Sign in Buddha’s palm 178 เมืองเมฆาปีศาจ
โลกแห่งถ้ําปีศาจ
ท้องฟ้าเบื้องบนมืดครึ้มไปหมด
ซูฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้แก่ที่ตายทั้งยืน
ด้านข้างของซูฉินมีโม่จียืนอยู่อย่างรู้งาน
“นายท่าน มีข่าวลือว่ามีต้นไม้ปีศาจโบราณอยู่ในส่วนลึกของดินแดนแห่งนี้ เป็นต้นไม้โบราณที่คอยค้ําจุนโลกทั้งใบเอาไว้ และเหล่าเทพเจ้าปีศาจก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่ต้นไม้ปีศาจโบราณแห่งนี้” ปีศาจสาวเค้นสมองของนางออกมา พยายามบอกข้อมูลทุกสิ่งที่นางรู้
“โอ้”
“ต้นไม้ปีศาจโบราณ?”
ซูฉินเลิกคิ้วขึ้นมาและมองไปที่ปีศาจสาว
“เจ้าค่ะนายท่าน” ปีศาจสาวกัดริมฝีปากของนาง และเอ่ยกล่าวอย่างเย้ายวนน่าหลงใหล “ข้ายังได้ยินมาอีกว่า มีกิ่งของต้นไม้ปีศาจโบราณอยู่ภายในเมืองเมฆาปีศาจด้วย ถ้าท่านสนใจ ท่านสามารถลองไปเยี่ยมชมที่เมืองเมฆาปีศาจได้”
“จริงรึ?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน และลําแสงสีดําก็ปรากฏขึ้นจากส่วนลึกในรูม่านตา
ทันใดนั้น
ร่างกายที่แสนบอบบางของโม่จีก็สั่นสะท้าน ใบหน้าอันงดงามของนางก็ขาวซีดราวกับกระดาษ จากนั้นจึงคุกเข่าลงแทบเท้าของซูฉินด้วยเสียงอันดังก้อง “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว…”
เสียงขอโม่จีสั่นเทาราวกับถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
“มาคุยกันหน่อยเถอะ”
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับเมืองเมฆาปีศาจ?”
“ทําไร
ราวในเมืองเมฆาปีศาจมากมายขนาด
ซูฉินมองโม่จีด้วยรอยยิ้มและกล่าวคําออกมาเบาๆ
เมื่อพิจารณาดู ซูฉินก็ตระหนักได้ว่าโม่จีมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับเมืองเมฆาปีศาจ
เมื่อเทียบกับปีศาจธรรมดาๆ โม่จีรู้เรื่องราวมากเกินไป รู้แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของกระแสปราณฉีภายในโลกมนุษย์ด้วย
“นายท่าน ข้าจะบอก ข้าจะบอกทั้งหมด”
ใบหน้าสวยๆของโม่จีให้ความรู้สึกฝืนทน รีบร้องขอความเมตตา
“ว่ามาสิ”
ซูฉินกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“นายท่าน” สีหน้าของโม่จีพื้นสภาพคืนกลับมาเล็กน้อย แล้วกล่าวขึ้นอย่างเคารพ “นายท่าน เจ้าเมืองเมฆาปีศาจเป็นน้องชายของปู่แท้ๆของข้า”
“ปู่?”
ซูฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาคิดว่าโม่จีเป็นศัตรูกับเจ้าเมืองเมฆาปีศาจเสียอีก?
เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ ซูฉินรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่ซุกซ่อนไว้ของโม่จีที่มีต่อเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ
“นายท่าน แม้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะเป็นปู่ของข้า แต่ตัวข้าก็อยากจะให้เขาตายจนใจจะขาด!”
เมื่อโม่จีพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ข้ามีร่างหยินอันบริสุทธิ์แต่กําเนิด หลังจากที่ปู่ของข้าได้ทราบเรื่อง เขาไม่เพียงแต่กักขังข้าเอาไว้เท่านั้น แต่ยังวางแผนจะส่งข้าไปเป็นเตาหลอมให้กับราชาปีศาจตนอื่น”
“เตาหลอม?”
ใบหน้าของซูฉินฉายแววครุ่นคิด
ถ้าปีศาจสาวตนนี้กลายไปเป็นเตาหลอมให้กับราชาปีศาจคนอื่นๆ จุดจบคงจะน่าสังเวชไม่น้อย ยามใดที่ธาตุหยินบริสุทธิ์ในกายหมดลง พลังชีวิตและเลือดเนื้อก็จะถดถอย ใช้เวลาหลายสิบวันค่อยๆตกตายลงอย่างช้าๆ แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด จิตวิญญาณอาจจะสลายหายด้วยก็เป็น
อาจกล่าวได้ว่า การที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจส่งโม่จีไปเป็น เตาหลอมให้กับราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็เปรียบเสมือนการปล่อยให้โม่จีต้องตายไปอย่างน่าสังเวช
“แล้วหลังจากนั้นเล่า?”
ซูฉินยังคงถามต่อไป
“ข้าจึงได้หนีออกมา”
“แต่ในเวลาไม่นานนักพวกนั้นก็สืบหาตัวข้าจนเจอ จากน นข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากนายท่าน…”
โม่จีไม่กล้าพูดปด น้ําเสียงของนางสั่นเครือ
นางรู้ดีว่าตอนนั้นหากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากซูฉิน ไม่มีซูฉินคอยคุ้มครอง ไม่ช้าก็เร็ว นางคงตกไปอยู่เงื้อมมือของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเตาหลอม ถูกหยิบยื่นส่งต่อราวกับสิ่งของ
และในช่วงที่อยู่ด้วยกัน โม่จีนั้นรู้ดี แม้ซูฉินจะเย็นชา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจนางเลยสักนิด นับประสาอะไรกับการใช้นางเป็นเตาหลอม
หลังจากที่มั่นใจอย่างนี้ โม่จีก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะติดตามซูฉินในทันที
รู้หรือไม่ว่าปราณหยินบริสุทธิ์ในร่างกายของนางนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากสําหรับตัวตนอย่างราชาปีศาจ และราชาปีศาจตนใดที่พบเจอนางก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้นางหลุดรอดไปได้
การที่ได้พบกับซูฉินที่ไม่สนใจร่างหยินบริสุทธิ์ของนางเหมือนราชาปีศาจตนอื่นๆ นั่นนับเป็นโชคดีอย่างยิ่ง
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ”
ซูฉินโบกมือพร้อมกับกล่าวคํา
“เจ้าค่ะ”
โม่จีถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
ซูฉินมองดูโม่จีที่เดินจากไป และไม่คิดว่าที่นางพูดมาเมื่อครู่นั้นจะเป็นเรื่องโกหก
ตอนที่โม่จีกําลังพูดอยู่นั้น น้ําเสียงแห่งความเกลียดชังที่นางมีต่อเจ้าเมืองเมฆาปีศาจนั้นเป็นของจริง
ควบคู่กับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินที่คอยตรวจสอบอยู่ มันยิ่งแน่ชัดว่าสิ่งที่ไม่จีพูดน่าจะเป็นความจริง
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าก็ไปเยี่ยมชมที่ใกล้ๆมาหมดแล้ว ที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ จะเหลือก็แต่เพียงเมืองเมฆาปีศาจเท่านั้น”
ซูฉินแตะปลายคาง ความคิดวกวนไปมา
แม้ว่าจะไม่มีโม่จี ซูฉินก็ตั้งใจจะไปที่เมืองเมฆาปีศาจอยู่แล้ว อย่างไรเสียในบริเวณรัศมีหลายพันลี้นี้ เมืองเมฆาปีศาจก็เป็นสถานที่ที่ดํารงอยู่มายาวนานที่สุดแล้ว และถ้าเป็นเรื่อง “เต๋าสะสม” ก็คงมีเต๋าสะสมอยู่มากที่สุดในอาณาบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน
และยิ่ง”เต๋าสะสม” มากเท่าไหร่ สมบัติที่ซูฉินจะลงชื่อได้รับมาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
“แต่ก่อนที่จะไปเมืองเมฆาปีศาจ ทะลวงระดับให้เรียบร้อยเสียก่อนดีกว่า”
ท่าทางของซูฉินดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
ตราบใดที่ซูฉินทะลวงระดับขั้นเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดไปแล้ว ร่างจําแลงก็สามารถทะลวงขั้นได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นซูฉินร่างหลักหรือร่างจําแลง ทั้งคู่ก็คือซูฉิน มีปณิธานและความคิดร่วมกัน
“เริ่มเลย”
ซูฉินหลับตาลงอย่างช้าๆ ปราณในร่างไหลเวียนไร้ที่สิ้นสุด พลังเพิ่มขึ้น สั่นไหวรุนแรงขึ้น
หลายวันต่อมา
ปีศาจสาวกําลังไกวชิงช้าเล่นด้วยความเบื่อหน่าย ขายาวขาวสวยราวหิมะแกว่งไกวไปมา
“นายท่านไม่เรียกข้าเข้าพบเลย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว”
โม่กะพริบตาปริบๆ มองเข้าไปในหุบเขาที่ซูฉินอาศัยอยู่
น่าเสียดายที่หุบเขาทั้งหมดถูกหุ้มไว้ด้วยพลังมารหลายชั้น แม้ปีศาจสาวจะเพ่งมองอยู่นับร้อยปีก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
“ไม่ใช่ว่านายท่านโกรธข้าหรอกหรือ?”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนายท่านจริงๆ”
โม่จีรู้สึกคับข้องหมองใจยามเมื่อคิดว่าซูฉินคงจะโกรธที่นางซ่อนความสัมพันธ์ของนางกับเมืองเมฆาปีศาจไว้เป็นความลับ
“ไม่ได้การ”
“ข้าจะต้องไปอธิบายให้นายท่านฟัง”
ปีศาจสาวกระโดดลงจากชิงช้าอย่างมีชีวิตชีวา กําลังจะวิ่งเข้าหุบเขาไปเพื่อพบซูฉิน
อย่างไรก็ตาม
ในตอนนั้นเอง
เสียงแผ่วเบาก็ลอยผ่านเข้าหูมา “เจ้าจะอธิบายอันใด?”
โม่จีเงยหน้าขึ้นและมองเห็นชายผู้หนึ่งที่มีดวงตาลึกซึ้งมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“นายท่าน”
โม่จีอุทานอย่างเหลือเชื่อเมื่อมองไปยังซูฉิน
ซูฉินในปัจจุบันนั้นทําให้โม่จีรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับขุมนรกไร้ก้นที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่ปีศาจสาวอย่างโม่จีก็ไม่สามารถหลบสายตาได้
“นายท่าน”
“ท่านทะลวงขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าสวยของโม่จีเต็มไปด้วยความตกใจ
แม้ว่าโม่จีจะไม่ใช่ราชาปีศาจ แต่นางก็อยู่ในเมืองเมฆาปีศาจมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะกักขังนางเองไว้ แต่เขาก็ได้บอกเล่าเรื่องราวมากมายหลายเรื่อง
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องเกี่ยวกับการเลื่อนระดับของราชาปีศาจ
ทุกย่างก้าวของขอบเขตราชาปีศาจนั้นยากเย็นยิ่ง ต้องใช้เวลาในการปิดด่านฝึกตนหลายต่อหลายปีหรือไม่ก็หลายสิบปี
แต่ซูฉินกลับทะลวงขั้นได้หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน?
“ทะลวงขั้น?”
“ก็นับว่าใช่แหละ”
ซูฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ในตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์แล้ว รัศมีพลังของเขาทรงพลังราวกับสวรรค์อันยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นโลกถ้ําปิศาจ เขาก็นับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน สามารถจัดการราชาปีศาจชั้นยอดหลายตนภายในเมืองใหญ่ๆได้
“ไปกันเถอะ”
ซูฉินมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับกล่าวคําออกมา
“ไป?”
“นายท่าน พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่จีที่ติดตามซูฉินมาโดยตลอดก็ถามเสียงต่ําในทันที
“จะไปที่ไหนงั้นรึ?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน พร้อมกับกล่าวคํา “เมืองเมฆาปีศาจ”
[1] เตาหลอม หมายถึง การบําเพ็ญวิชาคู่ชนิดหนึ่ง ที่มีฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ อีกฝ่ายเสียเปรียบ เช่น ดูดซับพลังบางอย่างจากร่างอีกฝ่ายเข้าสู่ร่างกายตนเพื่อผลในการบ่มเพาะที่รวดเร็วขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเสพสังวาสแล้วดูดซับปราณชีวิตของอีกฝ่ายไปใช้