เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

 

Sign in Buddha’s palm 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

 

“ไม่คาดคิดว่า ดวงตาแห่งสัจจะมีผลเช่นเดียวกันเมื่อนํามาใช้ในโลกถ้ําปิศาจ”

 

ซูฉินกวาดสายตามองด้วยดวงตาแห่งสัจจะไปทั่วทั้งเมืองเมฆาปีศาจ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

 

ทิพยอํานาจไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่ทั้งทักษะลับ มันเป็นเหมือนความสามารถตามธรรมชาติ

 

ตราบใดที่ซูฉินเชี่ยวชาญในทิพยอํานาจแล้ว การใช้พลังย่อมสามารถควบคุมได้โดยธรรมชาติ ราวกับการเหวี่ยงแขนขา

 

“ต่อไปก็ลองควบแน่นอาณาเขตด้วยร่างจําแลงนี้”

 

ท่าทีของซูฉินจริงจังขึ้น ก่อนจะหยิบดวงจิตรู้แจ้งพันปีออกมาจากคลังระบบ

 

“ตัวข้าได้ควบแน่นอาณาเขตมาครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้ หากควบแน่นอีกสักครั้งก็ไม่มีอะไรยากเย็น แม้จะไม่มีดวงจิตรู้แจ้งพันปีก็ยังสามารถควบแน่นได้อย่างราบรื่นและ จะแล้วเสร็จภายในหนึ่งถึงสองปี”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

มันก็เหมือนกับการที่ซูฉันเคยเดินในถนนเส้นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อต้องเดินอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนว่าต้องรวดเร็วกว่าเดิมมาก การควบแน่นอาณาเขตก็เช่นเดียวกัน

 

“ด้วยความช่วยเหลือของดวงจิตรู้แจ้งพันปี แค่หนึ่งถึงสองเดือนก็คงพอแล้ว”

 

ซูฉินมองดูดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่ฉายแสงสว่างออกมาเบื้องหน้าตน

 

หากซูฉินเป็นปีศาจย่อมไม่สามารถใช้วัตถุมงคลสายพุทธชิ้นนี้ได้ แต่ซูฉินสามารถเปลี่ยนปราณปีศาจทั้งหมดให้กลายเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธได้ผ่านร่างทองมารพุทธะ

 

จากนั้นก็รอจนอาณาเขตสร้างสําเร็จแล้วจึงเปลี่ยนสลับพลังกลับมา

 

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เปลี่ยนเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธ จะต้องสร้างค่ายกลฟ้าดินจํานวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้พลังรั่วไหลเสียก่อน”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

ในโลกถ้ําปิศาจเต็มไปด้วยปราณปีศาจ หากจู่ๆ กลิ่นอายพุทธะโผล่ขึ้นมา มันคงจะสว่างพร่างพราวราวกับแสงสว่าง ในยามกลางวัน และมีแนวโน้มสูงมากที่จะดึงดูดความสนใจ จากราชาปีศาจตนอื่นๆ

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการจะสร้างความลําบากให้ตนเองจนเกินไป

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็เริ่มใช้จิตควบคุม ไม่นานค่ายกลฟ้าดินก็ถูกจัดตั้งอยู่รอบๆ ตัวของเขา

 

ภายใต้ค่ายกลฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ กลิ่นอายจากโถงทั้งหมดจะกลายเป็นว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่บุกเข้ามาจะหลงทิศหลงทาง ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

 

“เสร็จเรียบร้อย”

 

ซูฉินสูดลมหายใจ หลับตาลง เริ่มควบแน่นอาณาเขตอย่างช้าๆ

 

….

 

ในเวลาเดียวกัน

 

โม๋จียืนอยู่บนกําแพงเมืองเมฆาปีศาจ มองไปทางท้องฟ้าที่มืดสลัว

 

“ไม่รู้ว่านายท่านจะออกมาเมื่อไหร่” โม๋จีเฝ้านึกอยู่ ตลอดเวลา

 

ในเวลานั้นเอง ราชาปีศาจก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โค้งคารวะแล้วกล่าวว่า “รองเจ้าเมือง มีหลายส่วนภายในเมืองกําลังจัดตั้งแนวสํารวจเอาไว้ ตราบใดที่มีความผันผวนของพลังปีศาจเข้ามาใกล้ ข้าจะรับรู้ได้ในทันที”

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

โม๋จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจ

 

ราชาปีศาจตนนี้ถูกซูฉินฝังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปแล้ว กลายเป็นผู้ภักดีอย่างแท้จริง และยังเป็นแม่ทัพปีศาจคนปัจจุบัน

 

ที่โม๋จีสามารถควบคุมเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากความสามารถของตนเองแล้ว ยังอาศัยราชาปีศาจหลายตนที่อยู่ใต้อํานาจของนางด้วย

 

“วิธีการของนายท่านนั้นยากจะหยั่งถึงจริงๆ แม้แต่ราชาปีศาจยังต้องยอมจํานน” โม๋จีอุทานเบาๆ

 

แน่นอน โม๋จีรู้ดีว่าที่ราชาปีศาจตรงหน้าหรือราชาปีศาจตนอื่นๆ ปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ ทั้งหมดเป็นเพราะคําสั่งของซูฉิน

 

ไม่เช่นนั้น พึ่งพาเพียงตัวนางผู้เดียว ต่อหน้าราชาปีศาจเหล่านี้ นางคงถูกกินจนไม่เหลือกระดูกไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการออกคําสั่งเลย

 

“ไม่ได้การ ข้าจะต้องขยันฝึกฝน เพื่อช่วยเหลือนายท่านให้ได้โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นในอนาคตจะลําบากเอาได้”

 

ทันใดนั้นหัวใจของโม่จีก็บีบตัวแน่นขึ้นมา

 

โม๋จีรู้ดีว่าเหตุผลใดนางจึงได้มาเป็นรองเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ นั่นเป็นเพราะนางมีประโยชน์ต่อซูฉิน

 

หากวันหนึ่งซูฉินเห็นว่าโม่จีไร้ประโยชน์ขึ้นมา เกรงว่าโม๋จีผู้นี้คงจะถูกทอดทิ้งแล้ว

 

ขณะที่โม๋จีกําลังจะกลับไปฝึกฝน

 

ทันใดนั้น

 

เมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดจู่ๆ ก็สั่นไหว

 

ค่ายกลหนึ่งถูกกระตุ้น และตามมาด้วยค่ายกลอื่นๆ เปล่งแสงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปกป้องเมืองเมฆาปีศาจเอาไว้

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ใบหน้าของโม๋จีเปลี่ยนสี

 

ราชาปีศาจที่อยู่ถัดจากนางดูเคร่งเครียด “ราชาปีศาจกําลังมา และอย่างน้อยๆ ต้องเป็นราชาปีศาจระดับสูง ไม่เช่นนั้นจะไม่ทําให้ค่ายกลทั้งหมดทํางานได้”

 

“ราชาปีศาจระดับสูง?”

 

ใบหน้าของโม๋จีกลายเป็นบิดเบี้ยว

 

ในขณะที่ค่ายกลเกือบทั้งหมดของเมืองเมฆาปีศาจถูกเปิดใช้งาน ห่างจากเมืองเมฆาปีศาจไปไม่กี่ลี้ มีร่างไม่ต่ํากว่าสิบร่างปรากฏตัวขึ้น

 

เป็นเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวก

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่ว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว… ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี่ ไม่เห็นสิ่งตรงหน้าอยู่ในสายตา

 

“เป็นดังที่ท่านเจ้าเมืองว่า ตราบใดที่พวกเราย่างกรายมาถึงที่นี่ ชะตากรรมของเมืองเมฆาปีศาจก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว” 

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความเคารพ

 

เมื่อเห็นความมั่นใจของเจ้าเมืองอินจี่ ในสายตาของราชาปีศาจเหล่านี้ก็เหมือนกับเมืองเมฆาปีศาจได้ล่มสลายไปแล้ว

 

“นั่นคือ…”

 

ในเวลานั้นโม๋จีและราชาปีศาจอีกหลายตนก็พบเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวกที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้

 

“เจ้าเมืองอินจี่”

 

หัวใจของโม๋จีชาวาบ

 

นางรู้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะต้องมาล้างแค้นเมืองเมฆาปีศา แน่ แต่ไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมารวดเร็วเช่นนี้

 

“ไปที่โถงกลางเจ้าเมือง บอกนายท่านว่าเจ้าเมืองอินได้ มาอยู่ที่นี่แล้ว” โม๋จีพูดอย่างรวดเร็ว

 

“ขอรับ”

 

ปีศาจตนนั้นโค้งคํานับเล็กน้อย แล้ววิ่งตรงไปยังโถงใหญ่ของเจ้าเมืองทันที

 

และในตอนนั้นเอง

 

เสียงของเจ้าเมืองอินจี้ก็ดังก้องอยู่ในหูของปีศาจทุกตน

 

“ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้า หนึ่งคือมอบร่างหยินบริสุทธิ์มา หรืออีกทางหนึ่ง หลังจากข้าทําลายเมืองเมฆาปีศาจแล้วข้าจะนําร่างหยินบริสุทธิ์ไปด้วยตัวข้าเอง”

 

น้ําเสียงของเจ้าเมืองอินจี้แสดงอํานาจบาตรใหญ่ กดขี่ผู้คนอย่างถึงที่สุด

 

“ร่างหยินบริสุทธิ์”

 

โม๋จีหน้าซีด

 

จนบัดนี้ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเมืองอินจี่กําลังตามหานางอยู่?

 

และในตอนนี้

 

เจ้าเมืองอินจี่ก็เริ่มหมดความอดทนเสียแล้ว

 

“ถ้าอยากจะตายนัก ก็อย่าได้โทษข้าเลย”

 

เจ้าเมืองอินจี่ไม่สนใจว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะอยู่หรือไม่ เขายกมือขวาตั้งตรงจิตใจผสานเป็นหนึ่งกับกําไลข้อมือสีดําสนิท

 

ฉับพลัน!

 

กองทัพจักรกลเป็นสิบล้านตัวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นแผ่นดิน เรียงรายทอดยาวออกไปไม่รู้จบ

 

หากมองจากมุมของเจ้าเมืองอินจี้ จะพบกองทัพจักรกลปีศาจสงครามนับสิบล้านเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่นราวกับมหาสมุทรสีดํา และหากเปรียบเมืองเมฆาเป็นเกาะ ก็คงเป็นเกาะโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่จะโดนคลื่นซัดจนพลิกคว่ําเมื่อไหร่ก็ได้

 

“พวกนี้คือ!”

 

“กองทัพจักรกลปีศาจสงครามของข้า”

 

“สร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าปีศาจ เป็นเครื่องจักรกลสงครามที่ใช้ต่อต้านมนุษยชาติ!”

 

เจ้าเมืองอินจี่มองตาเป็นมัน บ่นพึมพํากับตนเอง

 

แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่เหล่าปีศาจและมนุษย์สู้กัน ไม่ได้เห็นกองทัพจักรกลจํานวนมากมายได้ที่สิ้นสุดเข้ากวาดล้างโลกมนุษย์

 

แต่ตอนนี้ เขาพอจะมองเห็นภาพผ่านกําไลข้อมือสงครามวงนี้แล้ว ว่าสมัยก่อนกองทัพจักรกลจํานวนมากมายมหาศาลนั้นเป็นเช่นไร

 

รู้หรือไม่ว่ากําไลสงครามบนข้อมือของเจ้าเมืองอินจี่ ตอนนี้เป็นเพียงจักรกลสงครามที่มีตําหนิ จักรกลสงครามที่สมบูรณ์ย่อมมีกองกําลังจักรกลของเผ่าปีศาจอยู่ภายในถึง หลายร้อยล้านตัว

 

แต่ในตอนที่ปีศาจขึ้นไปยังโลกเบื้องบน ไม่รู้ว่ากําไลสงครามถูกใช้ไปกี่ชิ้น กองทัพจักรกลสงครามที่ปล่อยออกมามีมากมายจนเต็มโลกทั้งใบ

 

กองทัพจักรกลเหล่านี้ไม่กลัวความตาย ไม่รู้จักความเจ็บปวด และยังมีค่ายกลโบราณสามารถยับยั้งตํานานยุทธคนหนึ่งได้เลย และสกัดกั้นได้แม้กระทั่งเซียนเทพปฐพี

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่ยืนอยู่ด้านข้างเจ้าเมืองอินจี่ เมื่อเห็นกองทัพจักรกลนับสิบล้านตัวออกมามากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาก็กลืนน้ําลายลงคอไปอย่างยากลําบาก

 

ในระดับของพวกเขา เป็นปกติที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงความลับเบื้องลึกของโลกถ้ําปิศาจได้

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset