ตอนที่ 233 เรียกลูกน้องทุกคนมารวมตัว!
จินเซียวข่ายถ่มน้ำลายใส่เย่เฉินอย่างเย่อหยิ่ง “ถุย! จะให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนนายเหรอ? นายฝันอยู่หรือเปล่า! นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? บ้านฉันเปิดธนาคาร! รื้อกระเป๋าเงินของพวกนายสิลองดูว่าคนในบ้านนายมีใครบ้างที่ไม่ใช่บัตรเครดิตของธนาคารโหย่วลี่ของที่บ้านฉัน! ไอ้ขยะที่มาจากเมืองเล็กๆ ในเมืองระดับสาม แถมเมียยังถูกเพื่อนฉันแย่งไป ยังกล้าพูดจาโอหังกลับฉันอีกเหรอ? ที่นี่คือเมืองหลวงลำดับสอง! เทียนไห่! นายกล้าล่ะก็ลองแตะต้องฉันดู!”
ปกติแล้วในเทียนไห่นี้ จินเซียวข่ายแทบไม่หวาดกลัวใคร
คนที่อายุเท่ากันและมีพื้นเพเหมือนกัน ปกติแล้วเป็นเพื่อนของเขาทั้งสิ้น ต่อให้ไม่ใช่เพื่อนก็ต้องรู้จักกันบ้าง
ส่วนเย่เฉินเป็นคนมาจากต่างท้องที่ ไม่อยู่ในสายตาเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาถึงได้กล้าด่าอีกฝ่ายโดยไม่หวาดกลัวอะไร!
ทว่าการกระทำนี้ของเขา กลับจุดเพลิงโทสะให้เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุน!
เย่เฉินชะงักค้างไป เขาเป็นคนที่เคยต่อสู้กับคนในสงคราม ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ยกตัวอย่างจินเซียวข่ายเอามีดพกออกมา หรือจะเอาอาวุธอื่นๆ มาโจมตีเย่เฉิน งั้นเย่เฉินจะสามารถปลดอาวุธอีกฝ่ายได้ในทันที
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจินเซียวข่ายจะถ่มน้ำลายใส่เขา
เรื่องขยะแขยงแบบนี้ เรื่องที่น่าละอายแบบนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ประสบพบเจอ
“คิดไม่ถึง…ว่านายจะกล้าถ่มน้ำลายใส่ฉัน?” เย่เฉินยกมือขวาเช็ดหน้าลวกๆ
แต่ในเวลานั้นหลิวเจิ้งคุนโกรธจนกัดฟันกรอดมานานแล้ว ทั่วร่างสั่นเทิ้ม!
เขารีบพุ่งพรวดใส่จินเซียวข่าย แล้วตะโกนอย่างหัวเสีย “เด็กเปรตแกเบื่อชีวิตแล้วล่ะสิ! กล้าถ่มน้ำลายใส่คุณชายเย่! ฉันจะเอาแกให้ตายเลย!”
หลิวเจิ้งคุนพูดไปพลาง ต้องการจะพุ่งไปต่อยจินเซียวข่าย ทว่าเย่เฉินยื่นมือออกมาแล้วขวางอีกฝ่ายเอาไว้
“คุณชายเย่…”
หลิวเจิ้งคุนงุนงง ในฐานะที่เป็นลูกน้องของเย่เฉิน เขาทนมองเจ้านายของตัวเองต้องโดนดูถูกแบบนี้ไม่ได้!!
หลิวเจิ้งคุนทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเย่เฉินทันที “ขอให้คุณชายเย่อนุญาตให้ผมฆ่าไอ้หนุ่มที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรคนนี้ที! ต่อให้ผมจะเหยียบเท้าเข้าเทียนไห่ไม่ได้ตลอดชีวิต โดนไล่ตามฆ่าตลอดชีวิต ผมเองก็ไม่เสียดายแล้วครับ!”
คำพูดนี้ของหลิงเจิ้งคุนทำให้จินเซียวข่ายเกิดหวาดกลัวขึ้นมา
ในความเป็นจริงแล้วแค่เขาดูก็รู้ว่าหลิวเจิ้งคุนไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเปรียบเทียบกับเย่เฉินที่อายุพอกันและหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขาหวาดกลัวหลิวเจิ้งคุนมากกว่า
เย่เฉินรู้ว่าหลิวเจิ้งคุนกำลังแสดงความภักดีต่อคนเอง ทว่าเย่เฉินมีแผนแล้ว
“ถ่มน้ำลายใส่ผมเหรอ?” เย่เฉินถามพลางมองไปที่จินเซียวข่ายอีกครั้ง
จินเซียวข่ายมองหลิวเจิ้งคุนอย่างหวาดกลัว จากนั้นถาม “ถ่มน้ำลายไปแล้วไง ทำไมล่ะ?”
“ดีมากนี่”
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะไม่โกรธ แต่กลับล้วงเอาทิชชู่หนึ่งแผ่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเช็ดน้ำลายจนสะอาด
หลังจากนั้นก็กล่าวกับหลิวเจิ้งคุนที่คุกเข่าบนพื้น “เรียกลูกน้องทั้งเทียนไห่ของนายมา ทั้งหมดทุกคน”
“คุณชายเย่…”
หลิวเจิ้งคุนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าเย่เฉินตั้งใจจะทำอะไร
ถ้าหากว่าเย่เฉินต้องการจะรับมือกับจินเซียวข่าย เย่เฉินแค่คนเดียวหรือหลิวเจิ้งคุนแค่คนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกคนมาสักหน่อย
ทันใดนั้นเองในหัวหลิวเจิ้งคุนก็มีภาพของละครที่ดูช่วงนี้โผล่ขึ้นมา
“เทพแห่งสงครามกลับมาแล้วเห็นลูกสาวอยู่ในรูหนู ก็สั่งให้ทหารแสนคน สร้างรูหนูแสนอัน”
ถึงแม้ว่าบทละครนี้จะออกจะเวอร์ไปหน่อย แต่ก็มากพอจะทำให้เห็นความเอาแต่ใจของคนที่เป็นคนใหญ่คนโต!
หลิวเจิ้งคุนเข้าใจแล้วว่าเย่เฉินทำอะไร!
“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนผุดลุกขึ้นทันที แล้วกดโทรศัพท์โทรหาลูกน้อง
แต่จินเซียวข่ายเห็นเย่เฉินโดนถ่มน้ำลายใส่แต่กลับไม่ยอมลงไม้ลงมือ ในทางกลับกันเขากลับโทรเรียกลูกน้องอย่างคนขี้ขลาด จินเซียวข่ายเองรู้สึกก็สบายใจขึ้นมาก
จินเซียวข่ายกล่าวกับหม่าหนานด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ คุณหม่า เจ้าเด็กนี่โอหังจริงๆ เราก็มีคนของเราที่เทียนไห่เหมือนกัน”
หม่าหนานและจินเซียวข่ายหัวเราะ ที่นี่คือพื้นที่ของพวกเขาจะหาพวกได้มากกว่าเขาเชียวหรือ
ทั้งสองคนโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหล ใช่ๆ ฉันอยู่ที่ฟิตเนส CGYM รีบเรียกพี่น้องมาเร็วๆ! แล้วประกาศบอกพี่น้องทุกคนในพาพวกมาที่ฟิตเนส CGYM ด้วยว่าให้มาช่วยฉันกับคุณชายจิน!”
พอโทรเรียกพวกมาแล้ว พวกเขาสองคนก็พูดคุยกันอย่างระมัดระวัง
หม่าหนานกล่าวว่า “ถ้าสมมติว่าอีกเดี๋ยวคนของเขามาถึงก่อนจะทำยังไง?”
จินเซียวข่ายเองก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน “ไม่เป็นไรน่า ฉันโทรหาเจ้าของฟิตเนสแล้ว บอกให้เขาปิดที่นี่เป็นการชั่วคราว ต่อให้คนของเหมอนั่นมาถึงก่อน ก็เข้ามาไม่ได้หรอก”
จินเซียวข่ายรู้จักกับเจ้าของฟิตเนสแห่งนี้ ดังนั้นการจะบอกให้เจ้าของฟิตเนสปิดสักวันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ฮัลโหล เถ้าแก่หลี่ ผมคืออาข่าย วันนี้ผมอยากให้คุณหยุดงานสักหนึ่งวัน ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามคนที่ไม่ทำบัตรสมาชิกเข้ามา ให้ผมดูแลในตอนบ่ายวันนี้ได้ไหมครับ? ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมจะชดใช้ให้สองเท่า!”
พอกดวางสาย จินเซียวข่ายก็พูดกับหม่าหนานว่า “เรียบร้อยแล้ว”
จากนั้นจินเซียวข่ายเองก็หัวเราะกับเย่เฉินอย่างลำพองใจ “ไอ้หนุ่ม ไม่ต้องเรียกคนของนายมาแล้ว ต่อให้พวกเขามาแล้วก็เข้ามาไม่ได้ ถ้านายกะจะให้พวกเขาฝืนดึงดันเข้ามา ฮ่าๆ เกรงว่านายคงจะไม่รู้ว่าที่ประตูใหญ่น่ะติดตั้งประตูนิรภัยเอาไว้ ถ้าพวกเขาดึงดันเข้ามาจะโดนไฟช็อต”
ไม่ค่อยมีฟิตเนสที่จะติดตั้งประตูนิรภัยแบบนี้ และเป็นเพราะว่าฟิตเนสแห่งนี้มีผู้หญิงสวยๆ จำนวนมาก แถมยังเป็นผู้หญิงที่มีเงินอีกด้วย
ดังนั้นเถ้าแก่ถึงได้ติดตั้งประตูนิรภัยขึ้นมา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประตูกันพวกตะเข้ตะโขงด้วย
ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถสมัครสมาชิกในฟิตเนสแห่งนี้ได้ บางคนที่ถ้าหากดูแล้วน่ากลัว หรือแต่งตัวไม่ดี ทางฟิตเนสก็จะห้ามเข้า
ถ้าหากยังดึงดันจะบุกเข้ามาล่ะก็ประตูของเราจะสอนมารยาทคุณเอง
และเป็นเพราะว่าฟิตเนสนั้นตั้งคุณสมบัติของสมาชิกที่จะรับไว้สูงมากและมีความปลอดภัยสูง ดังนั้นสมาชิกหญิงที่นี่ถึงได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ
“ชิ”
เย่เฉินมองอย่างดูแคลน ในเมื่อเข้าตัดสินใจจะเรียกลูกน้องมาจัดการจินเซียวข่ายแล้ว เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องทำให้ลูกน้องของเขาจะเข้ามาในฟิตเนสแห่งนี้ให้ได้
ไม่มีใครจะขวางเขาได้!
เย่เฉินรีบกดโทรหาพ่อบ้านฟางทันที
“ฮัลโหล ผมอยู่ที่ฟิตเนส CGYM ซื้อฟิตเนสแห่งนี้ให้ผมที”
เย่เฉินแค่นเสียง
เพราะว่าเย่เฉินโทรศัพท์ต่อหน้าจินเซียวข่ายและหม่าหนาน ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างเยาเฉินและคนปลายสาย
หลังจากได้ยินแล้วทั้งสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ จะซื้อฟิตเนส CGYM เหรอ? ไอ้หนุ่มนายโม้อะไรของนายเนี่ย? นายรู้ไหมว่าจะซื้อฟิตเนสแห่งนี้ได้ต้องใช้เงินเท่าไหร่? ที่นี่คือฟิตเนสที่ดีที่สุดของเทียนไห่เชียวนา!”
จินเซียวข่ายดูถูกเย่เฉิน
หม่าหนานเองก็หัวเราะคิกคัก “น่าขำจริงๆ ไอ้คนจนๆ ในเมืองชั้นสาม คิดไม่ถึงว่าจะกล้าอวดรวยต่อหน้าพวกเราสองคน กล้าจริงๆ! อย่าว่าแต่นายไม่มีเงินเลย ต่อให้นายมีเงินมากขนาดนี้เถ้าแก่หลี่ก็ไม่ขายฟิตเนสให้นายหรอก!”
จินเซียวข่ายพูดต่อ “ถูกต้อง เถ้าแก่หลี่เขาเป็นใคร? เดิมทีที่เขาเปิดฟิตเนสก็เพราะเป็นงานอดิเรก เงินกะอีแค่ไม่กี่ล้าน เขาไม่อยากได้หรอก ทำไมต้องขายให้นายด้วย! วันนี้ถ้านายซื้อฟิตเนสแห่งนี้ได้ ฉันจะหกสูงปลดทุกข์เลย!”
จากนั้นก็ได้เย่เฉินกล่าวกับปลายสายว่า “อะไรนะ? ไม่ต้องซื้อเหรอ? ก็ได้”
“ฮ่าๆ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เย่เฉินแล้ว จินเซียวหม่าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที