“ คุณชื่ออะไรครับปีหนึ่ง “ ปีขาลเดินเข้ามาใกล้กุนเรื่อยๆพร้อมกับถามชื่ออีกฝ่ายเสียงนิ่ง
“ ผมชื่อกุนครับ ดนัย สรียพงศ์ “ กุนลุกขึ้นตอบด้วยท่าทีปกติ ปีขาลปลายตามองที่ป้ายชื่อของคนตรงหน้านิดๆ
“ ทำไมคุณถึงไม่ทำตามที่ผมสั่งครับ “ ปีขาลถาม
“ ผมทำแล้วครับ เพียงแค่ไม่ได้หยิบมันมาด้วย “ กุนตอบปีขาลนิ่งๆ
“ นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่ผมอยากได้ยินจากปากของปีหนึ่งอย่างพวกคุณครับ “ ปีขาลตอบกลับเสียงนิ่งเช่นกัน พร้อมกับจ้องมองกุนอย่างไม่ละสายตา
“ มึงว่าไอขาลมันจะแดกหัวน้องมั้ยวะ “ นับวันเอียงหน้ากระซิบถามป้องด้วยความสงสัยและหวั่นใจไม่น้อย
“ กูว่าใกล้ละ มึงก็รู้นี่ว่านิสัยของไอขาลมันเป็นยังไง “ ป้องตอบกลับเสียงเครียดเช่นกัน
“ ผมบอกว่าผมลืมครับ มันไม่ใช่ข้ออ้างของผมที่ไม่ได้ทำตามที่พี่สั่ง แต่ผมลืมหยิบมาด้วยก็เท่านั้น “ กุนบอกเหตุผลให้อีกฝ่ายฟัง
“ คุณจะลืมหรือไม่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมครับ ที่ผมต้องการคือวันนี้..พวกคุณทุกคนจะต้องมีกระดาษมาส่งผมคนละห้าแผ่น ผมไม่สนใจครับว่าคุณจะใช้วิธีการใดในการนำมันมาส่งให้ผม แต่ที่ผมรู้คือผมต้องได้รับกระดาษของพวกคุณ “ ปีขาลมองไปที่เด็กปีหนึ่งที่มองเขาอยู่และรวมถึงคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน
“ ……… “ กุนนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรปีขาลออกไปเพราะเขาเองก็รู้ดีว่าครั้งนี้เพื่อนของเขาผิดจริงๆ
“ งั้นผมขอถามพวกคุณทุกคนหน่อยนะครับว่าถ้าวันนึงพวกคุณต้องไปสมัครงานที่บริษัทแล้วคุณไม่ได้นำเอกสารของคุณไปด้วยเหตุผลก็เพราะว่าลืม โดยที่บริษัทของคุณนั้นรับพนักงานเพียงแค่ห้าคน ซึ่งตัวของคุณเองก็คิดว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิ์นั้นของบริษัทที่คุณจะไปสมัคร พวกคุณจะทำยังไงครับ “ ปีขาลมองไปที่ปีหนึ่งรอบๆนิ่งๆ
“ พวกคุณจะเดินไปบอกคนที่รับคุณเข้าทำงานว่าคุณลืมเพียงเพราะคุณหวังว่าคนที่รับคุณเขาจะเห็นใจคุณอย่างนั้นหรอครับ และถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทนั้นคุณจะรับคนที่ไม่มีความเตรียมพร้อมที่จะทำงานให้คุณมั้ยครับ “ ปีขาลมองหน้าเด็กปีหนึ่งทุกคนและถามขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนต่างนั่งก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด เพราะส่วนมากนั้นไม่ได้ทำตามที่ปีขาลสั่ง
“ ใครที่ลืมหรือไม่ได้ทำเหมือนเขา ผมขอให้ยืนขึ้นครับ “ ปีขาลมองไปรอบๆและพูดขึ้น มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นยืนเหมือนกับกุน
“ หึ คำสั่งของผมมันคงไปไม่ถึงพวกคุณสินะ ไม่เป็นไรครับ บางทีพวกคุณอาจจะไม่ได้ยืดเส้นยืดสายจนทำให้พลังงานที่มีมันไม่ไปหล่อเลี้ยงระบบการรับฟังของพวกคุณ เดี๋ยวผมจะช่วยกระตุ้นมันเองครับ ปีหนึ่งลุกขึ้นทั้งหมด! “ ปีขาลหันหลังและเดินไปยืนประจำที่เดิมของตัวเอง พร้อมกับมองไปยังเด็กปีหนึ่งที่มองเขาอยู่เช่นกัน
“ มึงว่าไอขาลมันจะทำเชี้ยไรวะ “ ฟิวกระซิบถามพอสด้วยความสงสัย
“ มึงดูมันไม่ออกหรอไง มึงลองดู “ พอสพยักหน้าไปทางปีขาลที่ยืนอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
“ ปีหนึ่งทั้งหมดลุกนั่งสองร้อยครั้ง! ปฎิบัติ!! “ ปีขาลสั่งเสียงเข้ม
“ หนึ่ง! สอง สาม สี่… “ ปีหนึ่งทุกคนต่างก็ลุกนั่งตามที่ปีขาลสั่ง ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยและไม่ชอบในสิ่งที่ปีขาลสั่งเลยก็ตาม แต่ด้วยความที่ปีขาลเป็นรุ่นพี่มันก็เลยทำให้ปีหนึ่งอย่างพวกเขาทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากทำตามที่เฮดว๊ากอย่างปีขาลสั่งก็เท่านั้น
“ ดังกว่านี้ครับ!! “ ปีขาลตะคอกเสียงดังลั่น
“ เก้าสิบหก!! เก้าสิบเจ็ด! เก้าสิบแปด… “ เสียงปีหนึ่งดังก้อง
.
.
“ ร้อยเก้าสิบเก้า สองร้อย!! “ เมื่อครบกำหนดก็ทำให้ปีหนึ่งทุกคนหยุดทันที
“ ในวันพรุ่งนี้ผมหวังว่าพวกคุณคงจะพร้อมกันมากกว่านี้นะครับ “
“ จำเอาไว้นะครับถ้ามีใครสักคนนึงไม่ทำตามคำสั่ง คนที่เหลือก็จะต้องโดนทำโทษเหมือนกันหมด..ไม่เว้นใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมหวังว่าในวันพรุ่งนี้พวกคุณคงจะพร้อมกันมากกว่านี้นะครับ เลิกประชุมเชียร์ได้ครับ “ ปีขาลพูดจบก็หันไปมองกุนที่ยืนมองเขาอยู่นิ่งๆ
“ ปีหนึ่ง เคารพ! “ ต่อตะโกนบอกกันรุ่นน้องก่อนที่กลุ่มปีสามจะเดินออกไป
“ สวัสดีค่ะ/ครับ “
——————–
“ เชี้ยยยอย่างปวดขาเลยสัส “ พนาบ่นออกมาทันที่กลับถึงห้อง
“ ………. “ กุนไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนกลับไป เขาเพียงแค่เอากระเป๋าของตัวเองไปวางเก็บไว้ที่เดิมนิ่งๆก็เท่านั้น
“ นี่มึงโกรธกูปะเนี้ย “ พนาถามกุนอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะเขาเองก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนโดนหมายหัวจากรุ่นพี่หน้าโหด กุนหันไปขมวดคิ้วใส่พนาด้วยความสงสัย
“ โกรธอะไรของมึง กูแค่เหนื่อยๆเหมือนมึงนี่แหละ “ กุนอธิบาย พร้อมกับเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดราวเอาไว้
“ เอาจริงๆกูว่าวันนี้ไอพี่ว๊ากอะไรนี่มันทำเกินไปว่ะ ก็แค่ลืมเอามาปะวะจะอะไรขนาดนั้น “ พนาบ่นออกมาอย่างเคืองๆ
“ มึงลองคิดตามที่เขาพูดดีดี เขาทำโทษมึงเพราะแค่มึงลืมจริงๆหรอ “ กุนหันมาบอกพนาเสียงนิ่งและเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทีปกติ ทิ้งให้พนาได้แต่มองตามหลังเพื่อนสนิทไปอย่างงงๆ
“ อะไรของมันวะ อารมณ์เสียอะไรใส่กูอีกเนี้ยย “
.
.
.
“ มึงไม่ลงโทษน้องมันแรงไปหน่อยหรอวะไอขาล “ นุถามเพื่อนเมื่ออยู่ในห้องประชุม
“ กูว่าไอขาลทำถูกแล้วว่ะ “ ป้องพูดแทรกขึ้น เพราะครั้งนี้เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ปีขาลทำจริงๆ
“ ยังไงวะไอป้อง “ นุหันไปถามป้องด้วยความสงสัย
“ ให้ไอขาลมันอธิบายแล้วกัน “ ป้องหันไปมองปีขาลนิดๆ ปีขาลเองก็มองหน้าเพื่อนทุกคนนิ่ง
“ ที่กูทำกูแค่อยากให้พวกน้องๆมันมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ถึงที่กูสั่งมันอาจจะมากไปแต่ถ้าน้องมันแสดงให้กูเห็นสักนิดว่ามันมีความพยายามในการทำกูจะไม่ว่าอะไรมันเลย แต่นี่พวกน้องมันกลับทำให้กูเห็นว่าคำพูดกูมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย มึงจะไม่ให้กูลงโทษได้ยังไง “ ปีขาลบอกสิ่งที่ตัวเขาคิด
“ แล้วน้องมันจะเข้าใจสิ่งที่มึงทำหรอวะ “ พอสถามด้วยความสงสัย
“ ไม่เข้าใจตอนนี้สักวันก็ต้องเข้าใจอยู่ดี อยู่ที่ใครจะฉลาดก่อนกันแค่นั้น “ ปีขาลบอกอย่างสบายๆ
“ หึหึหึ เออว่าแต่..วันนี้ไปร้านเดิมปะ เดี๋ยวนัดพวกไอซุงไปที่นั่นรอเลย “ ป้องถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ เรื่องนี้มึงไวเหลือเกินนะไอสัสป้อง “ ฟิวแซวเพื่อนยิ้มๆ
“ หรือว่ามึงไม่คิดเหมือนกูครับ “ ป้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ ผมคิดทุกลมหายใจครับ ฮ่าๆๆๆ “ ฟิวหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ ไอสัส หึหึหึ “ ป้องได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ
“ ตกลงมึงไปปะเนี้ยไอขาล “ นุหันไปถามเพื่อนที่นั่งนิ่งๆมองป้องกับฟิวคุยกัน
“ เออ “ ปีขาลพยักหน้านิดๆ
“ งั้นตอนนี้ก็แยกย้ายได้ครับผม ปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้ครับบบ “ ป้องลุกขึ้นบอกกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
คลับBBN
“ ไงครับเพื่อนน กว่าจะมากันได้นะไอสัสส “ ซุงเพื่อนต่างคณะของปีขาลทักขึ้นยิ้มๆเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมากันครบแล้ว
“ มึงถามคุณเฮดว๊ากท่านเถอะครับ กว่าจะหาเสื้อผ้าใส่ได้แต่ละชุด “ ป้องได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ เจ้าเก่าเจ้าเดิมสินะพี่ขาลกู “ ซุงได้แต่หัวเราะพร้อมกับถอนหายใจออกมานิดๆ เพราะนี่นับว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้
“ มาข้างนอกมึงจะให้กูใส่กางเกงบอลมาหรือไง “ ปีขาลบอกอย่างกวนๆ
“ ถ้ามึงไม่มัวแต่ดูกฎข้อห้ามขอเฮดว๊ากที่พี่ปีสูงส่งมา ป่านนี้มึงก็ไปอาบน้ำแล้วมาถึงที่นี่นานแล้วเหอะไอห่า “ ป้องโต้ตอบกลับไปเช่นกัน
“ พอๆๆพวกมึงเลิกเถียงกันได้ละ เออนี่กูมีเรื่องจะบอกพวกมึง “ ซุงรีบยกมือเพื่อห้ามทับระหว่างเพือ่นรักทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“ เรื่องไรวะ “ ฟิวถามพร้อมกับยื่นแก้วไปให้นุชงเครื่องดื่มให้
“ พอดีว่าลูกพี่ลูกน้องกูมันมาเรียนที่นี่ด้วยว่ะ แถมเรียนคณะเดียวกับมึงอีก กูว่าจะขอฝากน้องกูให้พวกมึงดูแลหน่อยว่ะ “ ซุงบอกกับเพื่อนยิ้มๆ
“ น้องมึงนี่ใครวะ “ ป้องขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ มันชื่อ.. “