หวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าแขกในงานแต่งของตนเอง!
แล้วในงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย!
หลังจากที่เย่เฉินประกาศตัวว่าเขาเป็นประธานบริษัทแล้ว ในใจหวังเจียเหยาก็สั่นไหว
ยิ่งพอเห็นคนใหญ่โต คนมีหน้ามีตาในสังคมต่างก็เคารพเย่เฉินแบบนั้นแล้ว เขาเป็นดั่งฮ่องเต้แห่งอวิ๋นโจวชัดๆ!
อดีตคนเคยรักตอนนี้กลายมาเป็นเศรษฐีที่คนต่างนับหน้าถือตา!
แล้วจะให้หวังเจียเหยายินยอมแต่งงานกับฟางเชาได้อย่างไร?
เดิมทีหวังเจียเหยาก็ไม่ได้ชื่นชอบชายเจ้าชู้อย่างฟางเชา เขาไม่ได้หล่อเหลาเท่าเย่เฉิน นิสัยใจคอก็ไม่นุ่มนวลอ่อนโยนแบบอีกฝ่าย ไม่ทะนุถนอม ดูแลเอาใจใส่หล่อนเหมือนอดีตสามี
ข้อดีเดียวที่ฟางเชามีก็คือเขามีพื้นฐานครอบครัวที่ดี สามารถช่วยเหลือตระกูลหวังได้
ตอนนี้ข้อดีข้อเดียวที่ทำให้ฟางเชาอยู่เหนือเย่เฉินก็ไม่มีอีกแล้ว
ดังนั้นหล่อนจึงไม่ลังเลที่จะปฏิเสธเขา!
ทุกคนจึงได้เห็นหวังเจียเหยาในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์วิ่งลงจากเวทีด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาแล้วโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดของอดีตสามีแล้วพร่ำบอกเขา “เย่เฉิน ฉันรักคุณค่ะ!”
เสียงจอแจในงานแต่งงานก็ดังขึ้นกว่าเดิม!
“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะวิ่งโร่ไปกอดผู้ชายคนอื่นกลางงานแต่งงานเลย!”
“ฮ่าๆ มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้วพวกเรา”
ฟางเชาในชุดเจ้าบ่าวที่อยู่บนเวทีหน้าเขียวคล้ำ!
เย่เฉินนั่งบนที่นั่งเงียบๆ แล้วโอบกอดอดีตภรรยาที่เขารักหนักหนาด้วยจิตใจที่สับสน
ทั้งปิติยินดีและลิงโลด แต่ก็โกรธแค้นและเกลียดชังไปพร้อมกัน!
เขาย้อนนึกถึงวันที่เขายังอยู่ในชุดของพนักงานเดลิเวอรี่ที่ต่ำต่อย ยืนอยู่ตรงหน้าฟางเชาและหวังเจียเหยาที่โรงแรมเจียหัว อดีตภรรยาคนนี้ยังตะคอกเขาว่าเขาไม่คู่ควรแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้อยู่เลย
คิดไปแล้วพวกเขาสองคนคงคิดไม่ถึงแน่ว่าจะมีเหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้น!
ฉินหงเหยียนที่นั่งข้างเย่เฉิน หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าแล้วจุดมันก่อนระบายยิ้มอย่างขี้เล่น
“หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา วิ่งโร่มาตอนนี้ คุณคิดว่าเย่เฉินจะให้อภัยคุณหรือไง!”
ฉินหงเหยียนยกมุมปากเยาะเย้ย ในฐานะที่เป็นผู้หญิง หล่อนอยากจะบอกอีกฝ่ายอย่างมากว่าถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้คงไม่ทำแต่แรก!
ใบหน้า มือและเท้าเจ้าภาพอย่างฟางเสียนจู่สั่นระริก!
คิดไม่ถึงว่าลูกสะใภ้ของตนเองจะโร่ไปบอกชายอีกคนว่า “ฉันรักคุณ!”
นี่คือการดูหมิ่นเหยียดหยาม!
นี่คือการดูหมิ่นเหยียดหยามตระกูลฟาง!
แล้วจะให้คนตระกูลฟางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
และในเวลานี้เองจู่ๆ หวังจื้อหย่วนก็สาวเท้าเดินไปด้านหน้า คว้าตัวหวังเจียเหยาออกมาจากอ้อมกอดของเย่เฉินก่อนจะตบหน้าบุตรสาวเสียงดัง!
เพี๊ยะ!
หวังจื้อหย่วนกล่าวด้วยความร้อนใจ “แกมันบ้าไปแล้ว! แกล่วงเกินตระกูลฟางแบบนี้อยากจะให้พวกเราล่มจมไปกับแกด้วยหรือไง!”
หวังจื้อหย่วนรู้ดีแก่ใจว่านี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน หวังเจียเหยาฉีกหน้าคนตระกูลฟางแล้วทำให้พวกเขากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งอวิ๋นโจว
ตระกูลฟางไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก พวกเขาจะต้องคิดบัญชีกับครอบครัวหวังจื้อหย่วนแน่
แต่ซูหลานกลับเดินมา แล้วกอดลูกสาวอย่างรักใคร่แล้วกล่าวกับสามีว่า
“จื้อหย่วนคุณตีลูกสาวเราทำไม! เดิมทีเย่เฉินกับเจียเหยาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาถึงสามปี ก็ต้องผูกพันกันเป็นธรรมดา! ลูกจะเลือกเย่เฉินก็ไม่ผิดหรอกแล้วอีกอย่างเย่เฉินตอนนี้ก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“เธอ…เธอผู้หญิงแพศยาหุบปากเลย!”
หวังจื้อหย่วนหัวเสียอย่างมาก แล้วยกมือขึ้นจะตบภรรยา
หวังจื้อหย่วนรู้ว่าเย่เฉินจะไม่ยอมกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่า วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อแย่งตัวคนรักอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าหวังเจียเหยาจะอ้อนวอนเขาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ในเมื่อตอนนี้หวังเจียเหยาแต่งงานกับคนตระกูลฟางแล้ว ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำได้แค่เลือกดองกับตระกูลฟางไป
ไม่อย่างนั้นแล้วล่วงเกินทั้งเย่เฉินทั้งตระกูลฟางคงจะยากที่จะผูกมิตรกับพวกเขาทั้งสองฝั่งได้ดังเดิม
เย่เฉินไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของตระกูลหวังทั้งสิ้น
ในอดีตสามคนนี้ คนหนึ่งคือภรรยาเขา อีกคนที่พ่อตาเขา ส่วนอีกคนคือแม่ยาย
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเองอีกแล้ว
เย่เฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้ จดกระดุมชุดสูทด้วยท่าทีผ่อนคลายแล้วกล่าวว่า “เป็นงานแต่งยิ่งใหญ่แห่งปีจริงๆ มิน่าล่ะคุณฟางถึงได้บังคับให้ผมต้องมาดูให้ได้”
“งานแต่งผมก็มาดูแล้ว ที่บริษัทยังมีธุระอยู่ ขอตัวก่อนแล้วกัน”
ฉินหงเหยียนบี้บุหรี่สำหรับสุภาพสตรีที่เพิ่งจุดทิ้งแล้วลุกขึ้น “ฉันเองก็ควรไปได้แล้ว”
หวงเฉิงหมิงที่อยู่ในโต๊ะเดียวกันก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณเย่ คุณฉิน รอผมด้วยสิ ผมไม่ขอร่วมงานมงคลด้วยแล้ว ผมไปกับพวกคุณแล้วกัน”
หลังจากที่ทั้งสามคนไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าแขกคนอื่นๆ ในโต๊ะต่างเริ่มร่ำลาฟางเสียนจู่เช่นกัน
“คุณฟาง ที่บริษัทยังมีธุระอยู่ ขอตัวแล้วกัน”
“ที่ทำงานโทรมาตามแล้ว ต้องขอโทษด้วย ขอตัวก่อนนะ”
“…”
ผ่านไปไม่นานนัก โถงจัดงานแต่งงานที่เดิมครึกครื้นเหลือเกินก็เหลือแขกแค่สองโต๊ะ
สองโต๊ะที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นญาติสนิทของตระกูลฟาง
ส่วนพาร์ทเนอร์ในธุรกิจต่างๆ นั้นไม่มีใครเหลือสักคน
ผู้ที่ตั้งตนอยู่ในธรรมย่อมจะมีแต่ผู้ให้การช่วยเหลือ คนพวกนี้ฉลาดกันจะตายไป
พอรู้ว่าเย่เฉินมีปัญหากับบ้านตระกูลฟาง ใครไหนเลยจะกล้าสนิทสนมกับพวกเขา?
ถ้าหากว่าอยู่ที่นี่ต่อ สุดท้ายแล้วไปเข้าหูเย่เฉินเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมือนพวกบริษัทที่ซวยๆ สิบกว่าแห่งนั้นก็ได้ที่ไม่รู้ว่าจะล่มจมลงเอาตอนไหน
“อ๊าก!”
ฟางเชาทุ่มเก้าอี้ใส่โต๊ะ
งานแต่งงานที่ทุ่มเงินไปตั้งหลายล้านกลับไม่มีคนอยู่ชื่นชม!
ฟางเสียนจู่เห็นสถานการณ์นั้นก็ยังคงมีท่าที “ลูกเชา ลูกพาเจียเหยากลับไปที่เรือนหอใหม่ของพวกลูกเถอะไป วันนี้เป็นวันมงคลของลูกสองคน อย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย พ่อกับแม่จะจัดการเอง!”
จากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยาฉันรู้ว่าตอนนี้เธออยากจะกลับไปอยู่กับเย่เฉิน แต่เธอเองก็เห็นแล้ว เย่เฉินเขาไม่อยากได้เธอเลยสักนิด ในเมื่อเธอเป็นสะใภ้ตระกูลฟางเราแล้ว เธอก็ช่วยรู้จักพอสักหน่อยเถอะ! ถึงตระกูลฟางของเราอาจจะด้อยกว่าเย่เฉิน แต่ไม่ว่ายังไงตระกูลฟางของเราก็มีทรัพย์สินหลายพันล้านหยวน ถือว่าร่ำรวยกว่าตระกูลหวังของเธอระดับหนึ่ง! มาเป็นสะใภ้ของเราก็ถือว่าเป็นผลดีกับเธออยู่ดี!”
หวังเจียเหยาขบริมฝีปากแต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของเย่เฉิน!