ฉินหงเหยียนคาดเดาอย่างใจกล้า “คุณเย่ คุณตั้งใจอยากให้หวังเจียเหยาแต่งงานกับฟางเชาแล้วรอพวกเขาแต่งงานกันค่อยบอกพวกเขาว่าคุณเป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เพื่อให้หวังเจียเหยาอกแตกตายใช่ไหม?”
จู่ ๆ เย่เฉินหยุดดื่มชา แล้วมองฉินหงเหยียนต่างตกตะลึง
คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะเดาแผนในใจเขาถูก!
เย่เฉินผงกศีรษะกับอีกฝ่ายอย่างพออกพอใจ “สมแล้วที่เป็นรองประธานของผม ฉลาดดีนี่!”
ฉินหงเหยียนดีใจ “ฉันทายถูกเหรอคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่ใช่หลังจากที่พวกเขาแต่งงงานกัน แต่เป็นในวันแต่งงานกับพวกเขาต่างหาก! ผมอยากให้หวังเจียเหยาได้รู้ว่าวันที่ผมคือขุมทรัพย์ที่แท้จริง ในวันที่หล่อนคิดว่าตัวเองแต่งงานกับเศรษฐี! ในวันนั้นผมไม่เพียงแต่จะให้หวังเจียเหยาได้รับรู้เท่านั้น แต่ผมอยากให้ทั้งวงการธุรกิจของอวิ๋นโจวได้รู้เช่นกันว่าตอนนี้ผมเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นคนที่รวยที่สุดในอวิ๋นโจว!”
ฉินหงเหยียนตื่นเต้นเป็นอย่างที่หล่อนคิดจริง ๆ!
ตอนนี้เย่เฉินสามารถดึงหวังเจียเหยามาที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแถมยังให้อีกฝ่ายดูสัญญาหุ้นของเขาแล้วให้พนักงานในบริษัทเป็นพยานว่าเขาก็คือประธานบริษัท
แต่เขากลับไม่ทำแบบนั้น
ถ้าหากว่าปล่อยให้หวังเจียเหยารู้ความจริงในตอนนี้ ด้วยความเคยชินที่ต้องพึ่งพาเย่เฉินมาตลอดสามปีนี้ เจ้าหล่อนจะต้องกลับมาซบอกเย่เฉินอย่างไม่รีรอแน่นอนเพื่อให้เขาให้อภัยหล่อน
ถึงเย่เฉินจะไม่รับปากหล่อนอยู่แล้วแต่สิ่งที่หวังเจียเหยาจะต้องชดใช้นั้นน้อยเกินไป อีกทั้งยังไม่ต้องคิดเรื่องความสัมพันธ์กับฟางเชาด้วย
แต่ถ้าหวังเจียเหยาแต่งงานกับฟางเชาแล้วล่ะ?
เรื่องนี้ก็จะซับซ้อนยิ่งขึ้น!
หากว่าหวังเจียเหยากลายเป็นสะใภ้ตระกูลฟางแล้ว พอล่วงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเย่เฉินแล้ว เจ้าหล่อนจะทำอย่างไร?
ล่วงเกินตระกูลฟางหย่าอีกรอบแล้วกลับมางอนง้อเย่เฉิน?
ถ้าหากเป็นแบบนี้สิ่งที่เจ้าหล่อนต้องชดใช้ก็จะแพงขึ้น!
เย่เฉินอยากจะรู้เหลือเกินว่าในวันนั้นหวังเจียเหยาจะเลือกทางไหนกันแน่!
ท่าทีเย่เฉินแน่วแน่แล้วกล่าว “ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกัน ผมจะไม่ใช่แค่คนที่รวยที่สุดในอวิ๋นโจวแต่ผมจะเป็นคนดูแลกิจการอาหาร วงการบันเทิงรวมไปถึงทุกกิจการที่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดของอวิ๋นโจว ”
“ผมจะเป็นฮ่องเต้ของอวิ๋นโจว!”
ฮ่องเต้ของอวิ๋นโจว!
ในใจฉินหงเหยียนสั่นระริกราวลูกกวางน้อย หลายปีมานี้หล่อนตามหาชายหนุ่มที่เก่งกาจเช่นนี้มาตลอด!
“ฉันจะเป็นฮองเฮาของอวิ๋นโจวให้ได้!”
ฉินหงเหยียนตั้งเป้าหมายเอาไว้ในใจ
ส่วนโจวหรงหรงที่อยู่ด้านข้างแอบคิดในใจ “ฉันจะต้องเป็นสนมของคุณเย่! ฉันอยากจะเป็นเจินหวน!”
ก๊อก ก๊อก
มีคนเคาะประตูห้อง VIP
“เข้ามาได้” เย่เฉินเปิดปากเอ่ย
คนที่เดินเข้ามาคือผู้จัดการของร้านอาหาร เขาเดินถือถาดมาที่ข้างตัวเย่เฉินแล้วกล่าว
“คุณเย่ผมเพิ่งดูกล้องวงจรปิด ไมโครโฟนที่นักร้องของเราใช้ถูกคนเปลี่ยนก่อนจะขึ้นเวที คนผู้นี้อาจจะเป็นแขกของที่นี่ ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบทุกห้อง”
เย่เฉินกล่าวว่า “ไม่ต้องแล้ว ไปที่ห้อง 422 กับ 501”
ทุกคนชะงักนิ่งไป ทำไมเย่เฉินถึงได้รู้ว่าแขกในสองห้องมีปัญหา?
ที่จริงการแสดงเมื่อครู่เริ่มมีปัญหา แขกในทั้งสองห้องเป็นคนเริ่มโยนของลงมาเร้าอารมณ์ของแขกคนอื่นๆ
เย่เฉินจึงเดาว่าเป็นฝีมือพวกเขา
แววตาฉินหงเหยียนฉายแววเลื่อมใสอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะความจำดีขนาดนี้
ชายที่ลอบเปลี่ยนไมโครโฟรที่เห็นในกล้องวงจรปิดถูกพาตัวมาอย่างรวดเร็ว
“มาหาฉันมีธุระอะไร? กำลังกินเหล้ากับเพื่อนอยู่ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา!”
ชายวัยรุ่นคนนั้นกล่าวด้วยใบหน้าหงุดหงิด