ตอนที่ 244 อาการซึมเศร้าก่อนคลอด!
‘โลกของคนสองคน มีความสับสนเข้าใจผิดกันมากมาย มักจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเย็นชากับตนเอง’
‘คนที่ฉันรักที่สุด กลับทำร้ายฉันอย่างที่สุด ฉันไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปใกล้หรือเดินถอยหลัง’
‘จะให้ฉันลืมเลือนได้ยังไง ลืมคำสัญญาที่เคยให้กัน จะให้ฉันลืมเลือนได้ยังไง ลืมความน่ารักของเธอ’
‘…’
หวังเจียเหยาเอาแต่เปิดเพลงที่ชายหญิงร้องคู่กันตลอดทาง
เช่น ‘Liang Ge Ren De Shi jie’ ‘Zui Ai De Ren Shang Wo Zui Shen’ ‘Xiang Ai Duo Nian’ เป็นต้น
แทบทุกเพลงเป็นเหมือนภาพสะท้อนความรักระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยา
ทว่าตอนจะถึงโรงพยาบาล หวังเจียเหยาก็เลือเพลง ‘GREEN’
รถนิ่งสนิทแล้วเย่เฉินก็เปิดปากถาม “เพลง ‘GREEN’ ที่คุณเปิดนี่มันหมายความว่ายังไง?”
หวังเจียเหยาตอบอีกฝ่าย “ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรนี่ ก็รู้สึกว่าทำนองมันเพราะดี นายรีบประคองฉันเร็วๆ”
ตอนนี้ท้องหญิงสาวโตมากแล้ว คนในโรงพยาบาลก็เยอะแยะ ทำให้เย่เฉินจำเป็นต้องประคองหล่อน เพื่อช่วยหญิงสาว
พาหล่อนไปตรวจร่างกายเรียบร้อย ก็พบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร
จนไปถึงห้องตรวจตอนพบแพทย์ หวังเจียเหยาถือสมุดฝากครรภ์ เจ้าหล่อนก็ยังคงกล่าวกับหมออย่างไม่ใคร่จะวางใจ
“คุณหมอคะ ช่วงท้องแก่คนอื่นไม่ง่วงนอนหลับ ไม่ก็กินทำอยู่แค่นี้ แต่ฉันน่ะกินอะไรก็ไม่ลง แล้วยิ่งใกล้จะคลอดเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเครียดอีก เกิดอะไรขึ้นค่ะหมอ?”
คุณหมอท่านนี้เป็นหมอสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโรงพยาบาลแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นจิตแพทย์อีกด้วย
คุณหมอกล่าวแล้วระบายยิ้ม “เพิ่งท้องแรกใช่ไหม? เครียดก็ธรรมดา”
“แต่ว่าฉันชอบฝันร้าย แล้วก็ยังล้าทุกวันเลยนะคะ บางครั้งถึงกับหวาดกลัวเลยล่ะค่ะ บางครั้งก็รู้สึกไม่ต้องการเด็กในท้องอีกแล้วล่ะค่ะ” หวังเจียเหยากล่าว
หมอตอบว่า“คุณอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอด คุณผู้ชายท่านนี้คือพ่อเด็กใช่ไหมครับ?”
หมอหันมาหาเย่เฉิน
เย่เฉินพยักหน้ารับ
หมอกล่าวกับเย่เฉิน “ที่ภรรยาของคุณมีอาการแบบนี้ อาจเพราะคุณอาจจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ภรรยาคุณคาดหวังเอาไว้ได้ ช่วงนี้หน้าที่การงานของคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
เย่เฉินยิ้มละไม ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้นี่เอง หน้าที่การงานของตัวเขาเองน่ะไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ว่าหน้าที่การงานของหลิ่วอวี่เจ๋อกำลังร่วงลงเหวจนไม่รู้จะร่วงถึงไหนเลยล่ะ
“ก็พอได้นะครับ” เย่เฉินตอบส่งๆ
หมอก็พูดต่อ “ถ้าหน้าที่การงานของคุณมั่นคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว งั้นก็น่าจะเพราะคุณไม่ได้ดั่งใจภรรยาตัวเองแล้วล่ะครับ คุณทำงานยุ่งเหรอครับ? มีเวลาอยู่กับคุณภรรยาบ้างไหม?”
หวังเจียเหยาแค่นเสียง “เขาไม่มีเวลาอยู่กับฉันหรอกค่ะ”
หมอรีบกล่าวต่อ“เห็นไหมครับ ผมพูดว่ายังไงล่ะ? จะต้องเป็นเพราะคุณไม่ค่อยมีเวลาให้ภรรยา ดังนั้นหล่อนถึงได้เป็นกังวลแบบนี้”
เย่เฉินเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของหวังเจียเหยาแล้วก็รู้สึกแย่ ผมน่ะมีเวลาให้คุณถมถืด แต่คุณมันรนไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อเอง!
แต่ว่าเย่เฉินเองก็ไม่อยากจะสาธยายความสัมพันธ์ที่แสนยุ่งเหยิงของพวกเขาสามคนต่อหน้าหมอ
หมอก็กล่าวกับเย่เฉินต่อ “คุณจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆ นะครับ อีกเดือนเดียวก็จะคลอดแล้ว ในเดือนนี้ทำไมถึงหาเวลามาอยู่หับภรรยาบ้างไม่ได้ล่ะครับ? ผู้หญิงตั้งท้องตั้ง 10 เดือนลำบากมากนะครับใช่ไหมล่ะ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ครับ ผมจะหาเวลามาอยู่กับหล่อนให้มากๆ”
พวกเขาคุยกับหมอต่ออีกประเดี๋ยว เย่เฉินก็ประคองหวังเจียเหยาออกไป
หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากห้องทำงานไป ผู้ช่วยของหมอก็กล่าวว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนมีอาการซึมเศร้าก่อนคลอดเลยล่ะคะ? หล่อนไม่ได้มีอารมณ์เศร้าสร้อยเลยด้วยซ้ำ กลับกันบางครั้งยังร่าเริงมากด้วย เพียงแต่ว่ากังวลเรื่องเด็กในท้องมากก็เท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องกังวลมากขนาดนี้ด้วย”
หมอที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอน่ะยังอายุน้อย เดี๋ยวถ้านทำงานที่โรงพยาบาลต่ออีกหลายๆ ปีเข้า ต่อไปก็จะรู้เรื่องอย่างรวดเร็วเลยล่ะ”
“มองออกตั้งแต่แรก หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” ผู้ช่วยหมอถาม
หมอตอบ “ก็ที่ผู้หญิงเขากังวล หวาดกลัวน่ะ อาจจะไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องความเจ็บปวดในการคลอดลูกหรอก แต่กังวลว่าลูกคนนี้อาจจะไม่ใช่ลูกของสามีตัวเองน่ะสิ!”
“หา?” ผู้ช่วยสาวตกใจจนอ้าปากค้างตกตะลึง
เขาเป็นหมอสูติและจิตแพทย์ของหญิงตั้งครรภ์มานาน เขาเคยเห็นเรื่องทำนองนี้มาก็มากที่พอคลอดลูกออกมา กลายเป็นว่าเด็กไม่ใช่ลูกของสามีตนเอง
มีบางคนระยะเวลาไม่ถูกต้องด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นหมอรู้ดีแก่ใจ แต่กลับไม่กล้าบอกฝ่ายชาย
หมอนึกถึงใบหน้าที่งดงามของหวังเจียเหยาก็กล่าว “ผู้หญิงคนนี้สวยขนาดนั้น คนที่ตามจีบหล่อนน่าจะมีเยอะแยะเลยล่ะ เดี๋ยวรอดู อีกเดือนหนึ่งโรงพยาบาลเราอาจจะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูก็ได้”
……
“ระวัง ช้าๆ หน่อย”
เย่เฉินเปิดประตูให้หวังเจียเหยา แล้วประคองหล่อนลงจากรถ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล ออกมาจากที่นั่น ต้องถือว่าอดีตสามีอย่าง
หวังเจียเหยาย่อมดื่มด่ำไปกับความสุขนั้น! หล่อนชอบความรู้สึกแบบนี้!
เมื่อขึ้นรถแล้วหวังเจียเหยาก็กล่าวต่อว่า “เย่เฉิน เมื่อครู่นายก็ได้ยินแล้วใช่ไหมที่หมอบอกว่าฉันเป็นซึมเศร้าก่อนคลอด ต้องการให้พ่อเด็กมีเวลาให้ ไม่รู้แหละ ในหนึ่งเดือนนี้นายจะต้องมาบ้านฉันทุกวัน อยู่เป็นเพื่อนฉันวันละสองชั่วโมง”
เย่เฉินกล่าว “อยู่เป็นเพื่อนคุณวันละสองชั่วโมง? หลิ่วอวี่เจ๋อเขาจะยอมเหรอ? แล้วอีกอย่างโรคซึมเศร้าของคุณนี่ ผมว่าน่าจะเกิดเพราะทรัพย์สินตระกูลหลิ่วลดลงเหลือแค่ห้าหมื่นล้านมากว่าล่ะมั้ง คุณผู้หญิงห้าหมื่นล้านก็เยอะแยะจะตายไปแล้ว อย่าโลภมากนักเลยได้ไหม?”
หวังเจียเหยาหงุดหงิด “ไร้สาระ! ฉันไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าเพราะเรื่องพวกนั้นหรอก! ฉันไม่ได้บ้าเงินขนาดนั้นย่ะ!”
“งั้นเพราะอะไรล่ะ?” เย่เฉินย้อนถาม
หวังเจียเหยาขบริมฝีปากแล้วนิ่งชะงักไปทันที
“ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน นายเป็นพ่อของเด็กในท้องฉันนี่ นายก็ต้องทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อให้ดีที่สุด ฉันจะโทรหาหลิ่วอวี่เจ๋อเดี๋ยวนี้ล่ะ”
หวังเจียเหยาโทรศัพท์หาหลิ่วอวี่เจ๋อทันที
“หลิ่วอวี่เจ๋อนายออยู่ไหน?” หญิงสาวเปิดลำโพงเสียด้วย
“ผมอยู่กับพวกเสี่ยวหม่ามีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฝั่งหลิ่วอวี่เจ๋อเสียงดังโหวกเหวกมากทีเดียว เหมือนว่ากำลังดื่มเหล้ากันอยู่
อีกทั้งยังมีเสียงของผู้หญิงจำนวนไม่น้อยลอดเข้ามา
หวังเจียเหยากล่าว “ฉันเพิ่งไปโรงพยาบาลมาค่ะ หมอบอกว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอด ต้องการสามีมาอยู่เป็นเพื่อน ฉันรู้ว่าลูกไม่ใช่ของนาย นายก็คงไม่อยากคอยดูแลหรอก ฉันให้เย่เฉินมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวัน วันละสองชั่วโมงได้ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อครุ่นคิด เขารู้สึกว่าหวังเจียเหยาตั้งท้องได้แปดเดือนแล้ว ตอนนี้พวกเขาสองคนก็ทำอะไรกันไม่ได้จึงตกปากรับคำหญิงสาวไป
“ได้ คุณบอกเขาไปสิ”
เมื่อวางสายแล้วหวังเจียเหยาก็กล่าวกับเย่เฉิน “ตอนนี้นายมาที่บ้านฉันได้ตลอดเวลา”
เย้เฉินกล่าว “ผมต้องไปคุยกับคนของผมก่อน”
หวังเจียเหยากล่าว “ไม่ต้องทำอะไรให้มันวุ่นวาย ฉันคุยกับหล่อนเอง”
หวังเจียเหยาเป็นฝ่ายโทรหาฉินหงเหยียนก่อน หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“พี่หงเหยียนคะ ฉันเจียเหยานะคะ อื้ม ฉันเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลกับเย่เฉินค่ะ กำลังจะกลับบ้าน”
ฉินหงเหยียนเองก็มีมารยาทอย่างมาก “ผลการตรวจสุขภาพเป็นอย่างมาก ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาตอบ “หมอบอกว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าก่อนคลอดค่ะ ต้องให้พ่อเด็กอยู่เป็นเพื่อนเยอะๆ พี่เองก็รู้ว่าเด็กในท้องฉันไม่ใช่ลูกของอวี่เจ๋อ ตอนนี้เขาไม่สนใจฉันสักนิด ฉันขอยืมเย่เฉินจากพี่ได้ไหมคะ วันละสองชั่วโมง ให้เขาเล่นเปียโนให้ฉันฟังอะไรแบบนี้น่ะค่ะได้ไหมคะพี่หงเหยียน?”