Sign in Buddha’s palm 116 บทเพลงส่งคนตาย
เมืองฉางอัน
ภายในวังหลวง
องค์ชายเฉินที่คิดว่ากุมชัยชนะเอาไว้ได้แล้ว ในเวลานี้กลับทำหน้าราวกับเห็นภูตผี
เมื่อตอนที่อินจิ่วฝูยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้เอาชนะยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของวังหลวงนับสิบคน เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าองค์รัชทายาทหลี่เชิงที่อยู่บนกำแพง องค์ชายเฉินมององค์รัชทายาทหลี่เชิงราวกับร่างไร้วิญญาณไปแล้ว
อินจิ่วฝูเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด หากเขาเข้าประชิดตัวได้ ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั่วๆ ไป อย่างไรก็ต้องตายอย่างแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาเช่นองค์รัชทายาทหลี่เชิงที่ไม่ได้ฝึกวิทยายุทธเลยแบบนี้?
แต่เพียงครู่ต่อมา
อินจิ่วฝูที่แสนจะน่ากลัวพลันร่างระเบิดกระจายออกเป็นละอองโลหิตเสียอย่างนั้น
“นี่มัน…”
องค์ชายเฉินตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เขาคิดว่าตนกำลังเห็นภาพหลอน
นี่คือปรมาจารย์ชั้นยอดระดับโลก แม้แต่จ้าวกงกงเอง หากต้องการจะเอาชนะอินจิ่วฝูก็ต้องใช้กลอุบายนับร้อย แต่ตอนนี้คนผู้นั้นกลับระเบิดออกเป็นละอองโลหิต นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อ
เมื่อเทียบกับความตกใจขององค์ชายเฉินแล้ว องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่ใกล้ชิดกับอินจิ่วฝูมากที่สุดก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมตัวเขาถึงยังไม่ตาย
องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่หลับตารอความตายไปแล้ว แต่มิเพียงตนเองจะไม่ตาย กลับเป็นอินจิ่วฝูผู้ดุร้ายผู้นั้นที่ตายอย่างมิเหลือชิ้นดี
“เกิดอะไรขึ้น?”
ราชาหวู่หยางรู้สึกขนลุกชัน เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่ภายในใจของเขา
แม้เขาจะค่อนข้างดูหมิ่นอินจิ่วฝูที่ต้องคอยดื่มเลือดมนุษย์เป็นระยะๆ แต่อินจิ่วฝูก็เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นจุดสูงสุดจริงๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเช่นนี้ ความรู้สึกในจิตใจของเขาตอนนี้คือความกลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้
“เรื่องใหญ่แล้ว”
“ทุกคนถอย”
ราชาหวู่หยางเหลือบมองไปที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งแปดคนจากหนานหมิง ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจ
องค์จักรพรรดิหมิงเพียงขอให้เขาช่วยองค์ชายเฉินขึ้นครองบัลลังก์ ไม่ใช่ส่งเขามาตาย
การที่อินจิ่วฝูร่างระเบิดเช่นนั้น ทำให้เกิดเงาดำทาบทับมาที่หัวใจของราชาหวู่หยางอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ถ้าเขายังไม่หยุด จะมิเป็นการตามรอยเท้าของอินจิ่วฝูไปอย่างนั้นหรือ?
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจากหนานหมิงเหลือบมองหน้ากันแล้วค่อยๆ ถอยตัวกลับไปอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม
ในตอนนั้นเอง
ติ๊ง!!!
เสียงอันเงียบเหงาและไร้ตัวตนของกู่ฉินก็ดังก้องท่ามกลางบรรยากาศที่สงบเงียบ ความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่ การพลัดพรากจากจรซัดเข้ามา
อดีตที่ผ่านพ้น ราวกับหมอกควันที่ไม่นานก็จางหาย
การเกิดใหม่ ชีวิตหลังความตาย ก็แค่การเปลี่ยนผ่านผันไป
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
…
ด้วยเสียงของกู่ฉินที่แผ่ออกมา ยอดปรมาจารย์ทั้งแปดก็ร่างระเบิดกลายเป็นละอองเลือด
“ไม่ดีแล้ว!”
ราชาหวู่หยางตกใจ
“นี่มันเสียงกู่ฉิน!!!”
ราชาหวู่หยางตอบสนองต่อเสียงและมองไปรอบๆ ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในขณะนี้ราชาหวู่หยางตระหนักได้แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นอินจิ่วฝูหรือยอดปรมาจารย์ทั้งแปดที่ร่างระเบิดอย่างกะทันหันอาจเป็นเพราะเสียงกู่ฉินที่ดังขึ้นมานั่น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ราชาหวู่หยางค้นพบสิ่งนี้แล้ว ก็กลายเป็นยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก
หากเป็นการโจมตีจากคมดาบหรือหมัดมวย เขายังพอรู้ได้บ้างว่าจะต้านทานอย่างไร
แต่เสียงดนตรี…
ติ๊ง!
เสียงกู่ฉินดังกึกก้องขึ้นต่อเนื่อง ไร้ตัวตนและแสนโดดเดี่ยว
“พระเจ้าช่วย…”
ราชาหวู่หยางหยุดลงกะทันหันและหันไปมองภายในส่วนลึกของพระราชวัง
ในเวลาต่อมา
ปัง!!!
ร่างของราชาหวู่หยางก็ระเบิดออกเช่นกัน
ติ๊ง!!
เสียงกู่ฉินนั้นเงียบเหงา เป็นความเหงาที่แปรเปลี่ยนมาจากความเศร้า ทั้งสองความรู้สึกแผ่กระจายและแทรกซึมไปทั่วทั้งฉางอัน
ช่วงเวลานี้
ทุกผู้ทุกคนภายในเมืองฉางอัน ตั้งแต่ชายชราที่แก่จนแทบจะลงโลงไปจนถึงเด็กทารกต่างก็ได้ยินเสียงกู่ฉินอันแสนโดดเดี่ยวอ้างว้างนี้ภายในหูของตน
ที่ด้านบนกำแพงเมือง องค์รัชทายาทหลี่เชิงยังคงจมอยู่กับเสียงกู่ฉินเหมือนๆ กับเหล่ายอดปรมาจารย์ของราชวงศ์ถัง ซึ่งแตกต่างจากราชาหวู่หยางหรืออินจิ่วฝูที่สำหรับพวกเขาแล้วเสียงกู่ฉินนี้ช่างร้ายแรงและน่ากลัว แต่เมื่อมาถึงหูขององค์รัชทายาทหลี่เชิงและคนอื่นๆ มันกลับกลายเป็นว่าบทเพลงชีวิตหลังความตายบทนี้ช่างซาบซึ้งตรึงตราอยู่ในหัวใจ
จากนั้นไม่นาน
เสียงกู่ฉินก็ค่อยๆ คลายหายไป
“นี่คือ…….”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงสงบใจลงได้ก็มองไปนอกเขตพระราชฐาน
ด้วยเสียงของกู่ฉินอันนั้นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองอย่างราชาหวู่หยางและอินจิ่วฝู ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งแปดคน รวมถึงองค์ชายเฉิน ทั้งหมดล้วนร่างระเบิดไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก
“ตายหมดแล้ว…”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงแลดูว่างเปล่า
“ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
เวลานั้นขุนนางกลุ่มหนึ่งก็รีบเข้ามาถามไถ่องค์รัชทายาทหลี่เชิง
ขันทีชุดแดงนับสิบและปรมาจารย์ในวังหลวงต่างก็เข้ามาหาเช่นกัน
“หลิวกงกง ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงที่ใจเย็นลงมากแล้วก็มองไปทางขันทีชุดแดง
ขันทีชุดแดงผู้นี้ก็คือหลิวกงกงผู้ซึ่งคอยปกป้ององค์รัชทายาทหลี่เชิงในมุมมืดมาตลอดตั้งแต่ยังไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นบุคคลผู้น่าไว้วางใจ
“รายงานฝ่าบาท ผู้ชราก็มิรู้เช่นกัน…”
หลิวกงกงเงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวตอบด้วยความเคารพ
สิ่งที่เขากล่าวออกคือสิ่งที่อยู่ก้นบึ้งภายในใจจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาก็จมอยู่กับเสียงของกู่ฉินเหมือนกัน เมื่อเสียงบรรเลงหายไป รู้ตัวอีกทีราชาหวู่หยางและคนอื่นๆ จากหนานหมิงก็ตายหมดแล้ว
“ฝ่าบาท”
“ข้าเดาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะเสียงของกู่ฉินเมื่อครู่นี้…”
ในขณะนั้นเองแม่ทัพประจำวังหลวงก็เอ่ยออกมา
คำพูดกล่าวออก
ปรมาจารย์ท่านอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาเองก็มีข้อสงสัยเช่นกัน เสียงของกู่ฉินเมื่อครู่มันแปลกเกินไป
“เสียงกู่ฉิน…”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงจมอยู่ภายในความคิด
…
…
ศาลบรรพชนภายในวังหลวง
ตัวของผู้ดูแลศาลบรรพชนก็ตั้งตรงขึ้นเตรียมพร้อมมาแต่แรก กลิ่นอายของยอดปรมาจารย์เต็มเปี่ยมอยู่ภายในกายของเขา
“เสียงกู่ฉิน….”
ผู้ดูแลศาลบรรพชนดูเคร่งเครียด
สายตาของเขาจับจ้องไปที่เขตพระราชฐานเขม็ง โดยอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นองค์ชายเฉินสมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรหนานหมิง ชักศึกเข้าบ้าน เมื่อนั้นเองเขาก็พร้อมที่จะลงมือแล้ว
แม้ว่าผู้ดูแลศาลบรรพชนจะเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แต่ผู้ที่เขาภักดีด้วยหาใช่องค์รัชทายาทไม่ แต่มันคือทั้งราชวงศ์ถัง
หากองค์ชายเฉินไม่สมรู้ร่วมคิดกับหนานหมิง แม้ว่าองค์รัชทายาทหลี่เชิงจะถูกสังหารและองค์ชายเฉินได้ขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ สิ่งที่ผู้ดูแลศาลบรรพชนจะทำก็คือมองดูเฉยๆ เพียงเท่านั้น
เขาสนใจเพียงแค่ว่าคนที่ขึ้นครองราชย์ต้องมีชื่อสกุลว่าหลี่เท่านั้น ส่วนจะเป็นใครนั้นไม่สำคัญเลย
แต่เรื่องที่องค์ชายเฉินสมรู้ร่วมคิดกับต่างอาณาจักรนั้นต่างออกไป
เมื่อยามที่เขากำลังจะลงมือ เสียงกู่ฉินก็ดังขึ้น
จากนั้นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองคน ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกแปดคน รวมถึงคนอื่นๆ ก็สิ้นชีพลง
“สังหารยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคนและยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกแปดคนด้วยเสียงกู่ฉิน เกรงว่าคงเป็นวิชายุทธแขนงหนึ่ง…”
ผู้ดูแลศาลบรรพชนนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ในใจ
บางทียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหมดที่อยู่ภายในวังอาจจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น…
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาศาลบรรพชนย่อมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นดี
“คนผู้นั้นคือใครกัน?”
ความคิดของผู้ดูแลศาลบรรพชนพลันแล่นเร็วจี๋
“หรืออาจจะเป็นคนที่เข้ามาในศาลบรรพชนเมื่อครั้งก่อน?”
ราวกับมีประกายไฟปรากฏขึ้นในความคิด ตอนนี้ผู้ดูแลศาลบรรพชนก็นึกบางอย่างออก
ในช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ยามนั้นผู้ดูแลศาลบรรพชนเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่เมื่อกลับเข้ามาก็พบว่ามีคนลอบเข้าไปภายในศาลบรรพชนเพื่อจุดไม้จันทน์โดยที่เขาไม่รู้ตัว
…
ในเวลาเดียวกัน
ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์
ซูฉินที่ดูสงบล้ำลึกค่อยๆ เอามือออกจากกู่ฉินสีน้ำเงินอันนั้น