สองวันต่อมา
ปีขาลลืมตาตื่นขึ้นมาในชั่วเวลาหกโมงเช้าเพราะวันนี้ต้องเป็นวันที่พวกเขาจะต้องพารุ่นน้องปีหนึ่งไปรับน้องนอกสถานที่
“ เฮ้ออองานหนักอีกแล้วสินะ “ ปีขาลบ่นกับตัวเองนิดๆแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อนเตรียมตัวที่จะอาบน้ำไปมหาลัย
ครืดดด ครืดดด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ปีขาลจำต้องชะงักเท้าที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำและเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนที่นอนเพื่อที่จะดูว่าใครกันที่เป็นคนโทรมาหาเขา
-0886634***-
ปีขาลขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะไม่คุ้นเคยกับเบอร์ที่โชว์อยู่ตรงหน้าและกดรับสาย
“ สวัสดีครับ “
“ ( ไง ) “ เสียงที่ปีขาลได้ยินนั้น คือเสียงเข้มของผู้ชายคนนึงซึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากแต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน เพียงแค่รู้สึกว่ามันช่างฟังดูคุ้นเคยมากเสียจริง
“ ใครครับ “ ปีขาลถามด้วยความสงสัย
“ ( จำพี่ชายสุดที่รักของเราไม่ได้หรอครับ หื้ม? ) “ สิ้นสุดเสียงหวานที่พูดกลับมา ปีขาลก็ชะงักนิ่งไปทันทีเพราะเขารู้แล้วว่าคนที่โทรมาหาเขานั้นคือใคร คนคนนั้นก็คือ’ระกา’ พี่ชายต่างสายเลือดของเขาซึ่งเป็นคนที่เขาเกลียดมากถึงมากที่สุด แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตามแต่เขาก็ไม่อาจที่จะลืมเลือนเรื่องราวที่เลวร้ายมกาที่สุดในชีวิตของเขาได้ลง
“ มึงโทรมาทำเหี้ยอะไร! “ ปีขาลถามกลับไปเสียงเข้มด้วยความโมโห
“ ( อะไรกัน พี่ชายโทรมาหาเพราะคิดถึงแค่นี้ถึงกลับต้องขึ้นเสียงใส่เลยหรอครับน้องชายของพี่ ) “ ปลายสายถามขึ้น ซึ่งปีขาลเองก็นึกหน้าของอีกฝ่ายออกทันทีว่าคงยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่เพราะน้ำเสียงไม่ได้ดูเสียใจหรือไม่พอใจอย่างที่พูดใส่เขาเลยสักนิด
“ พี่ชายเลวระยำที่คิดชั่วๆแบบมึง กูไม่จำเป็นที่ต้องพูดดีด้วย กูไม่สาปส่งมึงก็ดีแค่ไหนแล้ว! “ ปีขาลตะคอกถามปลายสายกลับไปด้วยความโกรธ
“ ( หึหึหึ คำพูดไม่น่ารักเลยน้าา ) “ เสียงหัวเราะในลำคอของปลายสายทำให้ปีขาลได้แต่กำโทรศัพท์แน่น
“ มึงโทรมาหากูมีเหี้ยอะไร พ่อหรือแม่มึงตายละถึงน้ำเสียงดีใจขนาดนี้ หึ “
“ ( ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะครับน้องชายของพี่ระ ว่าแต่..ปากจะหวานเหมือนเดิมด้วยมั้ยนะ..น่าลองอีกครั้งจัง ) “ ระกาแสร้งพูดหยอกล้อใส่ปีขาล
“ ไปตายซะไอเหี้ย!! “ ปีขาลตัดสายใส่ทันทีด้วยความโมโห
“ ใจเย็นไว้ปี มึงต้องใจเย็นไว้ มันแค่โทรมาปั่นประสาทมึงก็เท่านั้น มึงลืมเรื่องวันนั้นไปแล้วปี มึงลืมไปแล้ว..ไปทำหน้าที่ของมึงต่อไปซะปี ทำหน้าที่ที่มันทำให้มึงลืมความเลวระยำของมัน ทำหน้าที่ที่ไม่ต้องทำให้มึงคิดถึงเรื่องส้นตีนที่มันทำกับมึงไว้อีก จำไว้ปี..มึงต้องเข้มแข็ง “ ปีขาลพยายามพูดปลอบใจตัวเองพร้อมกับปาโทรศัพท์กลับคืนไปบนที่นอนตามเดิมและเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ใจเย็นลง
.
.
.
มหาลัย
“ อะ..ไอขาล มึงเป็นอะไรปะเนี้ย “ ป้องจับไหล่ปีขาลเบาๆและนั่งรถเพื่อนตัวเล็กข้างๆแล้วถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ที่ปีขาลมาที่มหาลัยและนั่งที่โต๊ะม้าหินข้างๆรถทัวร์นั้น ปีขาลก็เอาแต่กอดอกมองไปด้านหน้านิ่งๆโดยไม่พูดอะไรกับใครเลย
“ …….. “ ปีขาลยังคงนิ่งไม่ได้ตอบอะไรป้องกลับไป จนป้องเงยหน้าไปหาฟิวนิ่งๆ
“ ไอขาล นี่มึงอย่าบอกนะว่าไอเวรระยำนั่นมันโทรมาหามึงอีกแล้วอ่ะ “ นุขมวดคิ้วถามเพื่อนเสียงเครียด เพราะพวกเขาเองก็รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ของปีขาลเป็นอย่างดี
“ ไอเชี้ยไก่ที่สันดานเหมือนตัวเงินตัวทองอะนะ “ พอสขมวดคิ้วหันหน้าไปถามนุสลับกับมองใบหน้านิ่งของปีขาล
“ พวกมึงเงียบกันก่อนได้ปะวะ ตอนนี้กูอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ฝากพวกมึงดูแลน้องๆมันด้วยแล้วกัน กูจะขึ้นไปนั่งรอบนรถ “ ปีขาลพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังรถของปีสามทันที
“ อาการของแม่งกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วว่ะ “ ฟิวขมวดคิ้วแล้วมองตามหลังของปีขาลไปด้วยสายตาที่เป็นห่วงไม่น้อย
“ เอาไงดีวะ จะปล่อยแม่งไปดีปะ “ นุถามเสียงเครียดเช่นกัน
“ กูว่าตอนนี้เราต้องปล่อยมันไปก่อนว่ะ มึงเองก็รู้ว่าเรื่องที่มันเจอมา ไม่ใช่ใครที่จะลืมและทำใจได้ง่ายๆนะ ไหนจะเรื่องพ่อเรื่องแม่มันอีก “ พอสพูดเสียงเครียด ทุกคนพยักหน้านิดๆอย่างเข้าใจ
.
.
“ ไอนิ่งนี่มึงจะรีบไปไหนของมึงเนี้ย กูรีบตามมึงจนกูไม่ได้เซ็ทผมมาเลยนะเว้ย “ พนาโวยวายออกมาเสียงดังลั่น เมื่อเขาทั้งสองได้เดินทางมาที่มหาลัยแล้วโดยที่ไปเพื่อนตัวดีของเขามันเร่งให้เขามาจนเขาแทบจะลืมกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำแต่ดีทีเขานึกขึ้นได้เลยหยิบออกมาทัน
“ ขาลมาแล้ว กูต้องรีบไป “ กุนหันมาบอกพนาเล็กน้อยและเดินนำไปข้างหน้าด้วยความเร็วพร้อมกับสะพายกระเป๋าของตัวเองไปด้วย
“ รอกูด้วย! “ พนารีบสาวเท้าตามกุนไปด้วยความเร็วเพราะอีกฝ่ายเดินนำเขาจนเขาแทบจะต้องวิ่งตามไปอยู่แล้ว
“ น้องๆที่มาแล้วเช็คชื่อของรถแต่ละคันที่น้องๆจะต้องนั่งไปให้ดีนะครับ ห้ามนั่งสลับรถกันนะ ดูเพื่อนๆด้วยนะครับ “ ต่อถือไมค์แล้วบอกพวกรุ่นน้องปีหนึ่งที่เริ่มทยอยมากันเยอะมากพอสมควรแล้ว
“ ตอนที่หกโมงสี่สิบแล้วนะครับน้องๆ เพื่อนคนไหนยังไม่มาตามเพื่อนๆด้วยนะครับ “
“ ไอนิ่ง นี่เรานั่งรถคันไหนวะเนี้ย “ พนาถามกุนด้วยความสงสัย เพราะเขามองเพื่อนทั้งในสาขาและต่างสาขาที่ยืนประจำรถของตัวเอง
“ ถามเขา “ กุนพูดสั้นๆ แต่สายตาไม่ได้หันไปมองเพื่อนอย่างพนาหรือพยายามที่จะมองหารถตัวเองแม้แต่น้อย เพราะเมื่อเขามาถึงเขาก็เห็นกลุ่มของปีขาลแล้วแต่เขายังไม่เห็นใบหน้าของรุ่นพี่หน้าหวานเลยสักนิดตั้งแต่มา มันเลยทำให้กุนรู้สึกสงสัยและไม่สบายใจเท่าไหร่นักเพราะกลัวว่าอีกคนจะป่วยจนมาที่นี่ไม่ได้
“ ไอเชี้ยนิ่ง! “
“ ไอนิ่ง “
“ ไอห่ากุน!! “
พนาตะคอกใส่กุนเสียงดังลั่น เพราะร่างสูงของเพื่อนมัวแต่มองไปยังด้านหลังซึ่งมีกลุ่มของปีขาลยืนอยู่
“ อะไร “ กุนหันมาขมวดคิ้วใส่เพื่อนด้วยความสงสัย
“ นี่มึงไม่คิดจะไปหารถเลยหรอครับเพื่อน ถ้าตกรถขึ้นมาจะทำยังไงครับ “ พนาท้าวเอวมองเพื่อนอย่างหาเรื่อง
“ อืม ไป “ กุนพยักหน้าและทำท่าจะเดินไปทางด้านหน้าซึ่งมีรุ่นพี่ผู้หญิงที่คอยเช็กชื่อให้พวกเขาอยู่ แต่ไม่ทันที่พนาและกุนจะได้เดินไปถึงตัวของรุ่นพี่ผู้หญิงที่พวกเขาเห็น จู่ๆไหล่แกร่งของกุนก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้ กุนหยุดชะงักและหันมามองทันทีรวมทั้งพนาเองก็หันมามองด้วยเช่นกัน
“ พี่ฟิว “ พนาเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“ พี่รู้ว่าเรากำลังหารถที่จะเข้าไปนั่ง แต่ไม่ต้องไปหาแล้ว พวกพี่เตรียมรถไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว “ ฟิวพูดยิ้มๆ พนากับกุนมองหน้ากันทันทีด้วยความสงสัย
“ พี่ปีขาลอยู่ที่ไหนครับ แล้วได้มาหรือเปล่า “ กุนถามคำถามที่เขาสงสัยอยู่ทันที
“ หึหึ มันอยู่บนรถ พอดีว่า..มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยหนะ “ ฟิวส่งยิ้มบางๆให้กับรุ่นน้องทั้งสองคน
“ แล้วนี่พวกผมต้องไปนั่งกันคันไหนหรอครับพี่ “ พนาถามขึ้น
“ คันเดียวกับพวกพี่นี่ไง “ ฟิวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ ห๊ะ/ครับ? “ ทั้งคู่ร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“ อื้อ ไม่ต้องหาหรือสงสัยอะไรกันหรอก เพราะรถมันไม่พอ..พวกพี่เลยให้พวกเราย้ายมานั่งคันพวกพี่แทน แต่ก็ไม่ได้มีแค่เราสองคนหรอกนะ ปีหนึ่งบางคนก็ย้ายไปนั่งคันของปีสามก็มี “ ฟิวอธิบาย
“ อ๋อ..ครับ “ พนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ พี่เขา…โอเครึเปล่าครับ “ กุนถามฟิวเสียงเครียด
“ ดูท่า..เราจะเป็นห่วงเพื่อนพี่มากเลยนะ “ ฟิวอมยิ้มนิดๆแล้วมองหน้ากุนนิ่ง
“ ครับ ผมห่วง “ กุนยอมรับออกมานิ่งๆอย่างไม่เขินอาย พนาหันขวับมองเพื่อนทันทีด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเพื่อนเขามันจะกล้ายอมรับออกมาตรงๆแบบนี้
“ หึหึหึ ดี ตรงดี เอาเป็นว่าเราไม่ต้องห่วงมันหรอกนะ มันไม่เป็นอะไรมากหรอก “ ฟิวบอกและยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา
“ พี่ตอนนี้รถใกล้จะออกแล้ว เราสองคนรีบไปที่คันพี่เลยดีกว่า จะได้เอากระเป๋าไปวางและจะได้ขึ้นรถกัน “ ฟิวพูดยิ้มๆและเดินนำปีหนึ่งทั้งสองมาที่รถ
“ มึงว่าแม่งแปลกๆปะวะ “ พนากระซิบถามกุนด้วยความสงสัย
“ อะไรแปลก “ กุนขมวดคิ้วหันไปถามเพื่อนสนิท
“ รถบัสที่นั่งได้เกือบห้าสิบคนเนี้ยนะจะเต็ม คณะเรารวมๆแล้วมันดูเยอะขนาดนั้นเลยหรอวะมึง “ พนาเกาะไหล่แกร่งของกุนแล้วมองตามหลังฟิวที่เดินนำไป
“ กูไม่รู้ ตอนนี้กูห่วงแค่เขา “ กุนพูดจบก็เดินนำพนาออกไปทันทีเพราะต้องการอยากเจอหน้าของปีขาลให้เร็วที่สุด
“ รักกูจริงๆเลยนะมึงเนี้ย ห่วงว่าที่เมียจนทิ้งเพื่อนอย่างกู “ พนาได้แต่ถอนหายใจตามหลังเพื่อนสนิทไปด้วยความเอือมละอา แต่เขาเองก็เข้าใจความรู้สึกของกุนดีเพราะด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน