เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 191 ปกคลุมผืนฟ้าด้วยมือ เดียว!

Sign in Buddha’s palm 191 ปกคลุมผืนฟ้าด้วยมือ เดียว!

 

ภายในเมืองเมฆาปีศาจ

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจนั่งอยู่บนแท่นสูง หน้าตาถมึงทึง

 

ปีศาจที่อยู่ในขอบเขตราชาปีศาจด้านล่างก็มีใบหน้าที่บูดเบี้ยวเช่นกัน บรรยากาศหดหูคละคลุ้งไปทั่วทั้งโถง

 

นับตั้งแต่โม๋จีหนีออกจากเมืองเมฆาปีศาจไป ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจหรือแม่ทัพปีศาจขอบเขตราชาปีศาจตนอื่นๆ ล้วนอยู่ในอารมณ์โกรธ

 

โม๋จีเป็นร่างหยินบริสุทธิ์อันหายาก และเป็นของขวัญชั้นยอดที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจเตรียมจะมอบให้กับเจ้าเมืองอิน

 

ตอนนี้เจ้าเมืองอินจี๋กําลังรอให้เขาส่งมอบของขวัญไป แต่ตอนนี้โม๋จีกลับหายตัวไป?

 

ราชาปีศาจทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสียามเมื่อนึกถึงความกราดเกรี้ยวของเจ้าเมืองอินจี๋ที่กําลังจะมาถึง

 

“ท่านเจ้าเมือง”

 

“ในยามนี้เราควรทําเช่นไรกันดี?”

 

“โม๋จีเป็นลูกหลานของท่าน นางหนีออกจากเมืองเมฆาปีศาจไป ท่านเจ้าเมืองควรจะรู้อะไรบ้างมิใช่หรือ?” ราชาปีศาจที่มีรูม่านตาสีดํากล่าวออกมา

 

“ถูกต้อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจะไม่ค้นหาตัวโม๋จีอีกครั้งงั้นหรือ หากพลาดวันที่นัดหมายไว้กับเจ้าเมืองอินจี๋แล้วล่ะก็ ข้าจะสามารถทานทนความโกรธเกรี้ยวของ เจ้าเมืองอินจี๋ได้อย่างไร?”

 

“ใช่ ท่านเจ้าเมืองไม่ได้ทิ้งร่องรอยติดตามตัวไว้กับโม๋จีหรอกหรือ?”

 

ราชาปีศาจทั้งหลายจ้องมองไปที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจพร้อมกับกล่าวถาม

 

หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเจ้าเมืองเมฆาปีศาจก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ทิ้งสายใยจิตมารส่วนหนึ่งไว้ที่โม๋จี”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ต่างก็ยินดี

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ หากทิ้งสายใยแห่งจิตมารไว้บนร่างของโม๋จีล่ะก็ เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะหนีไปไหนไม่พ้น แม้จะหนี้ไปจนสุดขอบโลกก็ตาม

 

“เพียงแต่ว่า ?

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจเหลือบมองฝูงชน ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “จิตมารของข้าถูกปัดเป่าออกไปแล้ว”

 

“อะไรนะ?”

 

“ใครกันที่กล้ากําจัดจิตมารของท่านเจ้าเมือง”

 

ราชาปีศาจหลายตนต่างก็ไม่อยากเชื่อ

 

รู้หรือไม่ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจนั้นทรงอิทธิพลในรัศมีหลายพันลี้นี้ มีพลังสูงล้ำ เผ่าพันธุ์ปีศาจตนใดกล้าที่จะกําจัดจิตมารของท่านเจ้าเมืองกัน?

 

นอกเหนือจากนี้ แม้ว่าปีศาจธรรมดาๆ ต้องการจะกําจัดจิตมารของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ พวกเขาย่อมมิอาจกระทําได้

 

เฉพาะราชาปีศาจที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงหรือเทียบเท่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจเท่านั้นถึงจะทําเช่นนั้นได้

 

“สบายใจได้”

 

“ถึงแม้ว่าจิตมารของข้าจะถูกปัดเปาออกไป แต่ข้ายังมีวิธีอื่นในการตรวจหาตําแหน่งของโม๋จีอยู่ แต่วิธีนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจกล่าวว่า “ข้าได้เชิญเพื่อนมาหลายคนเพื่อการนี้ และเมื่อพวกเข้ามาถึงข้าจะเริ่มใช้วิธีนั้นทันที”

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เจ้าเมืองเมฆาปีศาจก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าอยากจะรู้นักว่ามีใครในโลกนี้ กล้าที่จะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของข้า”

 

ดวงตาของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจดํามืด

 

ครั้งเมื่อโม๋จีหนีออกจากเมืองเมฆาปีศาจไปในตอนแรกเขาไม่ได้กังวลเลย เพียงส่งแม่ทัพไม่กี่คนตามไปยังตําแหน่งที่ตรวจจับได้จากโม๋จี เพื่อจับนางกลับมา

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจไม่คาดคิดคือผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนที่เขาส่งไปไม่เพียงแต่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่สายใยจิตมารที่เขาแฝงเอาไว้ในตัวของโม๋จียังถูกปัดเป่าออกไปด้วย

 

หลังจากที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้ทราบเรื่องนี้ เขาก็ตระหนักได้ทันที่ว่านี้อาจเป็นฝีมือของหนึ่งในศัตรูคนสําคัญของเขา

 

เขาจึงยังไม่ลงมือทําอะไร

 

เพียงแต่ชักชวนเพื่อนบางคนให้มาที่นี่แทน

 

พร้อมที่จะลงมือร่วมกันเมื่อถึงเวลา จากนั้นจึงแก้ไขปัญหาเรื่องศัตรูให้สมบูรณ์เสียในคราวเดียว

 

คํากล่าวของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจทําให้ราชาปีศาจตนอื่นๆ ที่เหลือต่างชื่นชม

 

“วิธีการของท่านเจ้าเมืองนั้นช่างล้ำลึกจริงๆ”

 

“ถูกต้อง ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กําจัดจิตมารของท่านเจ้าเมืองออกไป มันจะสามารถเอาชนะท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร?”

 

“คราวนี้ทําให้มันรู้ไปเลยว่าการทําให้เจ้าเมืองต้องขุ่นเคือง จุดจบมันจะเป็นเช่นไร!”

 

ราชาปีศาจทั้งหลายต่างหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำไปซ้ำมา

 

“ ท่านเจ้าเมือง ข้ากําลังอยู่ในขั้นฝึกฝนและต้องการแก่นแท้ปีศาจรวมถึงเลือดเนื้อ เมื่อกําจัดปีศาจตนนั้นได้โปรดมอบร่างของมันมาให้ข้าได้หรือไม่…”

 

ราชาปีศาจตนหนึ่งกล่าว

 

ในสายตาของราชาปีศาจเหล่านี้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้เห็นฉากที่อีกฝ่ายกําลังคร่ำครวญอยู่แทบเท้าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจไปแล้ว

 

“มอบร่าง?”

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจขมวดคิ้วมุ่น

 

ร่างกายของราชาปีศาจในระดับเดียวกันเป็นประโยชน์มากสําหรับตัวเขาเช่นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงราคาที่จะต้องจ่ายหลังจากเชิญเพื่อนของตนมาในครั้งนี้

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจไม่ตอบคํา ปีศาจผู้น่าสงสารนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป

 

“ข้าต้องการจะเห็นไอ้ปีศาจนั่นคลานมาขอความเมตตาแทบเท้าท่านเจ้าเมืองเสียจริงๆ”

 

ราชาปีศาจอีกตนเลียริมฝีปากของมัน

 

ทันใดนั้น

 

ในตอนนั้นเอง

 

เสียงระเบิดดังกึกก้อง ได้ยินไปทั่วทั้งเมืองเมฆาปีศาจ

 

“แย่แล้ว!”

 

“มีคนลอบโจมตี!”

 

ท่าทีของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาใช้จิตมารสํารวจออกไปก็พบประกายแสงดาบที่ดูเหมือนจะแยกผืนฟ้าและผืนดินออกจากกัน

 

“บ้าเอ๊ย!”

 

ราชาปีศาจตนอื่นๆ ก็ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดเช่นกัน

 

เสี้ยววินาทีต่อมา

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจและราชาปีศาจทั้งหลายต่างก็หายตัวไปจากห้องโถงใหญ่

 

ด้านนอกเมืองเมฆาปีศาจ

 

เมื่อปลายนิ้วของซูฉินตวัดประกายแสงดาบออกไป ทั่วทั้งเมืองเมฆาปีศาจก็สั่นสะท้าน

 

รัศมีปราณจํานวนมากค่อยๆ ปรากฏขึ้น กลายเป็นเกราะคุ้มกัน พยายามปิดกั้นประกายแสงดาบอันนี้ไว้

 

“นายท่าน…”

 

โม๋จีตกตะลึง

 

เดิมที่นางคิดว่าซูฉินจะต้องลงมือกับเจ้าเมืองเมฆาปีศาจแน่ เพียงแต่ว่าน่าจะเลือกเวลาอันเหมาะสมในการลงมือ

 

แต่ตอนนี้?

 

ซูฉินฟาดฟันประกายแสงดาบเข้าใส่เมืองเมฆาปีศาจตรงๆ

 

นี่เป็นเพียงการเตรียมพร้อมสําหรับการเข้าปราบเมืองเมฆาปีศาจ

 

โม๋จีรู้ว่าซูฉินนั้นแข็งแกร่งมากและอาจเป็นราชาปีศาจระดับสูง ทว่า แม้เป็นปีศาจระดับสูงก็ยังไม่กล้าที่จะกระทําเช่นนี้

 

รู้หรือไม่ว่าภายในเมืองเมฆาปีศาจไม่เพียงแต่มีราชาปีศาจที่เป็นเจ้าเมืองแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ยังมีสมุนของเจ้าเมืองที่พร้อมรับคําสั่ง รวมถึงราชาปีศาจที่อยู่อย่างสันโดษในที่แห่งนี้

 

นอกจากนี้เมืองเมฆาปีศาจตั้งอยู่มานานนับพันนับหมื่นปี ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจในอดีตได้จัดวางค่ายกลขนาดใหญ่ไว้จํานวนมากเท่าใด

 

การกระทําของซูฉินเทียบเท่ากับการเพิกเฉยต่อราชวงศ์ของเจ้าเมืองเมฆาปิศาจในอดีต ทําไมจึงเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้?

 

ตึงตึงตึง

 

ขณะที่ประกายแสงดาบยังคงพุ่งฝ่าอากาศอยู่นั้น

 

เกราะคุ้มกันสีดําที่ก่อตัวด้านนอกเมืองเมฆาปีศาจหนาขึ้นเรื่อยๆ ค่ายกลถูกกระตุ้นขึ้นทีละอันหลังจากเจอภัยคุกคามอย่างประกายแสงดาบ รวบรวมพลังกันเพื่อเสริมกําลังให้กับ เกราะคุ้มกันสีดํา

 

ในขณะนั้น

 

ร่างหลายร่างปรากฏตัวขึ้นนอกเมืองเมฆาปีศาจ

 

พวกมันคือเจ้าเมืองเมฆาปีศาจและเหล่าราชาปีศาจ

 

“ฟังคําสั่งข้า สกัดมันเอาไว้!!!”

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจแลดูน่ากลัว สั่งระดมกําลังภายในเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดเข้าสกัดกั้นประกายแสงดาบที่ซูฉินฟาดฟันออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจอะไรนัก

 

ตึงตึงตึง!

 

เมืองเมฆาปีศาจสั่นสะเทือน พลังมารโผล่ออกมารวมเป็นเกราะป้องกันสีดํา สกัดกั้นประกายแสงดาบเอา ไว้

 

เพล้ง!!

 

ประกายแสงดาบตัดผ่านเกราะคุ้มกันไปได้กว่าห้าพันชั้นอย่างต่อเนื่อง จนเหลือเกราะคุ้มกันเพียงไม่กี่ร้อยชั้นเท่านั้น ประกายดาบจึงค่อยๆ สลายหายไป

 

“สกัดกั้นได้แล้ว?”

 

เจ้าเมืองเมฆาโพล่งออกมาทั้งที่เหงื่อยังไหลริน

 

เขาไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าหากเขาไม่เข้ามาปิดกั้นประกายแสงดาบอันนี้เอาไว้ แล้วปล่อยให้มันฟาดฟันลงมามันจะเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าเมืองเมฆาปีศาจทั้งเมืองคงถูกผ่าออกเป็นสองส่วน

 

“สุดท้ายก็สกัดกั้นไว้ได้แล้ว”

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจรู้สึกว่าตนอ่อนแอลงในทันที เขาไม่เพียงแต่ใช้พลังงานสะสมของเมืองเมฆาปีศาจไปหลายปี แต่ยังเผาผลาญแก่นแท้และเลือดเนื้อของตนเพื่อสกัดกั้นประกายแสงดาบอันนี้

 

อาจกล่าวได้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้สูญเสียทั้งพลังเสียทั้งเลือดเนื้อไปแล้ว และคงไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในเวลาอันสั้น อาจจะต้องฟื้นฟูนานนับทศวรรษ

 

“ปิดกั้นสําเร็จแล้ว”

 

“ท่านเจ้าเมือง ในที่สุดพวกเราก็รอดแล้ว”

 

ราชาปีศาจที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน

 

และในตอนนี้

 

ซูฉินเหลือบมองไปทางเมืองเมฆาปีศาจด้วยความประหลาดใจ

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงไปเบาๆ เบื้องหน้าของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจรวมถึงราชาปีศาจตนอื่นๆ

 

อากาศสั่นสะเทือน ปราณปีศาจถูกรวบรวมเข้ามา ใหญ่โตจนปกคลุมท้องฟ้ากว้าง เป็นการปิดบังผืนฟ้าไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset