เย่เฉินโทรศัพท์หาดูบรูลในทันที
“คุณอาไม่เจอกันนานเลยนะครับ ผมคริสเองช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ? สุขภาพแข็งแรงดีไหมครับ?”
เย่เฉินโทรหาอีกฝ่ายแล้วทักทายอีกฝ่าย ชื่อภาษาอังกฤษของเขาก็คริส
ตอนที่อยู่อเมริกาขณะทำความรู้จักอีกฝ่ายนั้นเขาใช้ชื่อภาษาอังกฤษ
ดูบรูลดีใจอย่างมาก “อ้อคริสนี่เอง! ไม่ได้ยินเสียงนายนานเลย เมื่อวานฉันเพิ่งวีดีโอคอลคุยกับคุณปู่นายดูมะลิที่เขาปลูกใหม่ ฉันน่ะสบายดีกำลังพักร้อนอยู่ที่ฮาวาย เราล่ะเป็นยังไงบ้าง? ได้ยินคุณปู่บอกลุงว่าเราผ่านด่านเคราะห์ที่เป็นเขยแต่งเข้าได้แล้ว ตอนนี้กำลังจะเริ่มหยั่งรากลงในวงการธุรกิจแล้ว!”
เย่เฉินกล่าว “ใช่แล้วครับ ที่ผมโทรมาคราวนี้ก็เพราะอยากจะคุยเรื่องธุรกิจกับคุณอา ในประเทศมีโรงแรมชื่ออี๋เจีย คุณอายังจำได้ไหมครับ? ตอนแรกได้ยินมาว่าคุณอาให้คำแนะนำที่ค่อนข้างสำคัญมากเลยกับฟางเสียนจู่ ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านได้ในระยะเวลาอันสั้น”
ดูบรูลกล่าว “อ้อ อาพอจะจำได้ คนแซ่ฟางเนี่ย เขามีภรรยาที่เก่งแล้วก็สวยด้วย ฉันจำได้ดีมากเลยทีเดียว อาได้ยินมาว่าช่วงนี้ธุรกิจโรงแรมของเขาเจอปัญหาโทรมาขอให้อาช่วยตั้งหลายรอบ เราอยากให้อาช่วยเขาสักครั้งเหรอ?”
เย่เฉินรีบปฎิเสธทันที “ไม่เลยครับ กลับกันคนละเรื่องเลย ผมอยากให้อาทำร้ายเขาชี้แนะแนวทางไปสู่ความล่มจมให้เขา”
“ว้าว ดูแล้วหมอนี่ซวยเข้าแล้ว ดันไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้า ได้เลย ยกให้อาจัดการแล้วกัน”
ถึงแม้ว่าดูบรูลจะเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกธุรกิจการโรงแรม แต่ถ้าเทียบกับปู่ของเย่เฉินแล้วก็ยังคงถือว่าอยู่กันคนละระดับ
หลายปีมานี้เขาได้รับความช่วยเหลือจากปู่ของเย่เฉินมาไม่น้อย ดังนั้นเย่เฉินขอร้องเขา เขาก็จะต้องรับปาก
รอจนเย่เฉินวางสายแล้วฉินหงเหยียนก็ถาม “เรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
เย่เฉินก็ผงกศีรษะ
ฉินหงเหยียนชื่นชม “คณเย่เก่งมากจริงๆ แค่โทรศัพท์สายเดียว ก็สามารถทำให้ทั้งตระกูลฟางสิ้นไร้ไม้ตอกได้ ฉันยังคิดว่าคุณจะทำสงครามใหญ่โตอะไรกับเขาเสียอีก!”
เริมฝีปากเย่เฉินกระตุกน้อยๆ “สงครามใหญ่โตเหรอ? ฮ่าๆ ตระกูลฟางกับตระกูลเย่เรามันคนละชั้นกันจะทำสงครามกันยังไง?”
ฉินหงเหยียนริษยาชาติกำเนิดของเย่เฉินอย่างมากจนอยากจะแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีที่แสนจะร่ำรวยนี้อย่างมาก อยากจะเห็นเหลือเกินว่าโลกของเขาเป็นยังไง
ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็กล่าวขึ้นมาว่า “แต่ว่าท่านดูบรูลชี้แนะให้ฟางเสียนจู่ ต่อให้เขาทำตามแต่เพราะเงินทุนมีไม่ถึงเกรงว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพักอยู่ดี”
“อีกอย่างงานแต่งงานของฟางเชากับหวังเจียเหยาคาดว่าน่าจะจัดในเดือนสองเดือนนี้แหละค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วกดโทรศัพท์อีกรอบ
“หลิวเจิ้งคุน”
“นายน้อย!”
“ลูกน้องนายหายป่วยแล้วหรือยัง?”
ครั้งก่อนเย่เฉินให้ลูกน้องที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหลิวเจิ้งคุนไปกินข้าวที่ร้านของจงเหว่ยแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่สบาย
คนพวกนี้เล่นละครก็จริงแต่ที่จริงแล้วพวกเขากินยาที่ส่งผลร้ายกับร่างกายเข้าไปจริงๆ จึงต้องรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ช่วงหนึ่ง
หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า “หายดีกันนานแล้วครับ คุณชายมีอะไรให้พวกเราทำหรือเปล่าครับ
เย่เฉินตอบ “จัดผู้หญิงให้ลูกน้องนายทุกคนแล้วไปเปิดห้องที่โรงแรมของฟางเสียนจู่ ตอนเปิดห้อง ให้ลองไปดูว่าในห้องพักมีรูกล้องแอบถ่ายหรือเปล่า ถ้าหากว่ามีให้หาออกมา ถ้าไม่มีพวกนายก็จัดแจงติดตั้งไป แล้วปล่อยคลิปชายหญิงที่ทำกิจกรรมออกมา”
หลิวเจิ้งคุนและฉินหงเหยียนเข้าใจพร้อมกันว่าเย่เฉินคิดจะทำอะไร
เขาคิดจะทำลายชื่อเสียงของโรงแรมตระกูลฟาง ทันทีที่ปูดออกมาว่าโรงแรมของพวกเขามีการติดกล้องแอบถ่ายจนอาจเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของแขกแล้วจะต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมหาศาล
ฉินหงเหยียนระบายยิ้มที่เย้ายวนใจออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณเย่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย”
เย่เฉินหัวเราะ “ธุรกิจก็เหมือนสนามรบนี่แหละ ผมต้องการเพียงแค่ชัยชนะ วิธีการไม่ใช่สิ่งสำคัญ”
ถ้าหากไม่เคยผ่านสมรภูมิหนึ่งปีตอนนั้น บางทีเย่เฉินอาจจะไม่ถึงขั้นไม่เลือกวิธีการแบบนี้
ในตอนนี้เขาแค่อยากจะเอาชนะอีกฝ่ายเท่านั้น!
เย่เฉินผายมือออกมา “พูดต่อสิ”
ฉินหงเหยียนหยิบเอกสารมาดูไปพลางพูดไปพลาง “ฟางเชาไม่ได้ทำงานที่บริษัทของพ่อเขา เขาเอาเงินมาจากพ่อเขาหลายร้อยล้านออกมาเปิดบริษัท ตอนเพิ่งเริ่มขาดทุนไปก็ไม่น้อย แต่ช่วงสองปีมานี้ยิ่งทำยิ่งรุ่งเรือง ตอนนี้เขาเป็น ANGEL INVESTOR นักลงทุนอิสระ เมื่อปีก่อนใช้เงินห้าสิบล้าน ลงทุนกับบริษัทไปสี่สิบกว่าบริษัท ล่มจมไปยี่สิบแห่ง แล้วกลับมาได้กำไรอีกยี่สิบแห่ง น่าจะได้กำไรสักร้อยล้าน”
“อ้อ? หมอนั่นได้กำไรด้วยเหรอ?” เย่เฉินแปลกใจ
เขารู้ว่าลงทุนไปสี่สิบแห่ง เจ๊งไปยี่สิบแห่ง ไม่ถือว่ามากมายอะไร เกรงว่าต่อให้ล่มจมไป 90% แต่บริษัทที่ยังรอดก็อาจจะทำกำไรให้ได้มากพอที่จะชดเชยทุนทั้งหมดอยู่ดี
ฉินหงเหยียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ปีนี้เขาลงทุนเพิ่มอีกขนานใหญ่ ตอนนี้น่าจะลงทุนไปทั้งหมดเจ็ดสิบบริษัทแล้ว ผู้จัดการฝ่ายลงทุนของบริษัทคาดการณ์ว่าถ้าพวกเขาโชคดีล่ะก็ในสองปีนี้น่าจะหาเงินเข้าบริษัทได้สามร้อยล้าน ”
เย่เฉินส่งเสียงเหอะ เขาไม่ยอมให้ฟางเชาเป็นฝ่ายชนะในสนามรักและสนามธุรกิจหรอก!
เย่เฉินกล่าวว่า “ไปหาข่าวมาว่าเจ็ดสิบบริษัทที่เขาลงทุนไปมีที่ไหนบ้าง บริษัทที่เจ๊งไปไม่ต้องสนใจ แต่หาบริษัทที่ได้กำไรมาแล้วจัดการพวกเขา! ผมต้องการให้ฟางเชาลงทุนเพิ่ม แต่เขาจะไม่ได้เงินกลับไปแม้แต่เพียงบาทเดียว! ผมต้องการให้เขาเจ๊งจนไม่เหลือกางเกงในแม้แต่ตัวเดียว!”
ฉินหงเหยียนถึงได้สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่เฉิน “ค่ะ!”
หลังจากนั้นฉินหงเหยียนก็กล่าวอีกว่า “ฟางเชามีพี่ชายอีกคนหนึ่ง แต่พึ่งพาอะไรไม่ได้รอแต่จะรับมรดกของพ่อเขาเท่านั้น แต่ว่าแม่ของฟางเชาภรรยาของฟางเสียนจู่ หลิ่วหรูซือเป็นลูกสาวคนตระกูลหลิ่วผู้หญิงคนนี้มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ต้องระวังด้วยนะคะ”
เย่เฉินนิ่งไป “หลิ่วหรูซือเหรอ? ชื่อนี้ฟังแล้วไม่ธรรมดาเลย มีรูปไหม?”
เมื่อครู่ตอนคุยกับดูบรูล ชายชราก็ชื่นชมภรรยาของฟางเสียนจู่ว่าอีกฝ่ายงดงามและเก่งกาจ
ผู้หญิงที่สามารถทำให้ชายชราผู้นี้ประทับใจไม่รู้ลืมทำให้เย่เฉินสงสัย
ฉินหงเหยียนเปิดวีแชท กดโมเม้นท์ของหลิ่วหรูซือแล้วส่งโทรศัพท์ให้เย่เฉินดู
เย่เฉินเห็นรูปภาพของคู่รักรูปหนึ่ง หญิงสาวในภาพถ่ายดัดผมเป็นลอนแล้วปัดไปด้านข้าง
อีกฝ่ายแต่งหน้าอ่อนๆ ทาปากสีสด ใส่กี่เพ้าแล้วยืนตรงหน้าไมโครโฟน
บวกกับชื่อของเจ้าตัวทำให้คนคิดว่าหล่อนเป็นนักร้องที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ช่วงปี 30 อย่างง่ายดาย
เย่เฉินนิ่งไป “คิดไม่ถึงว่าเดียรัจฉานฟางเชาจะมีแม่ที่สวยแบบนี้”
ฉินหงเหยียนหัวเราะ “แวดวงสังคมชั้นสูงของอวิ๋นโจวต่างก็รู้สึกว่าฟางเสียนจู่ไม่คู่ควรกับหลิ่วหรูซือ นั่นเพราะสถานการณ์บ้านของหลิ่วหรูซือมีฐานะที่ดีกว่าฝ่ายชายมากนัก ตอนนั้นเขาใช้วิธีต่ำช้าถึงได้อีกฝ่ายมาครอง”
เย่เฉินไม่อยากรับรู้เรื่องคาวๆ ในอดีตของตระกูลฟาง เขาส่งคืนมือถือให้ฉินหงเหยียนแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องสนใจตระกูลหลิ่ว”
ในทั้งประเทศตระกูลที่เย่เฉินล่วงเกินไม่ได้เขารู้ดีแก่ใจ ส่วนตระกูลอื่นๆ ไม่อยู่ในสายตา