นามบัตรใบนี้เป็นนามบัตรสีดำโดยตัวหนังสือบนนามบัตรเป็นสีทอง และบนตัวหนังสือนั้นยังประดับเพชรด้วย เพียงแค่นามบัตรก็ใช้เพชรเกินสามสิบกรัมไปแล้ว!
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ นามบัตรใบนี้มีมูลค่าหนึ่งหมื่นหยวน!
นามบัตรจะทำเพียงใบเดียวก็คงไม่ได้ บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปได้จัดทำนามบัตรให้เย่เฉินชุดหนึ่ง แถมเงินค่านามบัตรชุดหนึ่งนี้น่าจะซื้อบ้านในเมืองระดับสามได้ชุดหนึ่งแล้ว!
ผู้กำกับหลี่รับนามบัตรมา พอเห็นเพชรที่ส่องแสงประกายระยิบระยับก็ตกใจทันที
แถมในนามบัตรนั้นเขียนชื่อของเย่เฉินเอาไว้จริงๆ
ผู้กำกับหลี่เหลือบไปเห็นสัญญาที่เนื้อหาระบุว่าหุ้นในส่วนของประธานผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปถูกยกให้เย่เฉินแล้ว
ทว่าตำรวจข้างตัวเขากลับเอ่ยว่า “ผู้กำกับของปลอมหรือเปล่าครับ?”
สัญญาและนามบัตรล้วนแต่สามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ไม่มีอะไรแปลก เป็นตำรวจมาหลายปีดีดักเขาเห็นจนชินชาเสียแล้ว
ผู้กำกับหลี่กล่าวว่า “จะเจอข้อมูลของคุณบน THE EYE หรือเปล่า?”
THE EYE คือแอพพลิเคชันที่เก็บข้อมูลของธุรกิจกว่าสองร้อยล้านแห่งทั่วประเทศอย่างเช่น ประเภทธุรกิจ ข้อมูลพวกผู้บริหารก็อยู่ในฐานข้อมูลนี้
เย่เฉินยิ้มแล้วตอบ “คนทำ THE EYE คือดร.จางเชาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยกับพี่ชายคนที่สองของผม เพราะผมไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการดังนั้นก่อนจะรับตำแหน่งผมไม่อยากให้ใครเจอข้อมูลของผมก็เลยให้เขาช่วยปกปิดข้อมูลให้หน่อย แต่ในเมื่อพวกคุณเชื่อในข้อมูลของ THE EYE เดี๋ยวผมจะบอกเขาจัดการให้ผมหน่อย”
พอเย่เฉินพูดจบก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วโทรออก
“ดร.จางครับ ช่วงนี้สบายดีไหมครับ? คือแบบนี้นะครับ ตำรวจที่อวิ๋นโจวอยากจะดูข้อมูลของผมใน THE EYE คุณช่วยเปิดหน้าข้อมูลของผมสักสิบนาทีหน่อยสิครับ”
พอคุยกับ ดร.จางจบ เย่เฉินก็เชิญตำรวจทั้งสองคนดื่มชาด้วยกัน
ผ่านไปแค่นาทีเดียวเย่เฉินก็ได้รับข้อความ จากนั้นเย่เฉินก็บอกกับผู้กำกับ
“พวกคุณลองเสิร์ชใน THE EYE ได้ลย”
ผู้กำกับหลี่รีบร้อนเปิดแอพพลิเคชัน ‘THE EYE’ ในมือถือ กรอกข้อมูลของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วก็เจอชื่อเย่เฉินเป็นชื่อแรกในรายชื่อพนักงาน!
“ประธานกรรมการบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เย่เฉิน!”
ด้านบนไม่ได้มีเพียงชื่อเย่เฉินแถมยังมีรูปภาพของเขาด้วยซึ่งเหมือนกับเย่เฉินคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาทุกกระเบียดนิ้ว!
แต่ตำรวจที่อยู่ด้านข้างผู้กำกับหลี่ยังระแวงเล็กน้อย “แฮคเกอร์เป็นคนทำหรือเปล่านะ?”
พวกแฮคเกอร์ในอินเตอร์เน็ตมีตั้งมากมาย แฮคเข้าแอพพลิเคชันหนึ่งๆ แล้วเปลี่ยนแปลงข้อมูลก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าว “ตอนแรกผมไม่อยากจะอวดรวย แต่ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ งั้นก็ได้”
เย่เฉินเปิดหน้าข้อความในโทรศัพท์แล้วส่งให้ผู้กำกับหลี่ดู
ผู้กำกับหลี่รับมือถือมาดูแล้วก็เห็นข้อความแจ้งธุรกรรมสำเร็จจากธนาคาร
“ยอดเงิน 560,000 หยวน เวลา : วันที่20 เดือนเมษายน เวลา 14:22 เลขที่บัญชี *****6582 ประเภท : Quick pay”
“ยอดเงินคงเหลือ 10,000,000,211 หยวน”
พอเห็นเลข 0 ที่อยู่ติดกันเป็นพรืด ผู้กำกับหลี่และนายตำรวจที่มาด้วยกันก็ตะลึงค้างไป!
“นี่มัน…หมื่นล้าน!”
ทั้งสองคนนับอยู่นานกว่าจะเข้าใจ
พ่อบ้านฟางให้บัตรใบนี้แก่เย่เฉินเมื่อวาน นั่นเพราะเย่เฉินกับหวังเจียเหยาเซ็นเอกสารแบ่งทรัพย์สินก่อนแต่งงานกันเอาไว้ ดังนั้นทรัพย์สินจึงเป็นของใครของมัน
ดังนั้นพอหย่าหวังเจียเหยาจึงไม่สิทธิ์ที่จะสอบถามรายละเอียดทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อเย่เฉิน
เย่เฉินมองคนที่กำลังตกใจทั้งสองคนแล้วกล่าว “คุณตำรวจ นี่เป็นแค่หนึ่งในบัตรที่ผมมีเท่านั้น ทว่าแค่เงินในบัตรนี้ใบเดียวเกรงว่าต่อให้ขายทรัพย์สินของตระกูลหวังทั้งหมดก็ไม่ถึงครึ่งของเงินในนี้ด้วยซ้ำไป พวกคุณคิดว่าผมจะไปขโมยนาฬิกาที่มีราคาแค่ห้าล้านเหรอครับ?”
ทั้งสองคนไม่สงสัยเย่เฉินอีกต่อไป พวกเขาเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของตระกูลหวังมาบ้าง พอจะรู้ว่าตระกูลหวังไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยในลำดับต้นๆ มีสินทรัพย์เพียงแค่ไม่กี่ร้อยล้าน
ทว่าแค่บัตรใบเดียวของเย่เฉินก็มีเงินถึงหมื่นล้านแล้ว!
เขามีเงินมากขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องไปขโมยของของตระกูลหวังแม้แต่นิดเดียว!
ผู้กำกับหลี่ถามอย่างประหลาดใจ “คุณเย่คงจะเป็นคุณชายของตระกูลไฮโซสักที่ล่ะสิ? ทำไมถึงยอมแต่งเข้าตระกูลหวังล่ะ?”
เย่เฉินตอบอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็ที่บ้านจัดการให้ครับ ผมเองก็เลือกอะไรไม่ได้ หวังว่าทั้งสองท่านจะช่วยผมเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยเก็บเป็นความลับจากคนตระกูลหวังด้วย ผมไม่อยากข้องแวะอะไรกับพวกเขาอีก”
ผู้กำกับหลี่ผงกศีรษะติดต่อกัน “คุณเย่สบายใจได้เลย พวกเราจะไม่แพร่งพรายความลับที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณแน่นอน ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนการพักผ่อนของคุณ พวกเราควรไปแล้ว”
เย่เฉินลุกขึ้นส่ง “ไม่เป็นไรเลยครับ เชิญทั้งสองท่านเถอะ”
สองนาทีต่อมา ตำรวจทั้งสองคนก็มาที่ล็อบบี้โรงแรม
หวังเจียเหยาและฟางเชาก็รีบเดินมาทันที
ฟางเชาพบว่าเย่เฉินไม่ได้เดินตามมาด้วยก็ถามอย่างสงสัย
“คุณตำรวจครับ ทำไมเย่เฉินไม่ลงมาด้วยล่ะ? เขาขัดขืนการจับกุมเหรอครับ? ส่งคนมาเยอะหน่อยสิครับ พกปืนมาด้วยก็ดีเผื่อจะสั่งสอนไอ้เวรนั่น!”
ผู้กำกับหลี่ถลึงตามองฟางเชา “ระวังคำพูดของคุณด้วย! ถ้าคุณพูดคำหยาบอีกระวังเถอะผมจะพาคุณไปสถานีตำรวจด้วย!”
จากนั้นผู้กำกับหลี่ก็มองที่หวังเจียเหยาแล้วกล่าว “คุณเย่เฉินเขาพูดแล้วว่าเขาไม่ได้เอานาฬิกาของที่บ้านคุณไป ผมว่าคุณลองกลับไปหาดีๆ อีกรอบ ว่าลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า”
หวังเจียเหยากล่าว “ทำไมพวกคุณถึงได้เชื่อคำพูดเขาล่ะ! ถ้าเขาไม่ได้ขโมยของของที่บ้านเราแล้วจะเอาเงินจากไหนมาเช่าโรงแรมห้าดาว เขามันเป็นแค่ไอ้ยาจกที่ส่งอาหารเดลิเวอรี่ก็เท่านั้น!”
ยาจก?
พอได้ยินคำที่หวังเจียเหยาใช้บรรยายถึงเย่เฉิน ตำรวจทั้งสองก็พูดไม่ออก…
โลกนี้มียาจกที่มีเงินถึงหมื่นล้านด้วยเหรอ?