เย่เฉินสับสน ฟางเชาทำไมมีสมองที่โง่งมแบบนี้นะ นี่เขาสมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย?
ถึงได้เอาแต่พูดจาเหลวไหลเลอะเทอะอยู่ได้!
แต่ฟางเชากลับรู้สึกว่าตนเองฉลาดมาก พอหวนนึกถึงเรื่องที่โจงหรงหรงพูดกับเพื่อนร่วมงานว่าอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการคุกเข่าให้ผู้บริหารก็ปักใจว่าเย่เฉินจะต้องคุกเข่าให้คุณฉินแน่นอน!
ส่วนสาเหตุในการคุกเข่าจะต้องเป็นเพราะขอร้องฉินหงเหยียนให้อภัยเขา และอ้อนวอนขอเป็นบอดี้การ์ดของหล่อน
ฟางเชากล่าว “เย่เฉินเมื่อวานที่งานเลี้ยงแกแกล้งทำเป็นว่าสูงส่งเก่งนักไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นตอนคุณฉินให้แกเป็นบอดี้การ์ดก็ยังไม่ยอมนี่ เราทุกคนล่ะก็คิดว่าแกมีของยอมตายไม่ยอมเสียเกียรติ! ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายวันนี้แกจะตื่นแต่เช้า แต่งตัวจากหมาเป็นคนใส่ชุดสูทบอดี้การ์ดมาคุกเข่าอ้อนวอนคุณฉินเพื่อเสนอตัวเป็นหมารับใช้! คุณฉิน คุณอย่ารับปากเขาเชียวนะครับ เมื่อวานที่งานเลี้ยงคุณก็พูดเองว่าจะตัดทุกทางทำมาหากินของเย่เฉิน!”
โจวหรงหรงที่อยู่ด้านนอกก็ตกใจจนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองหลังจากที่ได้ยิน
คุณฉินจะตัดทางทำมาหากินของคุณเย่เหรอ?
สวรรค์ นี่เรื่องจริงเหรอ?
ฉินหงเหยียนโกรธถึงขีดสุด ไม่อยากจะเชื่อว่าฟางเชาจะทำให้หล่อนหน้าแตกกลางสาธารณชน ทำให้คนอื่นรู้ว่าตนเองเคยล่วงเกินท่านประธานของบริษัท!
เพี้ยะ!
ฉินหงเหยียนฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง!
“เหลวไหล! ฉันเคยพูดแบบนั้นเมื่อไหร่! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ! แล้วต่อไปห้ามนายมาที่บริษัทของฉันอีกแล้วอีกอย่างรีบไล่พนักงานคนที่พาเขาขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย!”
ฟางเชากุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวด เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลฟางแต่กลับโดนตบต่อหน้าคนอื่นถึงสองครั้ง!
ที่นี่เป็นพื้นที่ของฉินหงเหยียน ฟางเชาจึงไม่กล้าพูดจารุนแรงกับอีกฝ่ายทำได้เพียงระบายอารมณ์ใส่เย่เฉินแทน
“เย่เฉิน แกอย่าคิดว่าได้เป็นบอดี้การ์ของคุณเฉินแล้วพวกเราจะทำอะไรแกไม่ได้! คอยดูเถอะ อีกไม่นานหรอกฉันจะทำให้แกอดอยาก! จนต้องไปนอนข้างถนน! แล้วติดคุกด้วย!”
ฟางเชาลงไปด้านล่างด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว พอไปถึงบนรถเขาก็ทุบพวงมาลัยด้วยมือสองข้างไม่หยุด
“นังบ้าฉินหงเหยียน! กะอีแค่สวยสักหน่อยเท่านั้นเอง เป็นแค่อีตัวที่พึ่งผู้ชายเพื่อให้ได้ดิบได้ดีก็เท่านั้น! มีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน! รอให้ฉันเผด็จศึกหวังเจียเหยาก่อนเถอะ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันจะทำให้เธอคุกเข่าลงตรงหน้าฉันแล้วเรียกฉันว่าแด้ดดี้! แล้วพ่อจะเล่นให้สาสมเลย! แล้วยังจะมีขยะเย่เฉินอีก ฉันต้องรีบแจ้งคนตระกูลหวังเรื่องที่เขาเป็นบอดี้การ์ให้ฉินหงเหยียนด่วนเลย”
…..
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ วิลล่าที่เขตซีซาน
“ว่าอะไรนะ? เย่เฉินไปเป็นบอดี้การ์ดของฉินหงเหยียนเหรอ?”
พอคุณนายหวังได้ยินคำสาธยายของฟางเชาก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแค่หล่อน แต่ยังมีหวังเจียเหยา หวังซ่าวเจี๋ย หวังหยวนหยวนรวมไปถึงหวังจื้อเฉียง หวังจื้อหย่วนต่างก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
ฟางเชากล่าว “ใช่แล้วครับ ผมเห็นเองกับตาว่าเย่เฉินอยู่ในห้องทำงานของฉินหงเหยียนกำลังช่วยถือเอกสารให้คุณฉินอยู่ ผมยังได้ยินมาว่าคนในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปพูดกันว่า พอเย่เฉินเจอฉินหงเหยียนก็คุกเข่าลงทันที คุกเข่าสองข้างลงตรงหน้าคุณฉินหงเหยียนอ้อนวอนขอให้หล่อนให้อภัย ฉินหงเหยียนถูกใจเย่เฉินตั้งแต่เมื่อวาน คิดว่าคงใจอ่อนแล้วตกปากรับคำเขาไปแล้ว”
พอฟังมาถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็กำหมัดแน่น “เย่เฉินคนสารเลว! คิดไม่ถึงว่าเขาจะคุกเข่าให้กับหญิงอื่น! ฉันแต่งงานกับเขามาสามปีเขายังไม่เคยคุกเข่าให้ฉันเลยสักครั้ง! ฉันให้โอกาสเขาคุกเข่าเพื่อสำนึกผิดตั้งหลายครั้ง ขอแค่เขาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน ฉันก็จะให้อภัยเขา ไม่หย่ากับเขาก็ได้ ไม่เรียกตำรวจจับเขาก็ได้ แต่เขาไม่ยอม ไม่ยอมที่จะคุกเข่าให้ฉันเลย! แต่แค่ประเดี๋ยวเดียวเขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงคนอื่น!”
ยิ่งหวังเจียเหยาพูดก็ยิ่งโมโห หงุดหงิดจนเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ในสายตาคนตระกูลหวัง นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวพลางหัวเราะ “เจียเหยา สามปีมานี้เธอสอนเขายังไง? ไม่ยอมคุกเข่าให้ภรรยาของตัวเองแต่กลับวิ่งโร่ไปหาหญิงอื่น น่าอับอายขายหน้าจริงๆ”
หวังหยวนหยวนรีบชิงโอกาสนี้เยาะเย้ยอีก “พี่คะ ดูแล้วพี่ยังมีเสน่ห์ไม่พอนะคะ! ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นสามีของฉันล่ะก็ ฉันจะต้องให้เขาคุกเข่าตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้าบ้านเรา ให้เขาคุกเข่าล้างเท้าให้ฉันทุกวัน!”
ขนาดคุณนายหวังยังรู้สึกอับอายกล่าวโทษหวังเจียเหยาและพ่อแม่ของหล่อนทันที
“เวลาสามปีพวกแกยังกำราบลูกเขยที่แต่งเข้ามาคนหนึ่งยังไม่ได้! ไร้ประโยชน์จริงๆ หากว่าพวกแกทำได้เหมือนที่หยวนหยวนพูดเมื่อครู่ สั่งสอนให้เขาว่านอนสอนง่าย เขาจะยังกล้าลงมือทำร้ายหวังซ่าวเจี๋ยเหรอ?”
หวังเจียเยากำหมัดแน่น “หากมีโอกาสได้เขาเป็นสามีอีกครั้ง ฉันจะต้องให้เขาคุกเข่าตั้งแต่เช้ายันเย็น! สามปีที่แล้วดีกับเขาเกินไปจริงๆ”
อันที่จริงแล้วสามปีที่แล้วหวังเจียเหยาก็ดีกับเย่เฉินจริงๆ ไม่เช่นนั้นเย่เฉินคงจะไม่มีทางตกหลุมรักหล่อน
แต่ตอนนี้หวังเจียเหยาออกจะเสียใจภายหลังไม่น้อยที่อ่อนโยนกับเขาแบบนั้น
หวังเจียเหยารู้สึกเหมือนตนเองโดนดูถูกที่ทำให้เย่เฉินคุกเข่าให้ไม่ได้ แต่ฉินหงเหยียนกลับทำได้
ตอนนี้คนที่หล่อนริษยาที่สุดก็คือฉินหงเหยียน!
หวังเจียเหยากล่าวว่า “คุณย่าคะ ฉินหงเหยียนกลับกลอก เมื่อวานยังพูดอยู่เลยว่าจะเอาด้วยกับเรา จะตัดทางทำมาหากินของเย่เฉิน แต่พอมาวันนี้กลับรับเขาเป็นบอดี้การ์ด พวกเราควรจะเลิกไปมาหาสู่กับหล่อนเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้แล้วลงโทษหล่อนเถอะค่ะ!”
เพี๊ยะ!
คุณนายหวังตบหน้าหวังเจียเหยา “แกพูดเหลวไหลอะไร! โปรเจกต์ร่วมลงทุนมูลค่าเจ็ดสิบล้านยังอยู่ในกำมือฉินหงเหยียน แกจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับหล่อนได้ยังไง!”
หวังจื้อเฉียงแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด “เจียเหยา ลุงรู้ว่าเธออิจฉาคุณฉิน แต่เขาก็มีชั้นเชิงเหนือกว่าเธอเยอะ เธอจะไม่ยอมรับไม่ได้”
หวังเจียเหยาหน้าแดง หนี้แค้นนี้หล่อนปล่อยไปไม่ได้!
“ในเมื่อคนที่บ้านไม่ยอมช่วย ฉันก็จะไปหาพวกเขาที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปด้วยตัวเอง!”