หวังเจียเหยาใจเต้นระรัวเร็ว แล้วนับว่าตนเองเป็นภรรยาของเย่เฉินทันที ซึ่งนั่นก็คือคุณนายน้อยของตระกูลเย่
พ่อบ้านฟางที่อยู่ตรงหน้านี้ ในเมื่อเขาเป็นคนในบังคับบัญชาของเย่เฉินเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนใต้บังคับบัญชาของหล่อนเช่นกัน
ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงเรียกอีกฝ่าย “พ่อบ้านฟาง…”
เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่น เขายังคิดว่าหวังเจียเหยาจะเรียก ‘คุณปู่’ หรือไม่ก็ ‘คุณฟาง’ อะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะเรียกตามเขา
พ่อบ้านฟางคือคนในบังคับบัญชาของเขา เขาย่อมเรียกแบบนั้นได้
แต่หวังเจียเหยามีสิทธิ์อะไรเรียกเขาแบบนี้!
หวังเจียเหยาไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอกอีก “พ่อบ้านฟาง ดูคุณชมฉันสิฉันเขินไปหมดแล้ว เย่เฉินเห็นคุณเป็นคนในครอบครัว ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันคุณวางใจเถอะนะ”
เย่เฉินได้ยินแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ จากคำพูดของหวังเจียเหยาเหมือนว่ากำลังเมตตาชายชรา
เหมือนกำลังจะบอกว่าถ้าต่อไปฉันได้เป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่แล้วจะไม่ปฏิบัติเหมือนคุณเป็นคนรับใช้
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ”
พ่อบ้านฟางเป็นคนถ่อมตัว ถึงจะรู้ว่าหวังเจียเหยาไม่ใช่ภรรยาของเย่เฉินอีกแล้ว แต่ถ้าเย่เฉินไม่สั่ง เขาก็ไม่กล้าเสียมารยาทกับอีกฝ่าย
เย่เฉินแนะนำต่อ “เขาคือหลานชายพ่อบ้านฟาง ฟางจื่อเผิง อายุพอๆ กับคุณ ขาเขาได้รับบาดเจ็บดังนั้นเลยยืนไม่ได้”
หวังเจียเหยาเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วจับมือกับชายบนรถเข็น “สวัสดีจ้ะ ขาเธอได้รับบาดเจ็บได้ยังไง? สวรรค์ น่าสงสารเหลือเกิน อายุยังน้อยอยู่เลย”
ฟางจื่อเผิงกล่าวว่า “เมื่อปีก่อนมีอุบัติเหตุน่ะครับ”
หวังเจียเหยามองเขาด้วยแววตาสงสารแล้วกล่าว “โชคร้ายจริงๆ แต่ว่าเธอก็ไม่ต้องเสียใจเกินไปนะ คุณปู่ของเธอน่ะดูแลเย่เฉินมาหลายปีแบบนี้ ฉันกับเย่เฉินไม่มีทางทอดทิ้งเธอหรอก”
พูดจบก็หันไปบอกเย่เฉิน “พวกเราเอาเงินให้จื่อเผิงเถอะหรือไม่ก็หาโรงพยาบาลดีๆ ให้เขาไปตรวจ ถ้าโชคดีอาจจะมีโอกาสหายก็ได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินรู้สึกว่าหวังเจียเหยาเป็นคนไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นัก
ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยามักจะบอกว่าเย่เฉินมาจากชนบท
แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายต่างหาก
เย่เฉินรีบอธิบายกับหวังเจียเหยา “ถึงพ่อบ้านฟางจะเป็นคนในบังคับบัญชาของตระกูลเย่เรา แต่น่าจะมีทรัพย์สินอย่างน้อยหมื่นล้าน พวกเราไม่ต้องให้เงินเขา เขาก็สามารถหาหมอที่ดีที่สุดในโลกมาให้จื่อเผิงได้”
หวังเจียเหยาตัวแข็งค้าง
“หมื่น…หมื่นล้านเหรอ?”
หวังเจียเหยาตะกุกตะกัก
หล่อนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพ่อบ้านคนหนึ่งจะมีทรัพย์สินถึงหมื่นล้าน! ตระกูลหวังทำธุรกิจมานานนมเพิ่งจะมีทรัพย์สินแค่ร้อยล้านเท่านั้น
ต่อให้เป็นธุรกิจของครอบครัวฟางเชาที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม ตอนรุ่งโรจน์ที่สุดก็มีเงินไม่ถึงหมื่นล้าน!
ตอนที่หวังเจียเหยามองพ่อบ้านฟางอีกครั้ง ก็ไม่กล้ามองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนรับใช้อีกแล้ว
“คุณ…ก็เป็นประธานบริษัทด้วยเหรอคะ?” หวังเจียเหยาถามด้วยความเคารพ
พ่อบ้านฟางยังคงอ่อนน้อมเหมือนเคย เขาตอบอีกฝ่ายด้วยความเคารพ “มิได้ครับ มิได้ ผมเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น เมื่อก่อนลงทุนตามนายท่าน ท่านลงทุนอะไรผมก็ลงทุนตามเล็กน้อย ต่อมาลงทุนทำอสังหาริมทรัพย์ผมก็ซื้อตามนายท่าน นานวันเข้า เงินก็งอกออกมาเอง เงินพวกนี้ของผมได้มาจากตระกูลเย่ทั้งสิ้น จะคุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสามหรือนายหญิงน้อยก็สามารถเอาเงินคืนไปได้ทุกเมื่อ”
พอพ่อบ้านฟางพูดคำว่า ‘นายหญิงน้อย’ ทำให้หวังเจียเหยาดีใจอย่างยิ่ง หล่อนไพล่คิดไปว่าเขาพูดถึงตนเอง
หวังเจียเหยามองเย่เฉินอย่างตกใจ “พ่อบ้านฟางลงทุนแค่นิดหน่อยยังมีเงินตั้งหมื่นล้าน อย่าบอกนะว่านายมีเงินเป็นแสนล้าน?”
เย่เฉินยังไม่ทันตอบ พ่อบ้านอดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆ คุณหนูหวัง คุณควรจะตัดคำว่า ‘อย่าบอกนะว่า’ ทิ้งไปนะครับแล้วเปลี่ยนเป็น ‘ไม่ได้มีแค่’ ”
“ไม่ได้มีแค่แสนล้านเหรอ!”
หวังเจียเหยาตื่นเต้น หล่อนรีบตีเย่เฉินเบาๆ อย่างออดอ้อน “นายนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ คุณปู่มีเงินขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉันนะ”
พ่อบ้านฟางรีบออกตัวแทนเย่เฉิน “คุณหนูหวัง คุณอย่าโทษคุณชายเลยครับ นายท่านเข้มงวดกับการฝึกฝนของคุณชายมาก ถ้าเขาบอกคุณล่ะก็การฝึกจะล้มเหลว นายท่านจะดูถูกเขา”
ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็กลายเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นขึ้นมาทันที “อื้ม ที่คุณปู่เขาทำแบบนี้ก็เพราะมีเจตนาดี ลูกคนรวยส่วนมากมักจะถูกประคบประหงมจนไม่รู้เรื่องรู้ราว ลำบากไม่ได้ ที่คุณปู่ให้ฝึกฝนแบบนี้ก็ถือว่าดีกับเย่เฉินเหมือนกัน”
พูดจบหวังเจียเหยาก็จุมพิตเข้าที่สันกรามของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ที่รักคะฉันไม่โกรธแล้วล่ะค่ะ”
เย่เฉินเอือมระอาอย่างมาก ถ้าเขาตั้งตัวได้ก็อาจจะหลบอีกฝ่ายพ้นไม่ให้หวังเจียเหยาได้ทำตามอำเภอใจ
ทว่าเย่เฉินไม่พูดอะไรต่อ เขากล่าวว่า “ทุกคนเชิญนั่งแล้วเริ่มกินข้าวกันเถอะ”
อาหารถูกลำเลียงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หวังเจียเหยาดีใจอย่างมาก “เป็นอาหารที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย ขอบคุณนะคะเย่เฉิน”
เย่เฉินยิ้มพลางกล่าว “บอกแล้วไงว่าวันนี้จะชดเชยให้คุณ”
หวังเจียเหยายื่นมือมาจับมือเย่เฉิน “อย่าพูดแบบนี้สิ อันที่จริงแล้วฉันก็มีส่วนที่ทำได้ไม่ดีนัก พวกเราอย่าชดเชยกันเลย ต่อไปแค่ใช้ชีวิตด้วยกันให้ดีก็พอแล้ว”
เย่เฉินสะบัดมือหญิงสาว เดิมอยากจะกินข้าวต่ออีกหน่อยแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ แต่พอเห็นท่าทางไม่รู้เรื่องราวแบบนี้ของหวังเจียเหยาทำให้เขาทนต่อไปไม่ไหว
เย่เฉินกล่าวว่า “หวังเจียเหยาคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ วันนี้ที่ผมนัดคุณออกมาก็เพราะว่าจะจัดนัดดูตัวให้คุณ”
“นัดดูตัว? ดูตัวอะไร?” หวังเจียเหยางุนงง
เย่เฉินชี้ฟางจื่อเผิงแล้วกล่าว “จื่อเผิงน่ะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ พ่อบ้านฟางก็มีเขาเป็นหลานแค่คนเดียว ต่อไปทรัพย์สินทั้งหมดก็จะเป็นของเขา ผมรู้ว่าคุณอยากแต่งกับลูกเศรษฐีเพื่อช่วยเกื้อกูลตระกูลหวังของคุณให้มีสถานะที่สูงขึ้นในอวิ๋นโจว ดังนั้นผมถึงได้แนะนำให้คุณกับฟางจื่อเผิงได้รู้จักกัน”
ความโกรธขึ้นเป็นริ้วๆ บนใบหน้าหวังเจียเหยาทันที “นายพูดว่าอะไรนะ? นายจะแนะนำคนใช้ให้ฉันรู้จัก?! นี่นายกำลังดูหมิ่นฉันนะ!”
เย่เฉินพูดเสียงกร้าว “คุณหนูหวังกรุณาระวังคำพูดด้วย พวกเขาเป็นคนของผม ไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ!”
พ่อบ้านฟางไม่ได้มีทรัพย์สินแค่หมื่นล้านแต่ยังเคยช่วยเลี้ยงดูคนมาไม่น้อย เช่นลูกพี่อย่างหลิวเจิ้งคุนซึ่งนับว่าเขามีอิทธิพลไม่น้อยเลย
สำหรับคนตระกูลหวังแล้ว พ่อบ้านฟางน่าจะถือเป็นเจ้านายพวกเขาด้วยซ้ำไป!
หวังเจียเหยาปัดแก้วชาตกด้วยความโมโห หล่อนชี้ฟางจื้อเผิงและตะโกนใส่เย่เฉิน
“ขาเขาเป็นแบบนั้นแล้ว นายจะยังให้ฉันแต่งงานกับเขา? นี่นายกำลังดูถูกเหยียดหยามฉันนะ!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “จื่อเผิงอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้คุณพอใจไม่ได้ ทว่าเมื่อสามปีก่อนคุณอยู่กับผมก็แยกห้องกันนอนนี่นา คุณน่าจะคุ้นเคยความสัมพันธ์ของสามีภรรยาแบบนี้แล้วนี่ แล้วอีกอย่างนะหวังเจียเหยา คุณสวยจนไม่มีใครสู้ได้ก็จริง แต่ตอนนี้คุณแต่งงานมาสองครั้งแล้วจะให้พวกคุณชายที่มีเงินหมื่นล้านยอมรับคุณก็คงยาก ดังนั้นหวังว่าคุณจะพิจารณาให้ดีแล้วทำใจยอมรับเถอะ!”
หวังเจียเหยาโมโหอย่างที่สุด หล่อนหยิบแก้วชามาแล้วสาดน้ำชาใส่หน้าเขา
“ฉันไม่ทำใจยอมรับ! ฉันไม่คิดพิจารณา! เย่เฉินนายทำเกินไปแล้ว! ฉันรักนายขนาดนี้ แต่นายกลับผลักไสฉันไปให้ชายอื่น!”
พูดจบก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกจากห้องไป