เย่เฉินใส่สูทแบรนด์กุชชี่ เสยผมไปด้านหลังแล้วหัวร่อต่อกระซิกกับฉินหงเหยียน
พอเห็นท่าทางที่เขาสาวเท้าเดินมา หากว่าเย่เฉินไม่ใช่อดีตสามีตนเอง หวังเจียเหยายังคิดว่านี่คือผู้บริหารของบริษัทที่ไหน!
“คนสารเลว คิดไม่ถึงเลยว่าพอหย่ากับฉันแล้วเขาจะแต่งตัวหล่อแบบนี้!”
หวังเจียเหยาเจ็บแปลบในใจ หากรู้ว่าเย่เฉินมีมาดผู้บริหารแบบนี้ สามปีก่อน หล่อนคงจะให้เย่เฉินใส่สูทผูกเนคไทไปแล้ว
อย่างน้อยตอนนัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ จะได้อวดเขาให้เพื่อนดู
ส่วนอีกฟากเย่เฉินกล่าวกับฉินหงเหยียนว่า “หงเหยียน เอากุญแจรถให้ผม คุณใส่รองเท้าส้นสูงขับรถไม่สะดวกหรอก”
อันที่จริงในรถของฉินหงเหยียนมีรองเท้าส้นแบนคู่หนึ่งที่เจ้าตัวมักจะสวมใส่ตอนขับรถ
ทว่าจะให้ถอดรองเท้าต่อหน้าคุณเย่คงจะไม่น่าดูนัก ฉินหงเหยียนจึงส่งกุญแจให้เย่เฉินไป
“ขอบคุณค่ะคุณเย่”
เย่เฉินรับกุญแจมาแล้วเดินมาที่ด้านหน้ารถพอร์ช พานาเมร่าสีแดงเพลิง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินไปตรงด้านข้างที่นั่งคนขับแล้วเปิดประตูรถออก
ฉินหงเหยียนนิ่งไป “นี่คุณ…”
ฉินหงเหยียนงุนงง เย่เฉินบอกว่าเขาจะขับรถไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้เปิดที่นั่งข้างคนขับได้?
เย่เฉินตบหน้าผากอย่างเหนื่อยหน่าย “ลืมเลย สามปีมานี้ขับรถให้หวังเจียเหยาจนชินแล้ว”
ฉินหงเหยียนหัวเราะเสียงเบา แล้วถึงได้เข้าใจที่แท้เย่เฉินเสนอตัวเปิดประตูให้ตนเอง
ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าของฉินหงเหยียน สิ่งที่ควรต้องเกิดขึ้นคือฉินหงเหยียนเป็นฝ่ายเปิดประตูรถให้เย่เฉิน ไหนเลยจะให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดประตูให้ฉินหงเหยียน
ทว่าในเมื่อเปิดประตูให้แล้ว เย่เฉินก็ทำท่าทางสุภาพนอบน้อมใส่หล่อน “คุณฉินเชิญครับ”
ใบหน้าฉินหงเหยียนเก้อเขินจากการถูกเอาใจ “สวรรค์ คุณเย่เปิดประตูรถให้ฉันด้วยตัวเอง ฉันนี่โชคดีเกินไปแล้ว”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะมีอะไรกัน ผมเปิดประตูรถให้หวังเจียเหยามาสามปีแล้ว ทุกครั้งที่ขึ้นลงรถต้องเปิดประตูให้หล่อน”
ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินโดนหวังเจียเหยาทำร้ายอย่างหนักจึงกล่าวว่า “หวังเจียเหยาผู้หญิงคนนี้โชคดีแต่ไม่รู้ตัวเลย!”
จากนั้นฉินหงเหยียนจึงเข้าไปในรถ
แต่พอดูถึงตรงนี้ หวังเจียเหยาก็วิ่งไปหาพวกเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วตะโกนด่าเสียงดัง
“เย่เฉิน! แกมันหน้าไม่อาย! คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของฉินหงเหยียนจริงๆ ด้วย”
พอหวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินเปิดประตูรถให้ฉินหงเหยียนก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่าเย่เฉินเป็นบอดี้การ์ดของฉินหงเหยียน
สามปีที่ผ่านมา เย่เฉินเปิดประตูรถให้แค่หวังเจียเหยาและพ่อแม่ของหล่อนเท่านั้น พอตอนนี้เขาเปิดประตูรถให้ผู้หญิงคนอื่นทำให้หวังเจียเหยารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง!
“หวังเจียเหยา?”
เย่เฉินมองอดีตภรรยาของตนเองอย่างตกตะลึง ยังคิดว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะแยกย้ายคนละทางไม่ข้องแวะกันอีกกับหวังเจียเหยา คิดไม่ถึงว่ายังไม่ถึงหนึ่งวันก็มาเจอหน้ากันอีกแล้ว!
ฉินหงเหยียนรีบร้อนลงจากรถ ไม่เข้าใจว่าหล่อนมาทำอะไรที่นี่ ถ้าหากจะมาคุยเรื่องโปรเจกต์ลงทุนคนตระกูลหวังก็น่าจะส่งหวังจื้อเฉียงมา
หวังเจียเหยามองเย่เฉินแล้วตำหนิเขา “เย่เฉิน นายช่วยมีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม! คิดไม่ถึงว่าจะยอมคุกเข่าให้ฉินหงเหยียน ขอร้องให้หล่อนให้อภัย แล้วยินยอมเป็นสุนัขรับใช้ข้างกายหล่อน! ในเมื่อนายทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้นี่นา แล้วทำไมถึงไม่ยอมคุกเข่าให้ฉันตั้งแต่แรก อ้อนวอนขอให้ฉันให้อภัยนายเนี่ยนะ? ฉันให้โอกาสนายมาตั้งหลายครั้ง แค่นายคุกเข่าลงอ้อนวอนฉัน ตอนนี้นายก็ยังเป็นเขยบ้านเรา…”
แค่เย่เฉินนึกถึงคำพูดที่หวังเจียเหยากล่าวอารมณ์เขาก็พุ่งปรี๊ด
“คุณยังจะมีหน้ามาถามว่าทำไมผมไม่คุกเข่าอ้อนวอนคุณ? เมื่อวันก่อนคุณไปเปิดห้องกับคนแซ่ฟางแล้วสวมเขาให้ผม แถมยังจะให้ผมคุกเข่าอ้อนวอนคุณอีกเหรอ? ไม่คิดว่าออกจะเกินไปหน่อยหรือไง!”
หวังเจียเหยาเม้มปาก “แล้วอีกหลายครั้งหลังจากนั้นล่ะ? เมื่อวานที่งานวันเกิดของคุณย่าฉันก็ให้โอกาสนายคุกเข่าอ้อนวอนฉัน ขอแค่นายคุกเข่าขอร้อง ฉันจะไปคุยกับคุณย่าฉันจะไม่หย่ากับนาย นายก็ยังคงเป็นสามีของฉันอยู่ แล้วตอนที่โรงแรมซีจื่อหู ถ้านายคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็ไม่แจ้งความหรอก!
ก็ต้องขอร้องอ้อนวอนเหมือนกัน ทำไมนายไม่ขอร้องฉัน! ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นภรรยาของนายคุกเข่าขอร้องคนเป็นภรรยามันหน้าขายหน้ามากนักหรือไง?”
เย่เฉินกล่าว “คุกเข่าขอร้องภรรยาน่ะไม่น่าอายหรอก แต่ขอร้องภรรยาที่ไปมีชู้เนี่ยมันน่าอาย! คุณทำผิดต่อผม ไม่เพียงไม่ขอร้องให้ผมยกโทษให้แต่ยังจะให้ผมเป็นฝ่ายขอร้องคุณอีก? สามปีที่ผ่านมาผมคงดีกับคุณเกินไป!”
หวังเจียเหยาโมโห “นายดีกับฉันเกินไปเหรอ? ฉันดีกับนายชัดๆ! ฉันไม่ควรจะดีกับนายแบบนี้ทำให้นายไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จนตอนนี้คนในตระกูลเราเอาแต่โทษว่าฉันไม่สั่งสอนนายให้ดี ถ้ารู้แบบนี้ฉันควรให้นายคุกเข่าเทน้ำล้างเท้าให้ฉันตั้งนานแล้ว!”
เพี๊ยะ!
จู่ๆ ก็มีฝ่ามือฟาดบนใบหน้าของหวังเจียเหยาจนเกิดเสียงดังก้องในหู
ดวงตาหวังเจียเหยาเบิกกว้างแล้วแหงนหน้ามอง พบว่าคนที่ตบหน้าหล่อนคือฉินหงเหยียน!
ฉินหงเหยียนทนมองต่อไปไม่ไหวหล่อนกล่าวอย่างหงุดหงิด “หวังเจียเหยา! คุณเป็นคนไปมีชู้ก่อน ไม่รู้จักดูตัวเองแถมยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก! ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คุณไม่คิดว่ามันน่าอายเหรอ?!”
หวังเจียเหยากุมใบหน้าของตนเองด้วยความอับอาย “เธอ…เธอกล้าตบฉันเหรอ?”
ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงห้วน “ก็ตบคุณไงจะทำไมล่ะ?”
ฉินหงเหยียนไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย หากนับเรื่องสถานะในวงการธุรกิจของอวิ๋นโจว หญิงสาวที่ไม่เป็นที่สนใจของคนในบ้านอย่างหวังเจียเหยาไม่อาจจะเปรียบเทียบกับฉินหงเหยียนได้เลย
หวังเจียเหยาไม่กล้าตบฉินหงเหยียน เพราะไม่ว่าจะความสามารถหรือว่าอิทธิพลในสังคม ฉินหงเหยียนไม่ใช่คนที่หล่อนจะเปรียบเทียบได้
สีหน้าหล่อนเจ็บปวดน้ำตารื้นที่ดวงตา “เธอขโมยผู้ชายของฉัน แถมยังตบฉันอีกเหรอ?”