เฮือก!
ปีขาลสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะเมื่อคืนเขารู้สึกว่าตัวเองเผลอฝันอะไรแปลกๆซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองฝันนั้นมันได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่
“ โอ๊ยซี๊ดด ปวดหัวชะมัด “ ปีขาลกุมหัวตัวเองพร้อมกับหลับตาลงเพื่อให้อาการปวดหัวมันบรรเทาขึ้น
“ เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ “ เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง ปีขาลชะงักไปนิดและค่อยๆหันไปมองทางด้านข้าวของตัวเอง
“ เฮ้ย!!! “ ปีขาลถอนตัวหนีห่างจากุนทันทีด้วยความตกใจ เขาก้มมองตัวเองทันทีแต่ก็พบว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นั้นยังอยู่ครบ
“ ตกใจอะไรครับ “ กุนส่งยิ้มบางๆให้กับคนที่เบิกตากว้างอยู่ข้างๆเขา
“ นะ..นี่คุณ..คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี้ย “ ปีขาลชี้นิ้วถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัยปนตกใจไม่น้อย
“ กุนเป็นคนพาขาลมาเมื่อคืนไง จำไม่ได้หรอครับ “ กุนพูดเสียงนุ่มพร้อมกับพูดสรรพนามแทนตัวเองแบบเมื่อคืนนี้
“ ผมอายุมากกว่าคุณนะ เรียกอะไรให้เกียรติ์ผมด้วย เรียกผมโดยไม่มีคำว่าพี่นำหน้าได้ยังไง “ ปีขาลขมวดคิ้วมองหน้ากุนนิ่ง ถึงเขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่ร่างสูงพูดมาเมื่อสักครู่แต่ด้วยความที่เขาอายุมากกว่าอีกคนหลายปี มันเลยทำให้เขาค่อนข้างที่จะเคร่งในเรื่องตรงนี้พอสมควร
“ หึหึหึ ครับ “ กุนหัวเราะในลำคอเพราะปีขาลในตอนนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด ปากเล็กที่งอง่ำบวกกับดวงตาหวานที่จ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจอยู่ ซึ่งมันดูไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยกลับกันสีหน้าของร่างบางมันยิ่งทำให้เขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“ คุณหัวเราะอะไรไม่ทราบ นี่ผมกำลังจริงจังอยู่นะ “ ปีขาลพูดเสียงดุ กุนได้แต่มองใบหน้าหวานที่งอง่ำยิ้มๆ
“ หิวหรือยังครับ เดี๋ยวผมไปทำอะไรมาให้ทานนะ “ กุนไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นถามกลับไปแทนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ปีขาลมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
“ ยัง แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ห้องผมนี่ “ ปีขาลถามกลับไป
“ ห้องผมเองครับ พอดีว่าผมลืมถามพี่ป้องหนะครับว่าห้องของพี่อยู่ชั้นอะไรเลขห้องอะไร ผมเลยพาพี่มาพักที่คอนโดของผมก่อน ตื่นเช้าเดี๋ยวผมค่อยไปส่งพี่ที่คอนโด “ กุนอธิบาย
“ ถ้างั้นก็พาผมกลับได้แล้ว “ ปีขาลพูดขึ้นพร้อมกับเดินลงจากเตียงด้วยสภาพพี่มึนหัวเล็กน้อย แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่ายังพอไหวอยู่
“ ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะครับ ตอนนี้ก็เก้าโมงเช้าแล้วด้วย “ กุนบอกด้วยความเป้ฯห่วง
“ ก็ผมบอกว่ายังไม่หิวไง คุณฟังไม่รู้เรื่องหรอ “ ปีขาลมองหน้ากุนอย่างหาเรื่อง
“ รู้เรื่องครับ แต่ผมเป็นห่วง “ เสียงนุ่มของกุนทำให้ปีขาลชะงักไป
“ ….พาผมกลับไปแล้ว ตอนเย็นผมมีประชุมอีก “ ปีขาลหลบสายตาที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขา
“ คุยเรื่องรับน้องหรอครับ “ กุนถาม
“ มันไม่ใช่เรื่องของคุณ “ ปีขาลสวนกลับไปทันที
“ หึหึหึ โอเคครับ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ “ กุนแกล้งยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้
“ ……. “ ปีขาลมองขวางกุนนิดๆแล้วก้มมองเสือ้ผาตัวเดิมของตัวเองอย่าครุ่นคิด
“ พี่ใส่เสื้อผ้าผมก่อนก็ได้นะครับ เอาไว้มหาลัยเปิดเมื่อไหร่พี่ค่อยเอาเสื้อมาคืนผม “ กุนบอกอย่างใจดีพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อคอกลมสีน้ำเงินเข้มที่ตู้ของเขานำมาให้ปีขาล
“ ขอบใจ ว่าแต่..รุ่นพี่คุณเขาได้บอกอะไรคุณไว้มั้ยละ “ ปีขาลพูดถึงซุง
“ รู้แล้วหรอครับว่าผม..เป็นลูกพี่ลูกน้องพี่ซุง “ กุนมองหน้าอีกฝ่ายยิ้มๆ
“ จะไม่รู้ได้ไง ก็มัน..ก็รุ่นพี่คุณเล่นฝากฝังคุณไว้กับผม “ ปีขาลตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสียนิดๆ
“ อ๋อ..หรอครับ “ กุนยิ้มกว้างมองใบหน้างอง่ำของอีกคน
“ เป็นบ้าหรอไงคุณ ยิ้มอะไรมากมายขนาดนั้น “ ปีขาลขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
“ ผมแค่กำลังคิดว่า…พี่ซุงคงห่วงผมมากๆเลยฝากผมไว้กับคนนิสัยดีและน่ารักอย่างพี่ให้ดูแล “ กุนอมยิ้มมองใบหน้าหวานนิ่งๆ
“ นะ..น่ารักบ้าอะไร! พูดเพ้อเจ้อ “ ปีขาลหลบสายตาแพรวพราวของอีกคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
“ หึหึหึ พี่จะอาบน้ำเลยไม่ครับ ผมมีผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่ไม่ได้ใช้อยู่ เดี๋ยวผมเอาให้นะครับ “ กุนพูดจบก็เดินไปหยิบผ้าเช้ดตัวที่อยู่ในตู้ส่งมาให้ปีขาลทันที
“ ผมยังไม่ได้ขอเลยสักคำ ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยนะคุณ “ ปีขาลแกล้งว่า พร้อมกับยื่นมือไปรับผ้าเช็ดตัวที่อีกคนส่งมาให้เขา
“ ครีมอาบน้ำของผมใช้ได้เลยนะครับ ส่วนแปลงสีฟันผมเตรียมไว้ให้พี่แล้วสามารถแกะอันใหม่ที่ผมเตรียมไว้ให้ได้เลย ส่วนชั้นในกับกางเกงผมก็เตรียมไว้ให้พี่แล้ว พับวางอยู่ในห้องน้ำนะครับและถ้าพี่อยากจะสระผมแล้วไม่อยากใช้ร่วมกับผมที่มีอยู่ในห้องน้ำพี่ก็เปิดลิ้นชักตรงอ่างล้างหน้าแล้วแกะอันใหม่ใช้ได้เลยนะ ผมไม่ว่าอะไรครับ “ กุนบอกอีกฝ่ายยิ้มๆ ปีขาลมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะเตรียมพร้อมอะไรให้เขามากขนาดนี้
“ ผมไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่าผม..ใช้แค่แปลงสีฟันใหม่ที่คุณเตรียมเอาไว้ให้ก็แล้วกัน ส่วนอย่างอื่น..ผมไม่ติดอะไรอยู่แล้ว ใช้ได้ “ ปีขาลบอกพร้อมกับเชิดหน้าอย่างคนมีฟอร์มและลุกขึ้นยืน
“ งั้น…ผมไปอาบน้ำก่อนนะ “
“ ขาดคนช่วยถูหลังก็บอกนะครับ “ กุนบอกตามหลังอีกคนไปด้วยน้ำเสียงทะเล้น ปีขาลหยุดชะงักและหันมามองขวางกุนนิดๆ
“ หึหึหึ “ กุนได้แต่หัวเราะตามหลังไป พร้อมกับมองร่างเล็กยิ้มๆ
“ จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริงๆด้วยสินะ “ กุนส่ายหน้ายิ้มๆพร้อมกับเดินไปพับผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยและจัดหมอนให้อยู่กับที่ เมื่อเสร็จแล้วก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ครัวเพื่อทำอาหารง่ายๆให้กับคนหน้าหวานได้กิน
.
.
“ เรื่องเมื่อคืน..ฝันหรือจริงว่ะเนี้ย “ ปีขาลวางเสือ้ผ้าและผ้าเช็ดตัวพาดไปที่ราวตากพร้อมกับจับหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นแรงจนแทบจะออกมาข้างนอก
“ ถ้าเป็นเรื่องจริง..งั้นกูก็..เป็นคนขอให้มันกอดเองหรอวะ “
“ เชี้ยยยย นี่กูทำห่าอะไรลงไปเนี้ยยยไปให้มันกอดเนี้ยนะ “ ปีขาลทึ้งหัวตัวเองอย่างเครียดพร้อมกับมองหน้าตัวเองตรงกระจก
“ พอๆๆๆไอเด็กนั่นมันก็กินเหมือนเรา บางทีมันอาจจะจำอะไรไม่ได้ก็ได้ “ ปีขาลปลอบใจตัวเองและพยายามหายใจเข้าออกเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
“ อาบน้ำดีกว่ากู “
——————–
“ ไอห่ากุนแม่งหายหัวไปเลยนะแม่ง! แล้วเสือกฝากงานกูให้มาส่งอาจาร์ยปริญาคนเดียวอีก อาจาร์ยคนนี้แม่งยิ่งดุดุอยู่ “ พนาบ่นออกมาเล็กน้อยเมื่อมาที่มหาลัยคนเดียว เพราะเมื่อเช้ากุนโทรมาเร่งให้เขาเอางานไปส่งเพราะวันนี้เป็นวันครบกำหนดที่อาจาร์ยของพวกเขาสั่งงานแล้ว และกุนเองก็มอบหมายหน้าที่นี้ให้เขาเป็นคนเอามาส่งเพราะด้วยความเป็นงานคู่ พนาจะไม่คิดอาฆาตแค้นอะไรเพ่อนสนิทเลย ถ้าหากกุนได้ให้คำตอบกับพนาว่า..
“ กูฝากงานส่งด้วย กูต้องดูแลปีขาลไม่มีเวลาเข้าไป แค่นี้นะ “
และเมื่อสิ้นสุดคำพูดนั้นไอเพื่อนตัวดีของเขามันก็ชิงกดวางสายไปในทันทีโดยไม่หลงเหลือสิทธิ์อะไรให้เขาได้พูดเลยสักคำ
“ เฮ้อออเกิดมาเป็นเพื่อนมึงกูต้องอดทนขนาดไหนหนอออ “ พนาได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างเซ็งๆในขณะที่เดินเอางานขึ้นไปส่งอาจาร์ยปริญาที่ชั้นสามของตึกวิศวะ
พนาเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับกดโทรศัพท์เพื่อดูหมายเลขห้องของอาจาร์ยจากตารางสอนอีกครั้ง
ปึก!
“ โอ๊ยยย “ พนาร้องเสียงดังลั่นเมื่อเผลอชนกับใครบางคนจนเล่มรายงานของเขาหล่นไปที่พื้น
“ เป็นอะไรมั้ยครั..คุณ! “ เสียงเข้มที่เอ่ยดังลั่นทำให้พนาที่ก้มหน้าเพื่อหยิบเล่มรายงานของตัวเองอยู่นั้นจำต้องเงยหน้าขึ้นมาเพื่อดูว่าเสียงที่คุ้นเคยนั้นคือใคร
“ ไอพี่ปากมอม!! “ พนาลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าใส่พอสด้วยความตกใจ
“ คุณว่าใครปากมอมห๊ะ! “ พอสถลึงตาใส่เด็กตัวสูงตรงหน้าอย่างดุดุ
“ เอ่อ..พี่ปีสาม พี่..มาทำอะไรที่นี่อ่ะ “ พนารีบพูดเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะกลัวถูกจับได้เรื่องที่เขาแอบตั้งฉายารุ่นพี่ตรงหน้าในใจ
“ นี่มันตึกวิศวะนะคุณ ผมจะเดินเข้าออกตึกของผมมันผิดตรงไหน แล้วคุณละมาทำอะไร “ พอสถามเด็กตัวสูงนิ่ง
“ ผมก็เรื่องวิศวะเหมือนกัน..เอ่อ…มาส่งงานครับ “ พนารีบตอบคำถามของอีกฝ่ายทันทีเมื่อเห็นดวงตาหวานของคนตรงหน้ากำลังมองมาที่เขาอย่างดุดุ
“ วิชาของอาจาร์ปริญาหรอ “ พอสถามเมื่อมองเห็นชื่อประจำวิชาที่หน้าปกรายงานของคนตรงหน้าที่ถืออยู่
“ ครับ “ พนาตอบสั้นๆ ถึงเขาจะอยากกวนคนตรงหน้ากลับมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากให้อีกคนหาเรื่องเพื่อที่จะทำโทษเขาได้
“ งั้นก็ไปสิ รออะไรอยู่ “ พอสเลิกคิ้วเป้นเชิงถามอย่างกวนๆ พนาขมวดคิ้วนิดๆแล้วถอนหายใจออกมาเมื่อเจออีกฝ่ายกวนกลับมาอีกแล้ว
“ ครับ สวัสดีครับรุ่นพี่ปีสาม “ พนายกมือไหว้และพูดอย่างประชดพร้อมกับเดินแยกออกไปทันที
“ เดี๋ยว “
พนาชะงักเท้าที่กำลังเดินอยู่ทันทีเมื่ออีกคนเรียกเขาเอาไว้
“ ห้องอาจาร์ยปริญาอยู่ชั้นสี่ เขาเปลี่ยนห้องเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คุณไปอยู่ไหนมาถึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย “ พอสแกล้งว่า อันที่จริงเขาเองก็พึ่งรู้เมื่อวานเหมือนกันเพราะเดินสวนกับอาจาร์ยที่เคยสอนตัวเองตอนสมัยอยู่ปีหนึ่ง
“ อ้าว หรอครับ “ พนาถามด้วยความตกใจเพราะเขาเองก็พึ่งรู้
“ ก็ใช่หนะสิ ยังยืนงงอยู่อีกเดี๋ยวถ้าอาจาร์ยแกหนีไปกินข้าวขึ้นมา อย่ามาโทษว่าผมทำคุณช้าแล้วกันนะ “ พอสกอดอกมองรุ่นน้องตัวสูงที่กระพริบตาปริบๆตั้งใจฟังที่เขาพูดอยู่
“ อะ..เอ่อ..ครับๆๆ ขอบคุณพี่มากครับ “ พนายกมือไหว้พอสและเดินย้อนกลับไปทางที่เดินมาทันทีเพราะต้องขึ้นไปอีกชั้นนึง พอสได้แต่ส่ายหน้ามองเด็กหนุ่มที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความรีบร้อน
“ เอ๊ะ..ลืมบอกไปรึเปล่านะว่าวันนี้อาจาร์ยประชุมตอนเช้า..แต่ว่า..คงไม่ต้องหรอกมั้ง “ พอสกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายๆ