“ พนาๆ “ หนิง หญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมคณะของพนาและกุนเดินมานั่งข้างๆพนาที่กำลังทำเชือกอยู่ พร้อมกับสะกิดเสื้อของพนาเบาๆ พนาหันมาทางด้านหลังของเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มให้กับสาวสวยตรงหน้า
“ ว่าไงครับหนิง “
“ เราถามอะไรพนาหน่อยสิ คือ..กุนเขาเป็นอะไรอ่ะ หน้าเขาเหมือนโกรธใครตลอดเวลาเลย เพื่อนเราจะเข้าไปทักยังไม่กล้าเข้าไปเลยอ่ะ กลัวกุนหงุดหงิดใส่ “ หนิงถามพนาเสียงเบาเพราะกลัวว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆพนาจะได้ยิน
“ เอ่อ..ไม่มีไรหรอก มันแค่..เหนื่อยๆนิดหน่อยหนะ “ พนาส่งยิ้มแห้งๆไปให้หญิงสาวตรงหน้า
“ ว่างกันมากหรอ “ กุนพูดขึ้นเสียงเรียบ โดยที่ใบหน้าก็ไม่ได้หันไปมองพนาและหนิงเลยสักนิด พนาและหนิงสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่ากุนจะพูดขึ้น
“ เอ่อ..เราว่า..เราไปช่วยทางนู้นก่อนดีกว่า ไปก่อนนะพนา “ หนิงเหลือบตาไปมองกุนนิดๆ
“ เรา..ไปก่อนนะกุน “ หนิงยิ้มแหยๆให้กับทั้งสองคนและค่อยๆลุกเดินออกไป พนาหันไปมองหน้ากุนทันทีเมื่อหญิงสาวลุกไปแล้ว
“ ไอเชี้ยนิ่ง! มึงทำหน้าให้มันดีดีหน่อยไม่ได้หรอวะ แม่ง เขากลัวหน้ามึงกันหมดแล้วเนี้ย “
“ หน้ากูก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว จะให้กูยิ้มตลอดเวลาหรอ “ กุนเงยหน้ามองพนานิดๆและหันไปร้อยเชือกต่อ
“ ถ้ามึงไม่ได้หึงเขาจนทำอะไรไม่ได้ หน้ามึงจะดีกว่านี้อีกครับเพื่อน “ พนาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ ถ้าคนของมึงอยู่ใกล้กับผู้ชายคนอื่นบ้าง มึงไม่พูดกับกูแบบนี้ “ กุนปลายตามองไปที่พนานิดๆและลุกขึ้นเพื่อเอาเชือกที่ร้อยเสร็จแล้วไปต่อกับคนอื่นๆ
“ เมียกูไม่เหมือนเมียมึงหรอกเว้ย “ พนาพูดตามหลังกุนไปเบาๆและลุกขึ้นตามเพื่อนสนิทไป
———————
18:00น.
“ ผมขอตัวแทนหนึ่งคนที่ออกมาเสนองานที่พวกคุณทำไว้ตรงหน้าผมด้วยครับ “ ปีขาลเอามือไขว้หลังและมองหน้าเด็กปีหนึ่งที่ยืนเรียงแถวกันอยู่
ตรงหน้าของเขามีเชือกที่เป็นรูปเกียร์อยู่ ซึ่งพวกเด็กปีหนึ่งนั้นเอามาวางไว้โดยมีกล่องลังขนาดใหญ่เป็นฐานรอง
“ ผมครับ “ อินยกมือขึ้นเพราะเขาได้รับการโหวดให้เป็นตัวแทนในการอธิบายเชือกที่ร้อยเป็นเกียร์ที่พวกเขาได้ทำ
“ รหัสอะไรครับ “ ปีขาลเดินเข้าไปใกล้กับอินและถามขึ้น
“ 6712ครับ “ อินตอบ
“ ความหมายของเกียร์ที่พวกคุณทำ มันหมายถึงอะไรครับ “ ปีขาลถามเสียงนิ่ง อินสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเริ่มอธิบายให้ปีขาลได้เข้าใจ
“ เกียร์ที่พี่เห็นอยู่ตรงหน้ามันคือเกียร์ที่สร้างมาจากความตั้งใจของพวกเราทั้งหมดจริงๆครับ พวกเราตั้งใจที่จะร้อยเชือกทั้งหมดเพื่อให้มันได้เป็นรูปเป็นร่าง มันอาจจะยากลำบากและเหนื่อยมากแค่ไหนแต่พวกเราทั้งหมดก็ไม่มีใครเลยที่จะท้อแท้กับมัน สิ่งที่พวกเราได้รับรู้ในการทำเกียร์ชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองนั่นก็คือ..ความสำคัญและความพยายามของพวกเราชาววิศวะครับ “ อินถอยหลังไปที่กลุ่มเพื่อนตามเดิมและหันซ้ายและขวาพร้อมกับสื่อสารบางอย่างเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้
“ ได้โปรดรับพวกเราเป็นรุ่นน้องของพวกพี่ด้วยนะครับ/คะ!!! “
สิ้นสุดเสียงของปีหนึ่ง พวกของปีขาลก็หันมองหน้ากันทันทีด้วยความปลื้มปิติในใจ แม้กระทั่งปีขาลเองที่ยืนอยู่ตรงกลางคนเดียวก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของรุ่นน้องทุกคนที่พยายามกับสิ่งที่เขาได้ให้ไป
“ พวกคุณ..เก่งกันมากนะแต่…ผมว่ามันง่ายไป การที่พวกคุณมาทำแบบนี้กับผมแล้วคิดว่าผมจะใจดี! ยอมมอบเกียร์รุ่นให้พวกคุณอย่างนั้นหรอครับ!! พวกคุณมั่นใจมากกันเกินไปรึเปล่า! “
“ ผม ไม่ ให้ ผ่านครับ! “ ปีขาลพูดจบก็เดินหันหลังไปยืนอยู่กับพวปของป้องทันที ท่ามกลางความตกใจของปีหนึ่งทุกคนที่ตอนนี้มองหน้ากันด้วยความเสียใจอย่างปิดไม่มิด
“ ที่พวกผมไม่ให้พวกคุณผ่านในตอนนี้ก็เพราะพวกผมให้พวกคุณผ่านตั้งนานแล้วครับ! “ ป้องตะโกนบอกรุ่นน้องที่อยู่ตรงหน้ายิ้มๆ ทุกคนต่างยิ้มกว้างออกมาทันทีด้วยความดีใจและมองไปยังกลุ่มของปีขาลด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งแทบไม่เคยที่จะมอบให้กลุ่มรุ่นพี่กลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำแต่วันนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าคนที่เขาไม่ชอบหน้าและไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่พวกเขาคิด
“ พวกผมต้องขอโทษทุกๆอย่างที่เคยทำลงไปด้วยนะและก็ต้องขอโทษถ้าได้พูดจาหรือทำอะไรไม่ดีใส่พวกคุณทั้งหมดไป ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจอ่ะนะ “ ฟิวมองไปที่น้องๆยิ้มๆ
“ ทำไมมึงไม่ขออโหสิกรรมพวกน้องๆมันด้วยเลยวะ “ ป้องหันไปมองฟิวด้วยความสงสัย
“ สัสป้อง! เขาจริงจังกันอยู่ไอห่า “ นุกัดฟันบอกป้องเสียงเข้ม
“ เอ้าก็กูสงสัยนี่หว่า “ ป้องบอก ทุกคนต่างมองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ที่เคยนิ่งขรึมด้วยความขำขัน เพราะไม่คิดว่าคนที่เคยหน้านิ่งใส่พวกเขาจะมีมุมอะไรแบบนี้ด้วย
“ เอาเป็นว่าพวกผมทุกคนต้องขอโทษและก็ขอบคุณพวกคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีด้วยนะครับ พวกเราทุกคน..ยินดีต้อนรับพวกคุณมาเป็นรุ่นน้องของพวกเราครับ “ ฟิวพูดยิ้มๆ
“ เอาละพวกพี่จะขออนุญาตแนะนำตัวกับพวกน้องๆใหม่นะ พี่ชื่อฟิวครับ “ ฟิวชี้ไปที่ตัวเองยิ้มๆและเดินเลี่ยงไปด้านข้างเพื่อให้คนอื่นๆได้ทำการแนะนำตัวใหม่
“ พี่ชื่อป้องนะจ๊ะน้องๆ “ ป้องยิ้มกว้างและแสดงนิสัยของตัวเองออกมาทันทีโดยไม่เก็บอาการอีกต่อไป
“ พี่ชื่อปีขาลนะ หรือเรียนสั้นๆว่าพี่ขาลก็ได้ “ ปีขาลกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ทว่าสายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของกุนกำลังมองมาที่เขาอยู่พอดี เขาหลบตาที่อีกฝ่ายมองมานิดๆเพราะจู่ๆก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ พี่ชื่อพอสนะ โทษทีที่เคยดุ “ พอสเอามือสอดเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองนิดๆและยิ้มมุมปากเช่นกัน
“ พี่ชื่อนุนะครับน้องๆ ปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่องเด้อ “ นุยิ้มกว้างอย่างทะเล้น
“ พี่ชื่อนับวันนะครับ อยากรู้เรื่องไรก็ถามพี่ได้เหมือนกันนะ ยกเว้นเรื่องเดียวที่พี่จะช่วยไม่ได้ “ นับวันชี้นิ้วชี้ขึ้นมา
“ เรื่องไรวะ “ ป้องถามด้วยความสงสัย
“ เรื่องยืนตังค์กูนี่แหละสัส แค่นี้กูก็ยังไม่มีจะแดกเลยจะเอาห่าอะไรให้น้องมันยืม “
“ สัส “ ป้องด่านับวันยิ้มๆ รุ่นน้องปีหนึ่งทุกคนต่างก็อมยิ้มให้กับการแนะนำตัวของรุ่นพี่แต่ละคน ซึ่งพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าบรรยากาศมันจะอบอุ่นถึงขนาดนี้
“ ต่อไปเป็นพิธีมอบเกียร์นะครับ เชิญเฮียมอบเกียร์ให้น้องๆได้เลยครับ “ ต่อพูดใส่ไมค์พร้อมกับเอ่ยสรรพนามของปีขาลขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง เพียงดาวถือสร้อยคอที่มีรูปเกียร์ของรุ่นนี้เอามาส่งให้ปีขาลและคนอื่นๆได้มอบให้กับพวกรุ่นน้องแต่ละคน
“ เชิญทุกคนต่อแถวเพื่อรับเกียร์ครับ “ ต่อเอ่ยยิ้มๆ