเท่ากับว่าครอบครัวของหล่อนก็เสียหน้าเช่นกัน
หวังเจียเหยากล่าว “โทรศัพท์คืนของขวัญของนายไปเถอะ ถ้าหากว่านายจะรั้นให้ของขวัญคุณย่าให้ได้ล่ะก็ ฉันจะให้คนช่วยเตรียมให้”
เย่เฉินกินข้าวต่อแล้วไม่สนใจทั้งสามคนนั้นอีก
เขาไม่ได้บอกพ่อบ้านฟางว่าจะต้องเตรียมของขวัญที่แพงมาจริงๆ
แต่เขารู้ว่าของขวัญจากคนตระกูลเย่ไม่เคยเป็นสิ่งของราคาถูกมาก่อน!
ผ่านไปเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
จู่ๆ ก็มีคนส่งเดลิเวอรี่มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าทางเข้าล็อบบี้
พนักงานของโรงแรมรีบก้าวเข้าไปขวางอีกฝ่าย “ขอโทษด้วยครับ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณนายตระกูลหวังไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้”
เด็กส่งของตอบว่า “อ้อ ผมมาส่งของขวัญนี่แหละครับ”
พูดพลางหยิบเอากล่องที่สวยงามประณีตออกมา เพียงแค่ดูก็รู้ว่ามีมูลค่าอย่างมาก
ดังนั้นพนักงานโรงแรมจึงปล่อยให้เด็กส่งของเข้ามา
เด็กส่งของเดินเข้ามาด้านในแล้วถาม “วันนี้เป็นวันเกิดของใครครับ?”
ตอนนี้แค่เห็นคนในชุดส่งเดลิเวอรี่หวังซ่าวเจี๋ยก็หงุดหงิด เขากระชากเสียงถาม
“เป็นวันเกิดของย่าฉันเอง ใครให้นายเข้ามา!”
เด็กส่งเดลิเวอรี่กล่าว “คือแบบนี้ครับ เมื่อครู่ผมไปเจอคนขับรถโรลส์-รอยซ์ที่ถนนกวงเหอ เขาคงตั้งใจจะมาที่นี่แต่ตอนนี้รถติดมากคงอีกนานกว่าจะถึง”
“เขาก็เลยให้เงินผมมาห้าร้อยหยวนวานให้ผมเอาของขวัญชิ้นนี้มาส่งที่โรงแรมมาริออท”
พอได้ยินคำว่าคนขับรถโรลส์-รอยซ์ ท่าทีของหวังซ่าวเจี๋ยก็เปลี่ยนไปทันที
“อ้อ ที่แท้ก็มาส่งของขวัญให้คุณย่านี่ เอาของขวัญมาให้ฉันสิ”
พอได้กล่องของขวัญมาหวังซ่าวเจี๋ยเปิดออกอย่างประหลาดใจแล้วก็ตื่นตะลึงทันที
ด้านในเป็นกำไลหยกอันหนึ่ง!
คุณนายหวังเองก็ประหลาดใจอย่างมาก “ซ่าวเจี๋ย ของขวัญอะไรน่ะ?”
หวังซ่าวเจี๋ยรีบร้อนวิ่งไป “คุณย่าดูสิครับ เป็นกำไลหยกครับ ดูแล้วแพงมากเลย!”
พอคุณนายหวังเห็นแล้วก็ถือไว้ในมือด้วยความตื่นเต้น ด้วยสัมผัสคุณภาพแบบนี้ สีสันแบบนี้ทำให้คุณนายหวังตื่นเต้นอย่างมาก!
“เป็นหยกขาวที่ประณีตมากจริงๆ ทุกท่านมีใครอยู่ในสายงานนี้หรือเปล่า พอจะมีใครช่วยดูกำไลเส้นนี้ให้หน่อยว่าราคากี่บาท?”
ช่วงนี้ชายวัยกลางคนที่เปิดร้านจิวเวลรี่ก็เดินมา
“คุณนายหวังเดี๋ยวผมช่วยดูให้”
ชายคนดังกล่าวพูดพลางดูไปพลาง “นี่คือหยกเนื้อแก้วชนิดหนึ่ง ทั้งชิ้นเป็นเนื้อเดียวกันสว่างสุกสกาวเนื้อละเอียดไร้ตำหนิคาดว่าคงราคาแพงทีเดียว”
หวังเจียเหยามองแล้วน้ำลายไหลถาม “พอจะบอกราคาแน่ๆ ได้เลยไหม?”
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังทิศทางตรงประตูล็อบบี้ จนมาถึงตรงบริเวณข้างหน้าต่างที่มีแสงสว่างลอดเข้ามา เพื่อมองความใสของตัวหยกผ่านแสง
หลังจากชายหนุ่มดูเสร็จก็กล่าวอย่างตื่นเต้น “คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ใช่กึ่งโปร่งแสง แต่เป็นโปร่งแสง 100%! นี่เป็นหยกชั้นยอด อย่างน้อยๆ มีมูลค่าเป็นล้าน!”
คนในงานต่างก็ตกตะลึง!
คิดไม่ถึงว่าของราคาหนึ่งล้านหยวนจะใช้ให้เด็กส่งเดลิเวอรี่เอามาส่งให้
เศรษฐีผู้นี้เป็นใครกันแน่!