หวังเจียเหยาเองก็แปลกใจ “ทำไมคุณฉินถึงจำวันเกิดของเย่เฉินได้ล่ะ?”
ในสายตาหล่อนเย่เฉินเป็นแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งของฉินหงเหยียน ก็แค่วันเกิดของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ทำไมฉินหงเหยียนถึงจำได้แม่นยำขนาดนั้น?
ซึ่งหล่อนไม่รู้เลยว่าเย่เฉินเป็นคนที่ฉินหงเหยียนเฝ้าฝันหา ดังนั้นหญิงสาวย่อมจดจำวันเกิดเขาได้ดี
ฉินหงเหยียนอธิบาย “อ้อ เขาเกิดวันเดียวกับคุณพ่อฉัน ฉันเคยเห็นบัตรประชาชนของเขาก็เลยจำได้ คุณนายฟางไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็เป็นอดีตสามีของคุณ พวกคุณเองก็ถือว่าเคยรักกันมา คุณเลือกจัดงานในวันเกิดเขาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งคะ? หรือคุณจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเขา?”
หวังเจียเหยารีบกล่าว “ฉันต้องจำวันเกิดเขาได้อยู่แล้ว! แต่คนตระกูลฟางเป็นคนกำหนดวันแต่งงาน ฉันเองก็เคยโน้มน้าวฟางเชาให้ไปแต่งวันอื่น แต่เขายืนกรานว่าต้องเป็นวันนี้เท่านั้น ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้”
ฟางเชาเคยค้นประวัติของเย่เฉินมาก่อนจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเกิดในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม เขาถึงจงใจเลือกวันนี้เป็นวันแต่งงานก็เพื่อจะเยาะเย้ยเย่เฉิน!!
หวังเจียเหยาไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อจึงกล่าวถาม “คุณเย่อยู่ออฟฟิศไหม? ฉันจะขอไปแจกการ์ดแต่งงานให้เขาได้ไหม?”
ฉินหงเหยียนกล่าว “เหมือนจะอยู่นะ เชิญคุณเลย”
ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินอยู่ในห้องทำงาน แต่จะบอกฉินหงเหยียนตรงๆ ก็ไม่ได้ว่าเย่เฉินก็คือคุณเย่
“อย่างนั้นก็ขอเรียนเชิญคุณมาดื่มเหล้ามงคลของฉันในวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมนะคะ”
หวังเจียเหยากล่าวเชื้อเชิญอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณเย่
ก๊อก ก๊อก
หวังเจียเหยาเคาะประตู
“come in เชิญ”
เย่เฉินมักจะใช้ภาษาอังกฤษเวลาอยู่ที่บริษัท
สามปีที่ผ่านมา เขาพยายามไม่เพื่อปกปิดสถานะของตนเองเขาจึงไม่พูดภาษาอังกฤษมาก่อนยามอยู่ที่ตระกูลหวัง ทำให้คนบ้านนั้นคิดว่าเย่เฉินเป็นไอ้บ้านนอกที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
หวังเจียเหยาผลักประตูพอเห็นเย่เฉินก็ผิดหวัง “คุณเย่ไม่อยู่เหรอเนี่ย”
เย่เฉินที่กำลังลุกขึ้นไปทิ้งขยะไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ผู้บริหารพอดี เขาคร้านจะอธิบายจึงกล่าวถาม “มีธุระอะไรเหรอ?”
หวังเจียเหยาส่งบัตรเชิญให้เย่เฉิน “ถ้าคุณเย่มาแล้วนายเอาการ์ดแต่งงานให้เขาด้วย”
การ์ดแต่งงานเป็นกระดาษฉลุสีขาวลายดอกแมกโนเลียกับโบว์สีน้ำเงิน ดูมีระดับอย่างมาก
พอเย่เฉินเห็นแล้วก็ชะงักนิ่งไป “นี่มัน…”
หวังเจียเหยากล่าวว่า “วันแต่งงานของฉันกับฟางเชากำหนดแล้ว แต่งกันตอนวันเกิดนาย วันที่ 12 พฤษภาคม”
เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยาอย่างขุ่นเคืองใจ
หวังเจียเหยารีบร้อนกล่าว “นายไม่ต้องมองฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนเลือกวัน”
เดิมทีเย่เฉินโกรธมาก แต่ต่อมาเหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างออก แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
เลือกแต่งงานกันวันนี้ แน่ใจนะว่าไม่ได้รนหาที่ตาย?
เย่เฉินเอื้อมรับการ์ดแต่งงาน “ดีใจด้วยเจียเหยา ในที่สุดคุณก็ได้แต่งเข้าตระกูลร่ำรวยแล้ว”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินคงรู้สึกไม่ดีนัก เจ้าหล่อนลังเลไปเล็กน้อยแต่ก็ยังส่งการ์ดแต่งงานใบหนึ่งให้เขา
“ใบนี้ของนาย”
เย่เฉินหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าตัวเขาเองจะได้รับการ์ดแต่งงานของอดีตภรรยาถึงสองใบ
เขายังอุตส่าห์จะเปิดดูแล้วก็เห็นบนการ์ดแต่งงานที่ให้ตนเองนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘ถ้าเป็นลูกผู้ชายนายก็มา แล้วฉันจะให้นายได้เห็นว่างานแต่งงานช้างเป็นยังไง’
แต่ในการ์ดแต่งงานที่เขียนให้คุณเย่เขียนเอาไว้ว่า ‘คุณเย่แห่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ขอเรียนเชิญเข้าร่วมงานแต่งงานที่จะจัดขึ้น ณ The Portman Ritz-Carlton อวิ๋นโจวในวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม เวลา 11 โมงเช้า ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณเย่เป็นคนเก่งและมากความสามารถในอวิ๋นโจว ตระกูลฟางและตระกูลหวังชื่นชมคุณมานาน ขอพบหน้าคุณสักครั้งจะต้องต้อนรับคุณอย่างสมเกียรติแน่นอน!’
เย่เฉินดูการ์ดเชิญสองใบแล้วอดรู้สึกแสลงใจไม่ได้
เป็นการ์ดที่เชิญเขาทั้งสองใบ เพียงแต่เป็นสถานะสองแบบ คิดไม่ถึงว่าเนื้อหาด้านในจะต่างกันราวฟ้ากับเหว!
นี่มันคือโลกของความเป็นจริง!
มิน่าหวังเจียเหยาถึงอยากจะแต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวยขนาดนั้น
หวังเจียเหยาเองก็ไม่เข้าใจความนัยของรอยยิ้มอดีตสามีจึงกล่าว “ไม่อย่างนั้นนายไม่ต้องมาหรอก ฉันรู้ว่านายยังรักฉันอยู่ วันนั้นนายคงต้องเสียใจมากดื่มมากไปเกิดโวยวายทะเลาะกันขึ้นมา เดี๋ยวขายหน้าแย่”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ฮ่าๆ คุณคิดว่าผมจะไปโวยวายในงานเพราะคุณเหรอ? หวังเจียเหยาคุณคิดมากเกินไปแล้ว! ในเมื่อสามีคุณอยากให้ผมไปอย่างนั้นผมไปก็ได้ คุณสบายใจได้ ผมจะไม่ดื่มจนเมาแล้วก็จะไม่ไปก่อเรื่องด้วย”
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “งั้นก็ดี”
หวังเจียเหยารู้ว่าเย่เฉินต่อยตีเก่ง ถ้าเกิดบ้าดีเดือดมีเรื่องขึ้นมา เกรงว่าคนที่ห้ามเขาได้คงมีน้อยมาก
“จริงสิ เรื่องที่ฉันคุยด้วยเมื่อคราวก่อน นายคิดไปถึงไหนแล้ว?”
จู่ๆ หวังเจียเหยาก็กดเสียงต่ำ เหมือนกำลังทำความผิด
“เรื่องอะไร?” เย่เฉินงุนงง
หวังเจียเหยาตีแขนเย่เฉินอย่างหงุดหงิด “ตาบ้า ก็เรื่องที่ฉันพูดกับนายตอนงานคอนเสิร์ตเมื่อคราวก่อนไง”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจ “ที่คุณบอกให้ผมเป็นตัวสำรองไปก่อนสามปีน่ะเหรอ? ฮ่าๆ ผมบอกคุณไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วไงว่าไม่มีทาง! หวังเจียเหยาโลกใบนี้ไม่ได้ง่ายแบบที่คุณคิดหรอกนะ คุณได้คืบจะเอาศอกแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ คุณเลือกได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่น่าเสียดายก็คือคุณเลือกฟางเชา!”
หวังเจียเหยาหัวเสียอย่างมาก “เสียดายนายก็แย่แล้ว! เลือกนายสิถึงจะน่าเสียดาย! ฉันไม่ไม่มีวันหย่ากับฟางเชาหรอก พวกเราคงจะรักกันไปตลอดชีวิต ส่วนนายก็เป็นหมาหัวเน่าไปคนเดียวตลอดชีวิตเถอะ ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ อิจฉานายตายเลย!”
พอพูดจบแล้วแต่หล่อนยังอารมณ์ค้าง หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “เย่เฉิน นายเสแสร้งต่อไปเถอะ ฉันรู้ว่านายกำลังพยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไร รอวันที่ฉันแต่งงานแล้วนายได้เห็นว่าฉันมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้แต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวย นายจะต้องร้องไห้เหมือนหมาแน่!”
พูดจบหวังเจียเหยาก็รีบเดินจากไป
“ผมเนี่ยนะ จะร้องไห้เหมือนหมา ฮ่าๆ เกรงว่าพอถึงวันนั้นคนที่จะร้องไห้คงเป็นคุณกับฟางเชาเสียมากกว่า!”
ถึงเย่เฉินจะไม่ได้พูดออกมา แต่เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น!
เพราะในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน หวังเจียเหยาจะได้รู้ว่าหล่อนได้สูญเสียราชาแห่งโลกธุรกิจของอวิ๋นโจวไปแล้ว!
ส่วนคนที่เจ้าหล่อนจะแต่งงานด้วยก็คือคนที่กำลังจะหมดตัวเท่านั้น!
เย่เฉินฉีกการ์ดแต่งงานสองแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยโทสะ!
และในเวลานี้เองฉินหงเหยียนก็เดินเข้ามาเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าจึงกล่าวว่า “ฟางเชานี่รนหาที่จริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะเลือกจัดงานแต่งงานในวันเกิดคุณ นี่มันแปลว่าเขาอยากเห็นคุณไม่สบอารมณ์ชัด ๆ”
เย่เฉินแค่นเสียง “อยากจะใช้งานแต่งงานข่มวันเกิดผมเหรอ? กับแค่นักลงทุนรายเล็กๆ เท่านั้นไหนเลยจะมาเปรียบเทียบกับผมได้? หงเหยียนแจ้งวันเกิดของผมให้กับบริษัทคู่ค้าของเราหน่อย”
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าฉินหงเหยียน หล่อนอยากจะจัดงานวันเกิดให้ชายหนุ่มนานแล้ว “ได้ค่ะ!”
….
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
หกโมงเช้าของวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม
“แม่ง! เจ๊งอีกแล้วเหรอ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! เกมนี้ชัวร์มากไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้โดนบล็อคเพราะผิดกฎหมายได้ล่ะ?”
ฟางเชาไม่ได้นอนทั้งคืน เขาในชุดสูทของเจ้าบ่าวกำลังโทรศัพท์อยู่ในห้องพัก
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาใช้เงินห้าร้อยล้านของคนเป็นพ่อลงทุนไปจนหมด เขาลงทุนไปกับบริษัทมากกว่าสองร้อยกว่าแห่ง!
ขาดทุนไปเกินครึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่บริษัทหลายสิบแห่งที่เดิมลงทุนแล้วได้กำไรดีมาก จู่ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาติดต่อกัน
หนำซ้ำไม่ใช่ปัญหาเพียงเล็กๆ แต่เป็นปัญหาใหญ่แบบถ้าไม่ใช่เจ๊งก็ถูกสั่งปิดอะไรทำนองนั้น
เงินห้าร้อยล้านของฟางเชาแทบจะเจ๊งไปจนหมดแล้ว!