เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 21 การเปลี่ยนแปลงในหอคอยสะกดมาร

Sign in Buddha’s palm 21 การเปลี่ยนแปลงในหอคอยสะกดมาร

 

 

หอคอยสะกดมาร

 

เป็นพื้นที่หวงห้ามอีกแห่งที่วัดเส้าหลินสร้างไว้เพื่อปราบปรามกักขังหมู่มารให้แยกตัวออกจากยุทธภพโดยเฉพาะ ซึ่งแบ่งเป็นชั้นๆ ไว้ทั้งหมดเก้าชั้น

 

ทั้งเก้าชั้นนี้ไม่ได้สร้างไว้เหนือผืนดิน แต่สร้างทอดยาวลงไปใต้พื้นดิน

 

ชั้นแรกไปจนที่ชั้นที่สามเอาไว้ใช้กักขังเหล่ามารร้ายสามระดับล่าง ชั้นที่สี่ถึงชั้นที่หกใช้เพื่อกักขังมารร้ายสามระดับกลาง และในชั้นที่เจ็ดถึงเก้าใช้เพื่อกักขังเหล่ามารในสามระดับบน

 

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้หอคอยสะกดมารได้กักขังเหล่ามารร้ายในสามระดับบนไว้น้อยมาก

 

 

ในตอนนั้นเอง ที่ชั้นสองของหอคอยสะกดมาร มีชายคนหนึ่งที่เอนตัวพิงมุมผนังอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสีแดงเข้มสาดประกายออกมา ให้ความรู้สึกถึงความบ้าคลั่งกดขี่ข่มเหง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“มารเฒ่าผู้นี้ในที่สุดก็ลอบเข้ามาจนได้สักที”

 

ชายคนนี้จ้องมองไปที่เหล่ามารร้ายคนอื่นๆ ที่ถูกคุมขังไว้ในหอคอยสะกดมาร ดวงตาฉายแววแห่งความโลภ

 

เขาคือมารร้ายผู้โด่งดัง ผู้คนต่างเรียกขานเขาว่า มารเฒ่ากลืนโลหิต

 

หลายปีก่อนมันปลอมแปลงหน้าตาแล้วจงใจให้ตนโดนจับกุมโดยวัดเส้าหลินเพียงเพื่อต้องการจะเข้ามาในหอคอยสะกดมาร

 

พวกจอมยุทธฝ่ายมารมักจะชอบดูดกลืนพลังชีวิตของผู้อื่นมาเติมเต็มพลังของตนเองอยู่แล้ว

 

เรื่องราวนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริงเมื่อพูดถึง มารเฒ่ากลืนโลหิต

 

การฝึกตนของมารเฒ่าตนนี้คือการสูบเลือดของผู้อื่นเพื่อเพิ่มระดับ และจะบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว

 

ยิ่งความแข็งแกร่งของเป้าหมายที่ถูกกลืนกินแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะเสริมพลังให้มารเฒ่ากลืนโลหิตได้มากเท่านั้น

 

ดังนั้นมารเฒ่าจึงเริ่มเบนความสนใจไปทางจอมยุทธมากกว่าคนธรรมดา

 

กระนั้นจอมยุทธปกติแล้วย่อมไม่โง่เง่า เมื่อพบเจอการลอบโจมตีของมารเฒ่ากลืนโลหิต พวกเขาล้วนตื่นตัวและเรียกหาพรรคพวกมากลุ้มรุมมารเฒ่า

 

หลังจากเกิดความสูญเสียขึ้นกับตนอยู่สองสามครั้ง มารเฒ่าก็ล้มเลิกความคิดนี้

 

แต่ในตอนนี้

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตพลันนึกขึ้นมาได้ว่าหอคอยสะกดมารของวัดเส้าหลินเป็นที่คุมขังของเหล่ามารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน

 

มารร้ายพวกนี้จะถูกปราบและขังอยู่ในหอคอยแบบนั้นไปตลอดชีวิตจนสุดท้ายตายไปด้วยความชรา

 

หลังจากที่ตระหนักถึงความจริงอันนี้ มารเฒ่าก็คิดว่าถ้าเขาแอบเข้าไปในหอคอยสะกดมารแล้วกลืนกินพลังจากเหล่ามารร้ายเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมไปเลยหรอกหรือ?

 

เมื่อนึกได้แบบนี้มารเฒ่าก็วางแผนการว่าจะเข้าไปในหอคอยสะกดมารได้อย่างไร

 

วัดเส้าหลินเป็นถึงหนึ่งในสุดยอดพรรค จะบุกเข้าไปตรงๆ ก็คงไม่ได้

 

ทางเดียวที่มีคือต้องถูกวัดเส้าหลินจับตัวโดยสมัครใจและคุมขังไว้ในหอคอยสะกดมาร

 

เพื่อกระทำการนี้ มารเฒ่ากลืนโลหิตต้องทำสองสิ่งเพื่อให้มั่นใจ

 

ประการแรกคือ วัดเส้าหลินจะค้นพบตัวตนของเขาไม่ได้

 

ไม่เช่นนั้นพระสงฆ์ในสามระดับบนจะเริ่มต้นด้วยการทำลายฐานการฝึกฝนของมารเฒ่าก่อนเป็นอย่างแรก แล้วแผนการทั้งหมดของเขาก็จะล้มเหลว

 

ประการที่สองคือต้องหาทางเข้าและหนทางหลบออกมาจากหอคอยสะกดมาร

 

มิเช่นนั้นแล้วการที่มารเฒ่ากลืนโลหิตจะเข้าไปแล้วสูบกลืนพลังมาทั้งหมดจะได้อะไร หากไม่สามารถหลบหนีออกไปได้

 

ประการแรกนั้นง่ายที่จะกระทำ

 

ในเส้นทางสายอธรรมมีเคล็ดวิชาลับที่แปลงโฉมรูปลักษณ์ของผู้คนได้

 

เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด มารเฒ่ากลืนโลหิตก็เก็บงำความแข็งแกร่งและแสร้งว่าตนเป็นมารร้ายในสามระดับล่าง

 

ในส่วนของประการถัดมา…

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตค้นพบข้อความในหนังสือโบราณกล่าวว่าทุกๆ คืนเดือนเพ็ญ กลไกของหอคอยสะกดมารจะเผยช่องโหว่ขึ้นชั่วคราว

 

เมื่อแก้ไขได้ทั้งสองจุดแล้ว มารเฒ่าก็เริ่มแผนการของเขาและถูกนำตัวไปคุมขังที่ชั้นที่สองของหอคอยสะกดมารได้เป็นผลสำเร็จ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“อาหารพวกนี้ทำเอาข้าน้ำลายสอเสียแล้ว…”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตเลียริมฝีปาก มองไปยังเหล่ามารร้ายที่ถูกขังอยู่ในชั้นสองของหอคอยสะกดมารด้วยความโลภโมโทสัน

 

ฟิ่ว!

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตพุ่งตรงไปปรากฏตัวที่หน้ามารร้ายตนหนึ่ง คว้าจับเข้าที่ลำคอ

 

เฮือก!!!

 

มารเฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มที่

 

ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าของมารร้ายผู้นั้น ร่างกายของมันแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงไม่กี่นาทีก็กลายเป็นซากศพแห้งๆ

 

“แกไม่รู้หรอกว่ามารเฒ่าผู้นี้ลงทุนไปมากเท่าไหร่เพื่อที่จะเข้ามาในนี้รวมถึงต้องซ่อนตัวตนจากกลุ่มลาหัวโล้นวัดเส้าหลินพวกนั้น”

 

“ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”

 

ไอพลังของมารเฒ่าแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทางอย่างคลุ้มคลั่ง

 

เหล่ามารร้ายจากชั้นที่สองของหอคอยก็ถูกสูบกลืนพลังกันทีละตนจนกลายเป็นซากศพ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

มารร้ายตนอื่นๆ ตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติและเริ่มเคลื่อนตัวหนีจากมารเฒ่าในทันที

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

“มีคนกำลังพยายามสูบกลืนพลังจากพวกเรา!” มารร้ายที่อาวุโสในสถานที่นี้คำรามลั่น

 

“มารเฒ่ากลืนโลหิต?”

 

“บัดซบ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่ชั้นสองได้?”

 

เหล่ามารร้ายต่างแปลกใจปนกับโกรธเกรี้ยว ในขณะที่การแสดงออกส่อให้เห็นว่ากำลังตื่นตระหนก

 

ด้วยความแข็งแกร่งของมารเฒ่ากลืนโลหิต แม้ว่าจะถูกจับกุมมาได้โดยวัดเส้าหลิน มันก็ควรจะถูกคุมขังอยู่ในหอคอยสะกดมารชั้นที่เจ็ดเป็นอย่างน้อย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ? จะหนีไปไหนได้เล่า?”

 

“มาร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมารเฒ่าผู้นี้เถิด”

 

“ตัวข้าผู้นี้รีบร้อนนัก ยังมีธุระให้ต้องสะสางในชั้นต่อไป”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองไปที่เหล่ามารร้าย สายตาไม่ได้แยแสในชีวิตของพวกมัน

 

ตั้งแต่ที่เขาคิดที่จะเข้ามายังหอคอยสะกดมาร เป็นธรรมดาที่ไม่ได้หวังจะมาสูบกลืนพลังจากเหล่ามารพวกนี้เพียงแค่ชั้นเดียวแน่ๆ

 

เป้าหมายที่แท้จริงของมารเฒ่ากลืนโลหิตคือพวกมารร้ายที่อยู่บนชั้นเก้า

 

 

 

ยามมืด

 

ดวงจันทร์ลอยสูงเด่นบนท้องนภา

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ หายใจเข้าลึกหายใจออกยาว

 

หากมีผู้เยี่ยมยุทธสามระดับบนอยู่บริเวณนี้จะต้องตกใจเป็นแน่เมื่อพบว่าการสูดลมหายใจของซูฉินแต่ละครั้งสูดเอาพลังฟ้าดินจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย

 

พลังฟ้าดินที่ซูฉินสูดหายใจเข้าไปในแต่ละครั้งเพียงพอที่จะระเบิดร่างของผู้เชี่ยวชาญสามระดับบนทั่วๆ ไปได้แล้ว

 

ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญสามระดับบนจะสามารถเปิดสะพานเชื่อมระหว่างตนเองกับพลังปราณโลกได้ เพื่อชักนำพลังภายนอกเข้ามาชำระล้างร่างกายภายใน

 

แต่การทำแบบนั้นจะต้องค่อยเป็นค่อยไป

 

ให้เปรียบเสมือนสายน้ำไหลไปตามสายธารเล็กๆ ค่อยๆ ไหลเอื่อยๆ

 

แต่ตอนนี้การกระทำของซูฉินเหมือนกับก่อเกลียวคลื่นดึงดูดมวลน้ำจากทะเลสาบ ปริมาณมันไร้ที่สิ้นสุด

 

แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับต้นๆ พอมาเห็นซูฉินปล่อยไอฟ้าดินออกมาแบบนี้ก็ต้องขนลุกชันไปทั่วศีรษะ

 

พลังปราณของโลกอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าพลังปราณโลกจำนวนมหาศาลไหลบ่าเข้าสู่ร่างกาย ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหากประมาทไปเพียงเล็กน้อยก็อาจทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บได้เหมือนกัน

 

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่มาจากปราณโลก ปัญหาต่างๆ จะตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

ดังนั้นจึงไม่มีผู้เยี่ยมยุทธคนใดกล้าจะทำแบบนี้

 

“[กายาวัชระคงกระพัน] สมกับที่เป็นผลงานชิ้นเอกในด้านกำลังภายนอกของวัดเส้าหลิน”

 

ซูฉินลืมตาขึ้นมา กล่าวชมเชยอยู่ในใจ

 

ร่างกายที่ไปถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ใน [กายาวัชระคงกระพัน] ทำให้ซูฉินดูดซับพลังฟ้าดิน พลังปราณโลกได้โดยไม่ต้องกังวลอันตรายใดๆ ที่ซุกซ่อนอยู่

 

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงคิดว่า [กายาวัชระคงกระพัน] นั้นสมบูรณ์แบบและไม่มีข้อบกพร่อง”

 

“แต่ยามนี้ ข้ามี [ดวงตาแห่งสัจจะ] มาใช้สังเกตตนเอง ข้อบกพร่องของ [กายาวัชระคงกระพัน] จึงปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน…”

 

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ รู้สึกนับถือในพลังของ [ดวงตาแห่งสัจจะ] มากขึ้น

 

[กายาวัชระคงกระพัน] เป็นแก่นแท้แห่งพลังหยางที่ทรงพลังที่สุด ดั่งหินผาสูงชันที่ไม่สามารถทำลายลงได้

 

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งในโลกล้วนไม่ได้มีเพียงหยินหรือหยางแค่อย่างเดียว มีหยินอย่างเดียวไม่พัฒนา หยางเพียงอย่างเดียวก็ยากที่จะเติบโตจนสุด!

 

เพื่อความยืนยงอย่างแท้จริง หยินและหยางต้องสอดคล้องประสมประสานกัน

 

[กายาวัชระคงกระพัน] เสริมแกร่งร่างกายได้มากจนสามารถใช้เพียงร่างกายก็ต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญสามระดับบน

 

แต่มันสุดโต่งเกินไป

 

หากซูฉินต้องการก้าวข้ามไปอีกขั้นและบรรลุระดับ‘อรหันต์‘ เขาจะไม่สามารถขัดเกลาร่างกายจนไปถึงขีดสุดได้โดยการใช้แค่ [กายาวัชระคงกระพัน] อย่างแน่นอน

 

ซูฉินต้องตามหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกายที่มีคุณลักษณะธาตุหยินอีกสักชนิดเพื่อผสานเข้ากับวิชา [กายาวัชระคงกระพัน]

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset