หลิวเจิ้งคุนตื่นเต้นอย่างยิ่ง “ท่านพอจะบอกผมได้ไหมครับ ว่าคุณชายสามหน้าตาเป็นยังไง ผมจะได้ไม่ตาถั่วเซ่อซ่าล่วงเกินคุณชายเข้า เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง”
ท่านฟางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “อวิ๋นโจวที่ใสสะอาด พอนายมาก็สกปรกเสียแล้ว”
จากนั้นเขาก็สั่งลูกน้องส่งรูปภาพใบหนึ่งให้กับหลิวเจิ้งคุน
คนในภาพก็คือเย่เฉิน!
ที่จริงท่านฟางคนนี้ก็คือพ่อบ้านฟางพ่อบ้านของตระกูลเย่
ถึงจะเป็นแค่พ่อบ้านแต่หลายปีมานี้เขาเองก็ลงทุนตามปู่ของเย่เฉินดังนั้นจะมีทรัพย์สินหมื่นล้านก็ไม่ใช่ปัญหา
อีกทั้งหลายปีมานี้พ่อบ้านฟางก็ช่วยคนมาก็มาก หลิวเจิ้งคุนเป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น
พอเห็นรูปเย่เฉินหลิวเจิ้งคุนก็รีบชมทันที “คุณชายสามนี่หน้าตาดีจริงๆ มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคุณชายลูกเศรษฐี! หวังจริงๆ ว่าจะมีวันหนึ่งที่จะได้ชื่นชมบารมีของคุณชายด้วยตาตัวเอง!”
ท่านฟางกล่าวเสียงเย็น “คุณชายสามกำลังทำภารกิจฝึกฝนของตระกูล นายอย่าไปรบกวนเขา ถ้าตอนไหนต้องมีเรื่องให้ช่วยฉันจะเรียกเอง”
“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนรับคำอย่างนอบน้อม
……
ตึกของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
หวังซ่าวเจี๋ยมาถึงบริษัทของเย่เฉินตั้งแต่เช้าแล้วนั่งรออีกฝ่ายในห้องรับแขกสองชั่วโมงเต็มๆ
แต่ก็ยังเหมือนครั้งแรกที่ผู้เป็นพ่อมาไม่มีผิดเพี้ยน เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พบคุณเย่แล้วไม่ได้ดื่มน้ำสักแก้ว
“คุณเย่คนนี้หมายความว่ายังไง? ชอบน้องสาวเราชัดๆ แล้วทำไมถึงได้เย็นชากับว่าที่พี่เขยอย่างฉันนะ ทำไมนิสัยของพวกลูกคนรวยพวกนี้ถึงได้แปลกประหลาดแบบนี้!”
พอเขาอ่านบันทึกสนทนากับซีกวา หวังซ่าวเจี๋ยก็นึกได้ว่าเย่เฉินเป็นบอดี้การ์ดอยู่ที่นี่จึงโทรหาอีกฝ่าย
ในห้องทำงานของผู้บริหาร เมื่อเย่เฉินเห็นคนโทรมาเป็นหวังซ่าวเจี๋ยก็ตกใจเล็กน้อย
เขาย่อมรู้ว่าตอนนี้หวังซ่าวเจี๋ยอยู่ในห้องรับแขกแล้วกำลังโดนตนเองปล่อยให้รอเก้ออยู่
แล้วเย่เฉินก็คิดได้ว่าหรือในที่สุดเขาก็เชื่อว่าตนเองเป็นประธานบริษัทแล้ว?
“ฮัลโหล” เย่เฉินรับสาย
ใครจะรู้ว่าน้ำเสียงหวังซ่าวเจี๋ยก็ยังหยิ่งผยอง “เย่เฉิน นายอยู่ที่บริษัทใช่ไหมมาที่ห้องรับแขกหน่อย”
พอได้ยินเสียงเย่อหยิ่งแบบนี้ของหวังซ่าวเจี๋ย เขาก็รู้เลยว่าหมอนี่ยังไม่รู้ว่าตนเองคือคุณเย่มิฉะนั้นคงไม่กล้าพูดแบบนี้
เย่เฉินไม่อยากจะพบเขาด้วยสถานะของประธานบริษัท แต่เขาอยากจะไปพบอีกฝ่ายด้วยสถานะเขยที่แต่งเข้ามากกว่าเพื่อดูว่าหมอนี่จะพูดอะไรอีก
เมื่อไปถึงห้องรับแขกเย่เฉินก็มองหวังซ่าวเจี๋ย “เรียกผมมามีอะไร?”
หวังซ่าวเจี๋ยถาม “คุณเย่ล่ะ?”
เย่เฉินมองหวังซ่าวเจี๋ยแล้วกล่าว “คุณเย่น่ะ กำลังคุยกับคนโง่คนหนึ่งอยู่”
หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะเสียงดัง “ฉันก็ว่าหมอนั่นท่าจะโง่! ถึงได้คุยกับคุณเย่นานขนาดนี้”
เย่เฉินคิดในใจว่าหวังซ่าวเจี๋ยนายนี่มันโง่จริงๆ คนโง่ที่ฉันพูดถึงก็คือนายยังไงล่ะ!
“มีอะไรอีกไหม?” เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม
หวังซ่าวเจี๋ยเห็นท่าทางลำพองใจของเย่เฉินก็รู้สึกหงุุดหงิด “เย่เฉิน นายดูสภาพตัวเองเข้าเป็นแค่บอดี้การ์ด แต่แต่งตัวเหมือนเป็นผู้บริหาร ตอแหลอะไร? แล้วอีกอย่างนายซ้อมฉันต่อหน้าคนจำนวนมากในอวิ๋นโจว บัญชีนี้ฉันไม่ปล่อยให้จบแบบนี้แน่!”
เย่เฉินกล่าว “ผมรู้ คุณไปติดต่อพี่กวาให้เขามาใส่ความผมไม่ใช่หรือไง? เสียดายที่พี่กวาของคุณก็ช่วยคุณล้างแค้นไม่ได้”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าว “หึ นายอย่าได้ใจไป พี่กวาได้ยอดฝีมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นร้อยจากลูกพี่เขาท่านหลิว! เย่เฉิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนาย ต่อไปเวลาจะมาทำงานระวังไว้หน่อย ไปร้านเหล้าก็อย่าเมาเกินไปล่ะ จะได้ไม่โดนซ้อมจนเละโดยไม่รู้ตัว! ฮ่าๆ!”
เย่เฉินครุ่นคิด สองวันมานี้เขาเลิกงานพร้อมฉินหงเหยียน ตนเองก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกแต่ถ้าทำให้ฉินหงเหยียนบาดเจ็บไปด้วยก็คงไม่ดีนัก
ดังนั้นเย่เฉินจึงถามว่า “เหรอ? ผมเองก็คันไม้คันมือ พอดี คุณบอกลูกน้องของพี่กวาหรือท่านหลิวให้มาที่ลานจอดรถบริษัทสิ ไม่ต้องวุ่นวายมาตอนผมเลิกงานหรอก”
หวังซ่าวเจี๋ยตกตะลึง “ได้! นายพูดเองนะ! ฉันจะบอกให้พี่กวาส่งคนมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเก่งมากนักก็ลงไปรอกับฉันสิ!”
“ได้สิ” เย่เฉินพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ยอดฝีมือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้?
ฝีมือดีกว่านักเลงหัวไม้ในประเทศนิดหน่อยก็จริง อย่างไรเสียที่นั่นจนกว่าแถมยังวุ่นวายกว่า แต่ไม่ว่าจะประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พวกนี้หรือสถานที่วุ่นวายแบบอเมริกา พอเปรียบกับสนามรบแล้วนั่นมันคนละเรื่องกัน
พอมาถึงลานจอดรถใต้ดิน หวังซ่าวเจี๋ยก็พาเย่เฉินไปยังมุมอับที่สุด แล้วหยิบอิฐก้อนหนึ่งขึ้นมาทุบกล้องที่อยู่แถวนั้นจนพังหมด
จากนั้นหวังซ่าวเจี๋ยก็กล่าวอย่างได้ใจ “ฮ่าๆ กล้องวงจรผิดโดนฉันทุบพังหมดแล้ว ต่อให้ฉันซ้อมนายจนตายก็ไม่มีหลักฐาน!”
“เหรอ? อย่างนั้นแปลว่า ถ้าผมซ้อมคุณจนตายที่นี่ก็ไม่มีหลักฐานล่ะสิ?” เย่เฉินยิ้มอย่างดีใจ
“นาย…นายจะทำอะไร?” หวังซ่าวเจี๋ยตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
เพี๊ยะ!
เย่เฉินฟาดมือลงไป แล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “หวังซ่าวเจี๋ยคุณโง่หรือเปล่า? คุณเรียกให้คนอื่นมาซ้อมผม แล้วก่อนคนพวกนั้นจะมาผมจะซ้อมคุณไม่ได้หรือไง?”
“อ๊าก!” หวังซ่าวเจี๋ยร้องโหยหวน
ถูกเย่เฉินลงไม้ลงมืออยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงของพี่กวา
“ปล่อยคุณหวังนะ!” ซีกวาเดินมาพร้อมกับชายผิวแทนสิบคน
หวังซ่าวเจี๋ยรีบร้อนเดินไปหลบหลังซีกวา เขาชี้เย่เฉินแล้วตระโกนเสียงดัง “เย่เฉินวันนี้ฉันจะซ้อมแก! เอาให้แกเป็นบอดี้การ์ดไม่ได้อีกเลย!”