เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 42 จากนี้ไปมันไม่มีอีกแล้ว

“ผู้ใด?!”

 

ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยวของรองประมุขพรรคมารจ้องตรงออกไปนอกห้องโถง พลังมารอันน่าหวาดหวั่นพวยพุ่งฟุ้งเต็มชั้นบรรยากาศโดยรอบ

 

จอมยุทธพรรคมารคนอื่นๆ ในห้องโถงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกมันต่างก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธในสามระดับบน แต่ไม่มีใครในพวกมันสังเกตเห็นถึงคนที่มาใหม่

 

ต้องรู้ว่านี่คือแกนนำหลักของพรรคมาร มีจอมยุทธพรรคมารนั่งอยู่มากมายตรงนี้ แต่เมื่อใดกันที่มีใครบางคนบุกรุกเข้ามาได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

 

นี่ย่อมเป็นเหมือนการกระตุ้นยั่วยุพรรคมารทั้งหมด

 

ทันใดนั้นเหล่าจอมยุทธพรรคมารต่างก็รวบรวมกำลังภายในเตรียมการให้สามารถใช้ออกได้ทุกเมื่อ

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน พระหนุ่มจีวรเทาค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องโถง

 

“พระสงฆ์?”

 

รองประมุขพรรคมารขมวดคิ้ว

 

เดิมทีพวกเขาคิดว่าผู้มาใหม่จะต้องเป็นยอดยุทธชราฝ่ายธรรมะในสามระดับบน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเป็นพระรูปหนึ่ง?

 

พระส่วนใหญ่ในราชวงศ์ถังมักจะมาจากวัดเส้าหลิน

 

แม้ว่าวัดเส้าหลินจะเป็นหนึ่งในสำนักฝ่ายธรรมะ แต่ก็เพิกเฉยต่อการกระทบกระทั่งกันในยุทธภพเสมอมา

 

ตามหลักเหตุและผลแล้ว ไม่ควรมีพระจากวัดเส้าหลินมาปรากฏตัวที่ฐานที่ตั้งของพรรคมารด้วยความตั้งใจของตนเองได้

 

“รองประมุขพรรค นี่คือคนที่ต้องการจะพบผู้คุมกฎเหยียนที่ข้าได้บอกเมื่อครู่”

 

เมื่อสาวกพรรคมารเห็นซูฉินก็อุทานออกมา

 

“หือ?”

 

รองประมุขพรรคมารหันไปมองเหยียนหั่วที่อยู่ไม่ไกล

 

“ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว”

 

สายตาของซูฉินจ้องไปที่ใบหน้าของเหยียนหั่ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า

 

แม้ว่าดวงตาแห่งสัจจะจะสามารถตรวจจับพลังฉีได้ทั้งหมด ตราบที่ซูฉินได้เห็นมันเข้าแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะสามารถจับตำแหน่งนั้นได้อย่างรวดเร็วแม้จะอยู่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้

 

แต่ซูฉินไม่เคยพบเห็นเหยียนหั่วมาก่อน

 

เนื่องจากไม่เคยเห็นเหยียนหั่ว เขาจึงไม่สามารถค้นหาเหยียนหั่วได้อย่างรวดเร็วนักท่ามกลางจอมยุทธหลายพันคนบนภูเขาหวู่หนานอย่างเช่นตอนนี้

 

ดังนั้นซูฉินจึงไม่ได้บุกเข้าไปในทันที เพื่อความแน่ชัดในการตามหา ‘เหยียนหั่ว‘ เขาจึงรอให้สาวกของพรรคมารพาเขามาหาเหยียนหั่ว

 

“มาหาข้า?”

 

เหยียนหั่วขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

“มิผิด ข้ากำลังมองหาเจ้า…”

 

ซูฉินพยักหน้า ยิ้มที่มุมปาก “เพื่อฆ่าเจ้า”

 

เมื่อคำนี้กล่าวออกมา

 

จอมยุทธพรรคมารทุกคนในห้องโถงเกือบจะคิดว่าตนเองได้ยินผิดไปเสียแล้ว

 

มาเคาะประตูพรรคมารเพื่อจะฆ่าผู้คุมกฎของพรรค?

 

“ช่างกล้านัก!!”

 

รองประมุขพรรคแค่นหัวเราะออกมา แต่ภายในนั้นโกรธเกรี้ยว

 

แรกเริ่มเดิมทีตัวมันคิดจะทดสอบซูฉินเสียก่อน อย่างไรเสียพระรูปนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบงัน จะต้องมีความมั่นใจมากพอตัวทีเดียว

 

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดพล่ามไร้สาระเช่นนี้ รองประมุขพรรคมารก็มิอาจกลั้นความรู้สึกต่อไปได้อีก

 

“มอบชีวิตของเจ้ามาเสีย!!”

 

รองประมุขพรรคมารหัวเราะเยาะเย้ย พลังมารสั่นไหวกลายเป็นตาข่ายร่วงลงมาจากฟ้าเข้าปกคลุมซูฉิน

 

รองประมุขพรรคมารเป็นปรมาจารย์ระดับชั้นที่สอง และด้วยความโกรธเกรี้ยวเขาก็ปล่อยพลังทั้งหมดออกมา

 

ปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองทั่วไปยังต้องล่าถอยเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของรองประมุขพรรคมารนี้ และแม้กระทั่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ยังต้องหน้ามุ่ยอยู่เหมือนกัน

 

สามารถพูดได้ว่า

 

ไม่มีใครในพรรคมารที่ป้องกันการโจมตีนี้ได้ ยกเว้นก็แต่ประมุขพรรค ซึ่งเมื่อรับการโจมตีเข้าไป ตัวประมุขเองยังต้องก้าวถอยหลัง

 

อย่างไรก็ตาม

 

ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองอย่างมีความสุขของเหล่าจอมยุทธพรรคมาร

 

ซูฉินไม่ได้เหลียวมองรองประมุขพรรคมารด้วยซ้ำ เขายกมือแบบธรรมดาๆ แล้วชี้นิ้วออกไป

 

ฟิ่ว!!

 

พลังอันแข็งกล้าพุ่งฝ่าพลังมารออกไป และมันก็ทะลุคิ้วของรองประมุขแห่งพรรคมารได้โดยตรง

 

“นี่เจ้า?”

 

รองประมุขพรรคมารเบิกตากว้างและล้มพับลงกับพื้น

 

ก่อนที่จะตาย รองประมุขพรรคมารไม่คาดคิดเสียด้วยซ้ำว่าตัวเขาผู้เป็นปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองจะไม่สามารถทานทนได้แม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากศัตรู

 

และตายไปอย่างโดดเดี่ยว

 

ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ อวลไปด้วยความตกใจ

 

ความหนาวเย็นปะทุขึ้นในใจของจอมยุทธพรรคมารทุกคน

 

มองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้า นี่รองประมุขพรรคซึ่งมีระดับขั้นพลังสูงกว่าพวกเขากลับตกตายลงไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

 

ในทันใดนั้นเอง

 

จอมยุทธพรรคมารหลายคนพลันหน้าซีดคิดที่จะถอยหนี

 

ผู้คนในพรรคมารต่างมีความเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว เห็นแก่ตัวถึงขนาดที่รองประมุขพรรคได้ตายลงไป แต่พวกเขาไม่คิดแก้แค้น คิดเพียงว่าจะหลบหนีออกไปได้อย่างไร

 

“กระบวนท่าเมื่อครู่ต้องกินกำลังมันไปมากแน่ ถ้าตอนนี้พวกเรารวมพลังกัน ข้ามั่นใจว่าต้องสังหารมันลงได้”

 

ในขณะนั้นก็มีจอมยุทธพรรคมารระดับชั้นที่สามตะโกนขึ้นมาว่า “ใครสามารถสังหารมันได้ด้วยมือของตน จะได้รับรางวัลอย่างงามเมื่อประมุขพรรคออกมา”

 

เมื่อจอมยุทธพรรคมารคนอื่นได้ยินคำกล่าวนั้น ดวงตาของพวกเขาก็แวววับและเตรียมที่จะเคลื่อนไหว

 

แต่ก็เท่านั้น

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือขวาเรียวยาวแล้วตบลงไปในอากาศ

 

เปรี้ยง!

 

พลังภายในที่น่าสะพรึงกลัวฟาดปะทะราวกับค้อนหนักหวดเข้าใส่จอมยุทธพรรคมารหลายต่อหลายคน

 

ปัง

 

ปัง

 

ปัง

 

ร่างของจอมยุทธพรรคมารอย่างน้อยๆ ก็สิบคนที่อยู่ในสามระดับบน ร่างแตกกลายเป็นแอ่งเลือด

 

“น่ะ..นี่คือ?”

 

พวกจอมยุทธพรรคมารที่เหลือต่างรู้สึกเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ และแทบจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยความตกใจ

 

ต้องรู้ก่อนว่าพรรคมีจอมยุทธในสามระดับบนเพียงแค่ยี่สิบคน แต่เพียงลูกตบของซูฉิน พวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้ตกตายลงไปเสียแล้ว

 

นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

 

ทันใดนั้น

 

ในส่วนลึกของห้องโถงใหญ่ มีพลังมารอันรุนแรงปะทุออกมา

 

“เจ้ากล้ามาเข่นฆ่าผู้คนที่นี่ได้เยี่ยงไร เจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับพรรคมารงั้นรึ?”

 

ไอพลังมารที่แสนน่ากลัวพวยพุ่งไปทั่วฟ้านั้นลอยมาจากส่วนลึกของโถงใหญ่

 

ทันทีที่ไอพลังนี้ปรากฏขึ้นสีหน้าของเหล่าสาวกพรรคมารต่างเปลี่ยนเป็นดีใจ

 

“นั่นคือท่านประมุขพรรค ท่านประมุขได้ออกมาแล้ว”

 

“ใช่ ก่อนที่ท่านประมุขจะปิดด่านฝึกตนท่านก็อยู่จุดสูงสุดของระดับชั้นที่สองแล้ว และหลังจากออกมาจากการกักตนอย่างน้อยท่านก็ต้องกลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง!!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ลาหัวโล้น จงคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาเสีย!”

 

จอมยุทธฝ่ายอธรรมเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจขึ้นมาทันที แล้วตะโกนใส่ซูฉิน

 

“ประมุขพรรค?”

 

ซูฉินหันเหสายตา มองลึกเข้าไปในห้องโถง

 

ก่อนที่จะเข้ามาในเขาหวู่หนาน ซูฉินได้รู้ผ่านดวงตาแห่งสัจจะว่ามีกลิ่นอายของยอดฝีมือระดับชั้นที่หนึ่งอยู่ในฐานของพรรคมาร

 

ตอนนี้เหมือนจะทราบแล้วว่าตัวตนที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับชั้นที่หนึ่งน่าจะเป็นประมุขพรรคมารนี่แหละ

 

เสียงดังกึกก้อง

 

พลังมารแผ่กระจาย

 

ยิ่งประมุขพรรคมารเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ พลังของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น

 

ถึงแม้ประมุขพรรคมารจะเพิ่งเข้าสู่ระดับชั้นที่หนึ่งมาได้เท่านั้น และพลังก็ยังไม่ได้หลอมรวมกันดีนัก แต่ระดับชั้นที่หนึ่งก็คือระดับชั้นที่หนึ่ง

 

แม้ว่าจะเพิ่งก้าวข้ามมา แต่ก็อยู่เหนือระดับชั้นที่สองไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ท่านประมุขพรรคออกมาแล้วหรือ?”

 

เหยียนหั่วดีใจมาก

 

ในตอนต้นยามเมื่อเขาได้ยินว่าซูฉินมาที่นี่เพื่อต้องการชีวิตตน ใจเขาก็คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และมองข้ามมันไป

 

แต่ยามเมื่อซูฉินตบรองประมุขพรรคและคนอื่นๆ ในสามระดับบนตายเป็นสิบอย่างสบายๆ เหยียนหัวถึงกับตื่นตระหนก

 

เขาเพิ่งเข้าสู่สามระดับบนมา และแม้แต่ตัวรองประมุขพรรคยังยับยั้งการโจมตีของซูฉินไม่ได้ นับประสาอะไรกับตัวเขา?

 

“ยินดีด้วยกับการได้ออกมาขอรับท่านประมุข!”

 

เหยียนหั่วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

ด้วยความแข็งแกร่งของประมุขพรรคมาร ถึงจะไม่สามารถฆ่าซูฉินได้ แต่คงไม่มีปัญหาในการขับไล่ออกไป

 

พอถึงตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเหยียนหั่วย่อมจะปลอดภัยแล้วเช่นนั้นหรือ?

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในขณะนั้นเอง

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างหูของเหยียนหั่ว

 

“ข้าละอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่ให้ความหวังว่าเจ้าจะรอด?”

 

เสียงนี้ลอยเข้ามากระทบหูเหยียนหัวผ่านอากาศอันเบาบาง

 

เหยียนหั่วตกใจเงยหน้าขึ้นมองในทันที แล้วพบว่าซูฉินมายืนที่ด้านข้างตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

เหยียนหั่วออกอาการตกใจ

 

“ใช่เขาหรือไม่?”

 

“ประมุขพรรคมารคือคนที่สร้างความหวังให้กับเจ้าใช่หรือไม่?”

 

ซูฉินยังคงสงบแม้จะถูกเหยียนหั่วจ้องมอง เขาฟาดฝ่ามือไปทางที่ประมุขพรรคกำลังเข้ามา

 

พลังภายในที่น่าสะพรึงกลัวโจมตีมุ่งตรงไปที่ประมุขพรรคมาร จนทั้งร่างกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อ

 

“ตอนนี้มันได้หายไปแล้วล่ะ”

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset