ตอนที่ 74 เย่เฉินหวังเจียเหยาไม่ได้หย่ากัน!
ในเวลานี้เอง ณ บริเวณนอกโรงแรม
แขกผู้ชายท่านหนึ่งที่มาร่วมงานแต่งงานระบายยิ้มออกมา เขากดหาชื่อ ‘โจวเจี้ยนเย่’ จากรายชื่อในโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว
“มีอะไร?” โจวเจี้ยนเย่กล่าวเสียงเย็น
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “โจวเจี้ยนเย่ ผมจำได้เหมือนว่าคนตระกูลหวังที่อยู่ในอวิ๋นโจวเป็นญาติคุณใช่ไหม หวังเจียเหยาเป็นอะไรกับคุณน่ะ?”
โจวเจียนเย่กล่าว “แม่ผมกับปู่ของหล่อนเป็นพี่น้องกัน หวังเจียเหยาเป็นหลานสาวของผม ทำไมเหรอ?”
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวว่า “ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นญาติสนิทกัน วันนี้หลานสาวของคุณแต่งงาน ทำไมคุณไม่มาล่ะ? คุณพลาดละครฉากดีๆไปแล้ว”
“อดีตสามีที่แต่งงานเข้าตระกูลหวังก่อนนี้ ที่จริงเป็นประธานบริษัทของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแต่หลานสาวคุณกลับหย่ากับเขาเสียแล้ว”
“วันนี้หลานสาวของคุณแต่งงานกับคุณชายตระกูลฟาง หล่อนเสียใจทีหลังแต่ก็สายไปเสียแล้ว ฮ่าๆ”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ เมืองหยางหนิง
ทันทีที่โจวเจี้ยนเย่กดวางสาย หญิงชราที่เอนตัวอยู่ใกล้ๆ เขาก็โพล่งถามทันที
“เจี้ยนเย่ เจียเหยาเป็นอะไรหรือเปล่า?”
หญิงชราผู้นี้ก็คือมารดาของโจวเจี้ยนเย่ น้องสาวแท้ๆ ของคุณปู่ของหวังเจียเหยา ซึ่งก็คือคุณย่าเล็กของหวังเจียเหยา
โจวเจี้ยนเย่มองหญิงชราที่อ่อนแอ ก็ทำใจพูดความจริงทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไม่ได้จึงกล่าวว่า
“ไม่มีอะไรครับแม่ เจียเหยาสบายดีครับ”
ใครจะรู้หญิงชรากลับพูดความจริงออกมา “เย่เฉินกับหวังเจียเหยาหย่ากันแล้วใช่ไหม?”
โจวเจี้ยนเย่ไม่กล้าปิดบังมารดาอีก เขาจึงพยักหน้าน้อยๆ
“ครับ ที่จริงแล้วเขยแต่งเข้าของบ้านตระกูลหวังที่ชื่อเย่เฉินเขาเป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านหยวนเชียว! เฮ้อ เจียเหยาขาดทุนหัวโตเลย! แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงเด็กคนนี้มาก แต่อย่าเสียใจมากไปเลยนะครับ ต้องรักษาสุขภาพด้วย”
สุขภาพของคุณย่าเล็กผู้นี้ไม่ใคร่สู้ดีนัก ดูไปแล้วเวลาคงเหลือไม่มาก…
คุณย่าหวังไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใดกล่าวเสียงเรียบ “สบายใจเถอะ แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เจียเหยากับเย่เฉินยังเป็นสามีภรรยากันอยู่”
ใบหน้าโจวเจี้ยนเย่ฉายแววสงสัย “คุณแม่ แม่เลอะเลือนหรือเปล่าครับ? พวกเขาหย่ากันแล้วจะยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ได้ยังไง? อีกอย่างตอนนี้เจียเหยาแต่งกับเด็กแซ่ฟางแล้ว”
หญิงชรายิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่จริงลุงของแกหรือปู่ของเจียเหยา เขารู้ตัวตนของเย่เฉินนานแล้วถึงได้ให้เขาแต่งเข้าบ้านตระกูลหวัง อีกอย่างเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเจียเหยาที่ทั้งหัวดื้อเย่อหยิ่งจะต้องมีสักวันที่ทนไม่ไหวจนต้องขอหย่ากับเย่เฉิน ดังนั้นเขาถึงได้จัดแจงคนให้ไปแฝงตัวอยู่ในสำนักกิจการพลเรือน ใบสำคัญการหย่าของเย่เฉินกับเจียเหยาเป็นของปลอม! แล้วใบทะเบียนสมรสของหล่อนกับคนแซ่ฟางนั่นก็ของปลอมเหมือนกัน!”
โจวเจี้ยนเย่ตกใจอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าปู่ของหวังเจียเหยาจะคาดเดาได้แม่นยำราวตาเห็น ก่อนตายได้เตรียมพร้อมทุกอย่างได้ขนาดนี้!
โจวเจี้ยนเย่กล่าวพลางยิ้มอย่างดีใจ “งั้นผมจะรีบโทรบอกหลานเรื่องนี้!”
คุณย่าเล็กหวังกลับเอื้อมมือเหี่ยวย่นแตะแขนโจวเจี้ยนเย่ปรามเขา
“ยังบอกหล่อนไม่ได้ชั่วคราว” สีหน้าคุณย่าเล็กเคร่งขรึมลงง
“หวังเจียเหยา เด็กคนนี้เย่อหยิ่งเกินไป ไม่เคยสนใจใยดีเย่เฉินมาก่อนตอนนี้ปล่อยให้หล่อนเสียดายไปก่อน โดนสั่งสอนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ให้ตัวหล่อนเองคิดหาวิธีงอนง้อเย่เฉิน ถ้าไม่ได้จริงๆ แกค่อยบอกหลาน”
โจวเจี้ยนเย่พยักหน้ารับ “ครับ!”
……
เขตซีซาน
หลังจากหวังเจียเหยาตามฟางเชากลับไปถึงเรือนหอแล้ว หล่อนก็เริ่มเก็บกระเป๋าเดินทางเตรียมจะออกจากเรือนหอไป
ฟางเชาหัวเสียจนทนไม่ไหว “หวังเจียเหยาจะลากกระเป๋าไปไหน! วันนี้เป็นวันแต่งงานวันแรกของเรา คิดจะวิ่งโร่ไปนอนกับเย่เฉินหรือไง!”
หวังเจียเหยากล่าว “ใช่ ฉันจะไปหาเย่เฉิน ฟางเชา เราหย่ากันเถอะ!”
ยังไงเสียในงานแต่งงานเมื่อครู่ หล่อนก็ปฏิเสธเขาแล้ว แถมยังโผเข้าหาเย่เฉินต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
หล่อนรู้ว่าฟางเชาในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เขาทนรับการดูหมิ่นแบบนี้ไม่ได้แน่
และเป็นดังที่หล่อนคิด ฟางเชากล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ “ได้! หย่าก็หย่าสิ! ผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ ไม่คู่ควรจะเป็นเมียฉันเลยสักนิด!”
ทั้งสองคนต่างคนต่างถือทะเบียนบ้านไปที่สำนักกิจการพลเรือนอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปทำเอกสารสำคัญการหย่า
……………..
ตอนที่ 75 หวังเจียเหยางอนง้อเย่เฉิน
หลังจากจัดการเรื่องใบหย่าเรียบร้อยแล้ว หวังเจียเหยาก็ไปหาซ่งหงเย่ เพื่อขอร้อง ‘กุนซือ’ ให้ช่วยวางแผนให้
ซ่งหงเย่เห็นหวังเจียเหยาอยากจะงอนง้อเย่เฉินก็กล่าวว่า
“ยืนกระต่ายขาเดียวเอาไว้ อย่ายอมรับว่าคืนนั้นเธอมีอะไรกับฟางเชา!”
ไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็ไม่ได้เห็นกับตา หวังเจียเหยายืนยันหัวเด็ดตีนขาดอย่ายอมรับเป็นใช้ได้
หลังจากนั้นซ่งหงเย่ยังพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล เพื่อไปทำหัตถกรรมซ่อมซ่อมบางส่วนของผู้หญิง
……
ห้าทุ่ม
รถแลนดอเล็ตสีขาวปลอดไร้ตำหนิคันหนึ่งขับเข้ามาในวิลล่าเขตเหมยกุยหยวนอย่างเชื่องช้า
จุดหนึ่งที่ทำให้รถคันนี้ต่างจากรถหรูคันอื่นก็คือมันค่อนข้างคล้ายรถม้ามากทีเดียว
เพราะว่าที่นั่งหน้าหลังมีส่วนแบ่งกั้นชัดเจน แถมหลังคารถด้านหลังก็เปิดได้ด้วย
อวิ๋นโจวในเดือนพฤษภาคมอากาศร้อนน้อยๆ แต่ช่วงกลางคืนมีลมเย็นพัดตลอด ทำให้รู้สึกสบาย
เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นว่าส่วนหน้าของตัวรถคันนี้กลับมืดสนิทกลืนไปกับความมืด
ทว่าช่วงหลังของรถกลับเปิดไฟสว่างแถมยังเปิดหลังคาเอาไว้เสียด้วย
แสงไฟที่ลอดมาจากด้านหลังรถนั้นมีกลิ่นอายความหรูหรา
ทำให้คนที่เห็นแล้วก็ต้องทอดถอนใจ นี่หรูหราเกินไปแล้ว
แล้วเหมือนจะเห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวที่อยู่นั่งด้านหลังของตัวรถกำลังจิบแชมเปญอยู่
ตลอดทางที่ผ่านมาเหล่าบรรดาสุภาพสตรีที่มองเห็นนั้น ต่างอยากจะอ้อนวอนขอวิธีการติดต่อของเขาอย่างโง่งม
เจ้าชาย!
นี่มันเจ้าชายที่มีแค่ในโลกเทพนิยายเท่านั้น!
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่คู่ควรกับเขา!
“เย่เฉิน! คุณเย่!”
รถเพิ่งผ่านผ่านปากทางวิลล่า ซ่งหงเย่ก็ขวาง ‘รถม้าหรูหรา’ คันนั้น แล้วตะโกนเรียกเย่เฉิน
เย่เฉินหันมองทางซ้ายแล้วลดกระจกลงช้าๆ ถึงแม้ว่าว่าจะเปิดหลังคาอยู่ แต่หน้าต่างรถยังปิดอยู่
“ซ่งหงเย่?”
และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ซ่งหงเย่แค่คนเดียว คนที่อยู่ด้านข้างเจ้าหล่อนก็คือหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาใส่ชุดกระโปรงแบรนด์ชาแนลสีดำสนิท แต่ยังสวยสะดุดตา ดูสูงส่งและเย่อหยิ่งเหมือนอย่างเคย
คิดไปแล้วความงดงามของคนผู้หนึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากนิสัยหรืออารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็ตาม
“เย่เฉิน…” หวังเจียเหยาเรียกเย่เฉิน
ถึงแม้จะใส่ชุดราคาแสนแพง แต่หล่อนในตอนนี้กลับยืนอยู่ด้านนอกรถราคาหลายสิบล้าน ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นขอทานอย่างไรอย่างนั้น
เย่เฉินที่นั่งในรถราคาแพงขนาดนั้นก็เหมือนเจ้าชายที่หลุดมาจากยุคโบราณจริงๆ
เย่เฉินไม่แยแสหวังเจียเหยาแต่กลับมองไปที่ซ่งหงเย่
พูดกันตามจริงแล้ว ความสัมพันธ์เย่เฉินกับซ่งหงเย่ก็ไม่ได้เลวร้าย
สามารถพูดได้ว่าซ่งหงเย่ปฏิบัติกับเย่เฉินดีที่สุดแล้วในกลุ่มเพื่อนของหวังเจียเหยา
เพื่อนคนอื่นของหญิงสาวดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เจอหน้าเขาคนพวกนั้นไม่เคยจะมองเย่เฉินตรงๆ ด้วยซ้ำแถมยังมักจะใช้เขาราวคนใช้
ทั้งถือของตอนเดินช็อปปิ้ง ใช้ไปซื้อขนมให้บ้าง ซื้อน้ำดื่มให้บ้าง โดยรวมคือมองเขาไม่ต่างอะไรกับคนใช้
แต่ซ่งหงเย่ไม่เคยทำให้เย่เฉินต้องลำบาก ในทางกลับกันยังมักจะเลี้ยงเย่เฉินบ่อยๆ ด้วย
บางทีเพราะซ่งหงเย่เป็นคนบ้าผู้ชาย ชอบผู้ชายหล่อ แล้วเย่เฉินดันเข้าตาหญิงสาวพอดี
ซ่งหงเย่เป็นคนใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเจ้าหล่อนค้อมตัวลงมา เรือนผมยาวสลวยนั้นปรกหน้าโดยไม่รู้ตัวจนบดบังครรลองสายตา
หล่อนจึงสะบัดผมน้อยๆ แล้วกล่าวต่อว่า “ฮ่าๆ เย่เฉิน ฉันคิดว่าพอนายกลายเป็นคุณเย่แล้วจะไม่รู้จักฉันเสียอีก”
เย่เฉินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “จะได้ยังไง ผมยังติดข้าวคุณอีกหลายมื้อเลย”
ซ่งหงเย่กล่าวว่า “ฮ่าๆ ที่ฉันกับเจียเหยามาก็เพื่อจะมาทวงข้าวนายนี่แหละ ขอเราไปชมบ้านหรูของนายหน่อยสิได้ไหม?”
แย่เฉินปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วกล่าวกับซ่งหงเย่
“คุณหนูซ่งมาบ้านผม ผมย่อมต้อนรับอยู่แล้ว ส่วนคุณหนูหวังน่ะวันนี้เป็นวันมงคลของคุณกับคุณชายฟางดึกดื่นขนาดนี้แล้วอย่าไปบ้านผมเลยจะได้ไม่เข้าใจผิดกัน”
ซ่งหงเย่รีบหยิบใบหย่าออกมาจากกระเป๋าหวังเจียเหยาแล้วส่งให้เย่เฉิน “เข้าใจผิดอะไรกัน เจียเหยาหย่ากับฟางเชาแล้ว!”
เย่เฉินมองใบหย่าของหวังเจียเหยาก่อนผลักมือซ่งหงเย่ แล้วส่ายหน้าไม่พูดอะไร
เขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่าทำไมหวังเจียเหยาถึงได้หย่า
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะหย่าในวันแต่งงาน
เห็นเย่เฉินไม่พูดไม่จา ซ่งหงเย่ก็เกาะกระจกรถแล้วขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
“พี่เย่สุดหล่อ ให้พวกเราไปด้วยเถอะนะ ทำไมล่ะ กลัวพวกเราทำอะไรนายหรือไง?”
เย่เฉินรู้ว่าซ่งหงเย่เป็นคนปากกล้า ถ้าพูดเรื่องอย่างว่าแล้วเย่เฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหงเย่เลยด้วยซ้ำ
เย่เฉินไม่ค่อยชอบซ่งหงเย่ เพราะชีวิตส่วนตัวของหล่อนออกจะวุ่นวายไม่น้อย
ตัวของหวังเจียเหยาเองเป็นคนว่านอนสอนง่าย ใสซื่อบริสุทธิ์เพราะอยู่กับอีกฝ่ายนานเข้า ถึงได้ติดนิสัยเสียมา
ทว่าดูท่าแล้ววันนี้ทั้งสองคนจะต้องเข้าบ้านเขาให้ได้
เย่เฉินเองก็รู้ว่า ต่อให้วันนี้ปฏิเสธหวังเจียเหยาหล่อนก็จะมาหาเขาอีกอยู่ดี
“ขึ้นรถเถอะ” เย่เฉินกล่าว
“ขอบคุณค่ะคุณเย่!”
ซ่งหงเย่รีบเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับ เพื่อเปิดโอกาสให้หวังเจียเหยาได้นั่งด้านหลังกับเย่เฉิน
ที่นั่งด้านหน้ากับหลังต่างจากราวฟ้ากับเหว ที่นั่งด้านหน้าปิดทึบ แต่ด้านหลังนั้นแค่แหงนหน้ามองก็จะเห็นดวงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า!
หนำซ้ำที่นั่งบริเวณด้านหลังค่อนข้าวกว้างขวางเหมือนที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบิน ที่นั่งบิสสิเนสคลาสบนรถไฟฟ้าความเร็วสูงสะดวกสบายเหลือเกิน!
มีโต๊ะและมีที่วางแก้วแชมเปญ
หลังจากที่หวังเจียเหยาเข้าไปแล้วก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“นี่คือรถของสามีฉัน! มายบัครุ่นลิมิตเต็ด! ก่อนนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ! สบายจังเลยมีแชมเปญด้วย!”
พอหวังเจียเหยาทรุดตัวนั่งลงแล้ว มือขวาคลำเจอแก้วแชมเปญพอดี หล่อนยกแก้วเปล่าขึ้นมาแล้วกล่าวถามเย่เฉิน
“ช่วยรินแชมเปญให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
……………….