วันต่อมา
ปีขาลมามหาลัยด้วยท่าทีที่อ่อนเพรียไม่น้อยเพราะเมื่อคืนเขานั่งทำรายงานที่อาจาร์ยสั่งจนเกือบตีหนึ่ง แถมเช้าวันนี้ยังมีสอบย่อยเพื่อเก็บคณะซึ่งเป็นวิชาที่ค่อนข้างยากพอสมควร
“ ไงมึง เมื่อคืนอ่านหนักเลยดิ “ ป้องเอ่ยแซวยิ้มๆเมื่อปีขาลเดินมานั่งที่โต๊ะ
“ นิดหน่อยว่ะ กูเกือบโต้รุ่งเหมือนกัน ดีนะทักไปถามไอนินที่มันเคยสอบวิชานี้ไปแล้ว กูเลยนอนตีหนึ่งไม่ได้โต้รุ่งเหมือนที่คิดไว้ “ ปีขาลอธิบายเสียงเหนือยๆ นินคือเพื่อนต่างสาขาของเขาซึ่งเคยสอบวิชานี้มาเหมือนกันมันเลยทำให้เขาไม่ต้องเหนื่อยมากนัก
“ มึงจะอ่านเยอะทำไมวะ คนฉลาดอย่างมึงยังไงก็ทำได้อยู่แล้วปะ ดูอย่างพวกกูดิ๊นอนหลับตั้งแต่สี่ทุ่ม “ ฟิวยักคิ้วใส่ปีขาลอย่างกวนๆและก้มหน้าเล่นเกมส์ที่โทรศัพท์ของตัวเองต่อ ปีขาลส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ อย่าเอากูไปรวมไอสัสฟิว กูนอนหลับตอนห้าทุ่มเหอะ “ นุพุดแย้งซึ่งมันไม่ได้ทำให้คนฟังอย่างปีขาลรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ ถ้าแดกเอฟมางานนี้กูไม่ช่วยนะ “ ปีขาลแกล้งพูดขู่
“ เหอะ ไม่มีทางที่กูจะได้เอฟหรอก “ ฟิวเงยหน้าขึ้นมาตอบปีขาลยิ้มๆ
“ ได้ข่าวว่าเทอมที่แล้วมึงตกเอฟสามวิชาและให้พวกกูช่วยนะ “ พอสพูดอย่างขำๆเพราะฟิวเป็นคนเดียวของกลุ่มที่ติดเอฟ ฟิวถลึงตาใส่พอสอย่างดุดุ
“ จิ๊! มึงจะรื้อฟื้นทำห่าอะไรเนี้ย “
“ ไปๆๆเตรียมขึ้นห้องไปรอสอบได้ล่ะ “ นุพูดขึ้น
ทั้งหมดลุกขึ้นและเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อไปเตรียมตัวสอบ
.
.
“ มึงว่าวันนี้พวกพี่เขาจะหาเรื่องอะไรพวกเราอีกปะวะ “ พนาถามกุนเสียงแผ่วเมื่อตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้อง
“ ไม่หรอก “ กุนตอบสั้นๆแต่ดวงตายังคงมองไปด้านหน้าเพื่อฟังที่อาจาร์ยสอน
“ มึงแน่ใจหรอวะ ทำไมมึงดูมั่นใจจัง “ พนาหันไปขมวดคิ้วมองกุนด้วยความสงสัย
“ แล้วเขาจะหาเรื่องอะไรละ “ กุนหันมาย้อนถาม
“ เออว่ะ “ พนาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ ……… “ กุนหันไปมองอาจาร์ยตามเดิมโดยในหัวก็เผลอคิดถึงใบหน้าที่ออดอ้อนของปีขาลในตอนที่เมา รอยยิ้มของกุนผลุดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึง ซึ่งมันทำให้พนาที่หันมามองใบหน้าของเพื่อนสนิทถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงงไม่น้อย
“ ไอกุน..มึง..โอเคใช่ปะวะ “ พนาถามอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“ กูไม่ได้เป็นไร กูแค่..นึกถึงหน้าเขาเฉยๆ “ กุนตอบสั้นๆ พนาถอนหายใจออกมานิดๆเมื่อฟังกุนพูดจบ
“ คนคลั่งรักที่แท้ทรูสินะมึงเนี้ย “
16:00น.
“ วันนี้พี่ป้องและพี่พอสจะมีเรื่องมาแจ้งพวกคุณนะครับ ส่วนผมจะพูดต่อจากพี่ทั้งสองคนเอง “ ปีขาลเอามือไขว้หลังและถอยหลังให้กับป้องได้ออกไปพูด
“ สวัสดีครับปีหนึ่ง “ ป้องยืนออกมาด้านหน้าพร้อมกับพอสและพูดด้วยท่าทีสุขุมซึ่งต่างจากนิสัยจริงๆของตัวเองไม่น้อย
“ สวัสดีครับ/ค่ะ! “ ทั้งหมดพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยเสียงที่ดังกังวาน
“ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาแจ้งให้กับพวกคุณได้ทราบ “
“ ในอีกสองวัน! เราจะเปลี่ยนสถานที่ในการรับน้อง ซึ่งเป็นที่ทะเลและผมเองก็คิดว่าพวกคุณก็อาจจะได้ยินเพื่อนต่างคณะหรือคนอื่นๆพูดมาบ้างแล้วว่าเราจะต้องมีการรับน้องนอกสถานที่กัน คณะของเราจะไปที่เดียวกับอีกคณะนึง แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับว่าจะเป็นการรบกวนอะไรพวกเราหรือเปล่าเพราะว่า.. “ ป้องเว้นจังหวะและหันไปทางพอสเพื่อให้ได้พูดต่อ
“ ทางเราจะแยกกันคนละที่กับอีกคณะนึงครับ ส่วนถ้าใครที่รู้จักกับเพื่อนในคณะนั้นก็สามารถไปเจอหรือเข้าไปหาได้แต่!..พวกคุณจะต้องได้รับเกียร์ที่อยู่ที่ข้อมือของพวกผมทุกคนแบบนี้เท่านั้น! ไม่เช่นนั้นพวกคุณไม่มีสิทธิ์ไปที่ไหนทั้งนั้นโดยที่พวกผมไม่ได้สั่ง “ พอสมองไปยังปีหนึ่งทุกคนนิ่ง และสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับสายตาที่คุ้นเคยของเด็กที่ชื่อพนาซึ่งกำลังขมวดคิ้วและจ้องมาที่เขาด้วยความรู้สึกที่แสดงออกมาชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ คุณปีหนึ่งคนที่ผมกำลังมองอยู่..ยืนขึ้นครับ! “ พอสพูดเสียงนิ่งและเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายใกล้ๆ พนาถอนหายใจออกมานิดๆเพราะรู้แล้วว่าเขากำลังจะโดนอีกฝ่ายแกล้งและเล่นงาน พนาลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อพอสเดินเข้ามาใกล้เขา
“ พี่มีอะไรหรอครับ “ พนามองหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ ผมต่างหากครับที่ต้องถามคุณ ว่าคุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า ถึงได้จ้องหน้าผมเหมือนไม่พอใจแบบนี้ “ พอสถามออกมาเสียงเข้ม เพราะเขาต้องการให้คนอื่นๆได้รู้ด้วย พนาขมวดคิ้วนิดๆแล้วมองไปยังรอบๆซึ่งทุกคนต่างก็มองหน้าเขาอยู่
“ ผม..เปล่าครับ “ พนาปฏิเสธ คิ้วเข้มขมวดแน่นเพราะเขาต้องข่มความไม่พอใจเอาไว้
“ หรอครับ..แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับ “ พอสมองหน้าพนานิ่งแล้วแสร้งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ซึ่งในสายตาของพนาใบหน้าของพอสตอนนี้ช่างดูกวนเขาเป็นอย่างมาก
“ พี่จะคิดหรือไม่คิดมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับ พี่ถามว่าผมมีปัญหาอะไรกับพี่หรือเปล่า ผมก็ต้องขอตอบว่า..ผม ไม่ มี ชัดเจนแล้วนะครับ “ พนาจ้องหน้าพอสนิ่ง น้ำเสียงที่เขาพยายามเน้นย้ำเพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าตอนนี้เขาเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เพราะอีกคนเอาแต่กวนเขามากเหลือเกิน ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาที่เขาดูก็รู้ว่าอีกคนกำลังสนุกที่ได้แกล้งเขาต่อหน้าคนเยอะๆ
“ แต่หน้าตาของคุณมันแสดงออกมาชัดเจนนี่ครับว่าคุณ..ไม่พอใจมากในสิ่งที่ผมพูดไป “ พอสแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคน พนาถอนหน้าออกห่างนิดๆ
“ เอาหน้าพี่ออกไปห่างๆผมด้วยครับ “ พนาพูดเตือนพร้อมใช้สายตาดุดุมองรุ่นพี่ตัวเล็ก
“ และผมเองก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรพี่ด้วย โปรดเข้าใจผมใหม่ด้วยครับ “
พอสเอามือไขว้หลังตัวเองและค่อยๆเดินถอยห่างออกมา
“ ดีครับ คุณไม่ได้ไม่พอใจผมก็ดี “ พอสพูดจบก็เดินหันหลังให้พนาและไปยืนอยู่ทางด้านหน้าตรงที่เดิมของตัวเอง พนานั่งทันที
“ อย่าให้กุรู้นะว่ารถแม่งจอดอยู่ตรงไหน กูจะไปเจาะยางให้! “ พนากัดฟันพูดแล้วจ้องหน้าพอสด้วยความโกรธ
“ เดี๋ยวก็โดนซ่อมหรอก “ กุนพูดเตือนแต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนักเพราะเข้าใจว่าตอนนี้เพื่อนของเขากำลังโมโหอยู่
“ ภายในวันนั้น รถของเราจะเริ่มออกในช่วงเวลาเจ็ดโมงตรง ใครสาย ผมไม่รอนะครับ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น “ ปีขาลเดินออกมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้น
“ ส่วนถ้าวันนั้น! ใครไม่ได้ไป…ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมได้เตรียมสถานที่เอาไว้ซ่อมพวกคุณที่มาสายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “
“ พรุ่งนี้เราไม่มีการประชุมนะครับเพราะผมอยากให้พวกคุณได้เตรียมตัว วันนี้จบการประชุมครับ “ ปีขาลพูดจบก็เดินนำคนอื่นๆออกไปทันที
“ ไอนิ่ง มึงไปกับกูหน่อย “ พนาจับแขนของกุนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กุนขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ
“ ไปไหน “
“ กูจะไปแอบดูรถของไอพี่ปากมอม ไปเร็ว! “ พนาจับแขนของกุนลากตามกลุ่มพวกปีขาลออกไปทันที โดยที่กุนไม่ทันที่จะได้ห้าม