เคลียร์นะเฮีย! เป็น’เมีย’ผมนะ – ตอนที่ 31

หลังจากจบกิจกรรมมอบเกียร์ให้กับปีหนึ่งแล้ว ปีขาลและคนอื่นๆก็มานั่งตั้งวงเพื่อสังสรรค์กัน เพราะในวันนี้พรุ่งนี้จะเป็นวันที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้วเพราะจะได้เวลากลับมหาลัยตามกำหนด

บอล ยิ้ม น่าน พนาและกุนเดินเข้ามาใกล้กับกลุ่มของปีขาลที่นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ในตอนแรกพวกของบอลเองก็ไม่ได้กล้าที่จะเข้ามาหากลุ่มของปีขาลเลยสักนิด เพราะตัวของบอลเองก็ยังมีความเกร็งๆอยู่ไม่น้อย แต่พอวันนี้เขาได้เห็นแล้วว่ารุ่นพี่ทั้งหมดไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรเลยสักนิด มันเลยทำให้พวกเขากล้าที่จะเข้าหามากขึ้นส่วนกุนและพนาเองก็รู้นิสัยบางส่วนของพวกปีขาลอยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร

“ พวกผมขอนั่งด้วยได้มั้ยพี่ “ บอลเดินเข้ามาหากลุ่มของปีขาลยิ้มๆ ทั้งหมดเงยหน้ามองไปยังรุ่นน้องทั้งห้าคนที่เดินมาหาพวกเขายิ้มๆ

“ มาๆไอน้อง พวกมึงมานั่งนี่กันมา “ ป้องกวักมือเรียกทั้งหมดให้มานั่งตรงที่ว่างที่มีอยู่ ซึ่งมันก็พอดีสำหรับพวกของกุน

บอลนั่งติดกับป้องส่วนยิ้มก็นั่งต่อจากบอลอีกที ตามด้วยน่าน พนาและกุนซึ่งตัวของกุนนั้นก็นั่งติดอยู่กับปีขาล

“ แดกไรกันดีพวกมึง “ ป้องเอ่ยถามรุ่นน้องยิ้มๆ

“ เดี๋ยวนะไอเชี้ยป้อง นี่มึงเปลี่ยนสีไวไปปะเนี้ย วันก่อนยังเรียกพวกน้องๆมันผมๆคุณๆกันอยู่เลย ไหงตอนนี้เรียกพวกน้องมันว่ามึงแล้ววะ “ ฟิวถามด้วยความสงสัยเพราะเขาค่อนข้างที่จะงงกับการปรับตัวไวของเพื่อนสนิทไม่น้อย

“ เขาเรียกว่าการสร้างสัมพันธ์ที่ดีเว้ยมึงอ่ะไม่รู้เรื่องหรอกกูกำลังสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพวกน้องๆมันอยู่ แล้วอีกอย่างนะนี่แม่งก็จบรับน้องแล้วด้วยใช่ปะวะไอ..มึงชื่อเหี้ยไรนะกูจำไม่ได้ “ ป้องขมวดคิ้วหันไปถามบอลด้วยความสงสัย

“ ผมชื่อบอลครับพี่ “ บอลบอกป้องยิ้มๆ

“ อ๋อเออๆ ใช่มั้ยวะไอบอล “ ป้องกอดคอถามบอลยิ้มๆ

“ ครับพี่ป้อง “ บอลพยักหน้าเห็นด้วยกับป้อง

“ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพวกมึง นี่ถ้าได้เป็นบัดดี้กันนี่กูว่าบันเทิงแน่ๆ “ ฟิวแกล้งแซวขำๆโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ฟิวพูดมามันคือเรื่องจริง

“ นี่พี่ฟิวรู้แล้วหรอพี่ว่าผมกับพี่ป้องเราเป็นคู่บัดดี้กันอ่ะ “ บอลหันไปถามฟิวด้วยความตกใจแต่ไม่ใช่บอลคนเดียวที่ตกใจ ป้องเองที่พึ่งได้ยินก็ตกใจไม่แพ้กัน

“ เอ้านี่มึงจับบัดดี้ได้กูหรอวะ “ ป้องหันมามองหน้าบอลที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ อ้าว แล้วพี่ไม่รู้หรอผมนึกว่าพี่รู้เรื่องแล้วสักอีก ไม่รู้ได้ไงเนี้ยพี่ “ บอลเองก็ถามป้องด้วยความแปลกใจเช่นกัน ป้องกระพริบตาใส่บอลด้วยความงงงวยไม่น้อย

“ มึงจะให้พี่เขารู้กับมึงได้ไงไอห่าบอล ในเมื่อมึงเป็นคนจับได้พี่เขาเองเนี้ย มึงอ่ะต้องเป็นคนไปบอกเขาว่ามึงจับได้พี่เขาเป็นบัดดี้ไม่ใช่ให้พี่เขารู้เองไอฟาย “ ยิ้มหันมาเพื่อนด้วยความสงสัย

“ หรอวะ..เออว่ะแม่งจริงของมึง “ บอลร้องขึ้นอย่างนึกได้

“ กูว่ามึงพาเพื่อนมึงไปนอนก่อนเหอะว่ะ ดูท่าแม่งจะไม่ไหวละ “ นุส่ายหน้ายิ้มๆ

“ แหะๆโทษทีพี่ ผมลืมอ่ะ “ บอลยิ้มแห้งๆด้วยความเขินนิดๆ

“ แล้วนี่พวกมึงจับได้ใครกันบ้างวะ “ นุถามขึ้นอย่างนึกได้

“ ของผมได้พี่วาวพี่ “ น่านยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อได้สาวสวยเป็นบัดดี้

“ แหมมยิ้มกว้างเลยนะมึงไอสัส ได้หลีดคณะไปเนี้ย “ นุแซวยิ้มๆและหันหน้าไปทางยิ้ม

“ มึงอ่ะ “

“ ผมได้พี่ชิมพี่ “ ยิ้มตอบเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก

“ อ๋ออไอเชี้ยชิม..หึหึหึ งานหนักหน่อยนะมึง ไอห่านี่มันเป็นประเภทไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครเท่าไหร่ ถ้ามึงอยากได้อะไรก็ไปตามตัวมันเองก็แล้วกันแต่มึงจะหามันยากหน่อยนะ เพราะแม่งไม่ค่อยวุ่นวายกับใครเท่าไหร่ แม้กระทั่งพวกกูยังแทบจะหามันไม่เจอเลย “ นุส่ายหน้ายิ้มๆและเอื้อมมือมาตบบ่ายิ้มเพื่อให้กำลังใจ

“ แล้วมึงสองคนอ่ะได้ใคร “ นุหันไปทางพนาและกุนที่นั่งติดกัน

“ ของผม..เป็นพี่พอสครับ “ สิ้นสุดเสียงพนา พอสก็หันไปมองร่างสูงของคนตรงหน้าทันที ทั้งสองต่างมองหน้ากันนิ่ง คนนึงกำลังรู้สึกประหม่ากับสายตาของอีกคนที่มองมา ส่วนอีกคนกำลังรู้สึกตกใจกับสิ่งที่พึ่งจะได้ยิน

“ แล้วมึงอ่ะ “ นุหันไปถามกุน

“ ไอนี่มันได้พี่ซูชิครับพี่ “ บอลบอกยิ้มๆ ทุกคนต่างหันหน้ามองไปทางกุนเป็นตาเดียวด้วยความตกใจ

“ เชรดดดกูว่าแม่งโดนยัดเยียดเป็นเดือนแน่ๆ แบบไอเชี้ยพอสไง ฮ่าๆๆ “ ป้องเอ่ยแซวอย่างขำๆเพราะพอสเองก็เคยโดนซูชิบังคับให้เป็นเดือนคณะตอนปีหนึ่งเหมือนกัน เพราะด้วยความที่หน้าตาค่อนข้างจัดไปในทางที่เรียกว่าดีมากเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กไปหน่อยแต่สุดท้ายแล้วพอสก็คว้าตำแหน่งเดือนคณะมาจนได้ ซึ่งตัวแทนเดือนคณะวิศวะจะมีสองคน โดยซูชิได้บอกทั้งปีขาลและพอสว่าไม่สามารถที่จะตัดใจจากใครได้เลยสักคน จึงสั่งให้ทั้งคู่ลงประกวดเดือนคณะไปเลย ซึ่งซูชิเองก็เป็นคนไปพูดคุยกับคณะกรรมการถึงเรื่องที่จะส่งทั้งสองเข้าประกวด และสาเหตุที่กรรมการอนุญาตก็เพราะคณะประมงของมหาลัยของพวกเขาสละสิทธิ์ เหตุก็เพราะผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายส่วนผู้ชายส่วนมากที่คณะนั้นก็ไม่มีใครที่สามารถจะลงประกวดได้เลยสักคน

พอคณะกรรมการที่ต้องตัดสินเข้าใจในเหตุผลเหล่านั้นจึงอนุญาติโดยมีข้อแม้ว่าทั้งสองคนจะม่ามารถที่จะเป็นเดือนมหาลัยพร้อมกันดื้ จะต้องมีคนใดคนนึงเสียสละที่จะไม่ได้เป็นเดือนหรือไม่ก็ได้แค่รองเดือนเท่านั้น ซึ่งทั้งพอสและปีขาลเองก็ตกลงเพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้มีใครอยากจะเข้าประกวดเลยสักนิดแต่ที่ทั้งสองคนยอกก็เพราะซูชิตื้อพวกเขาจนพวกเขาต้องยินยอมลงประกวดเพราะตัดความรำคาญ

**(กรณีที่คณะนึงจะสามารถเป็นเดือนคณะทั้งสองคนได้เป็นเพียงจินตนาการของเค้าเท่านั้นนะคะ เหตุผลก็เพราะ..เค้าไม่รู้ว่าจะเอาใครเป็นเดือนดีเลยให้เป็นทั้งสองคนเลย เค้าพยายามคิดหาเหตุผลที่คิดว่ามันน่าจะสมเหตุสมผลของเรื่องนี้มากที่สุดแล้วนะคะ ถ้าใครคิดว่าไม่เหมาะสมแล้วอยากให้แก้เนื้อเรื่องตรงไหนสามารถพิมพ์บอกเค้าได้เลยนะคะ..ขอบคุณคร้า^^)

“ ผมก็คิดเหมือนพี่เลยพี่ป้อง “ ยิ้มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับสิ่งที่ป้องแซว

“ คุณจะลง.. “ ยังไม่ทันที่ปีขาลจะพูดจบกุนก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ ถ้าไม่ถนัดที่จะเรียกแบบนี้พี่อยากเรียกผมแบบอื่นก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร “

ปีขาลชะงักไปนิดเมื่อได้ยิน เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะอนุญาตให้เขาได้พูดเรียกอีกฝ่ายแบบนี้

“ เรียกมึงได้มั้ยละ “ ปีขาลแกล้งถาม กุนพยักหน้าน้อยๆและพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอีกครั้ง

“ ผมให้พี่เรียกได้ทุกอย่างเลยครับ แต่ถ้าจะให้ดี..เรียกผมว่าที่รักจะดีกว่า “ กุนยิ้มขำนิดเมื่อพูดจบ

“ ไม่ต้องเลยคุณผมจะอ้วก ผมเรียกแบบนี้อ่ะดีแล้ว “ ปีขาลส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อดับอารมณ์ประหม่าที่เกิดขึ้น

“ งั้นก็..ตามใจพี่นะครับแต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกนะ “ กุนพูดยิ้มๆ

“ ไม่ต้องมีกูก็ได้มั้งตรงนี้อ่ะ “ ป้องกรอกตามองบนและแกล้งพูดขึ้นลอยๆ ฟิวและนุต่างก็อมยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากไปขัดขวางทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่

“ คุณจะลงประกวดหรือเปล่า “ ปีขาลถามคำถามต่อจากเมื่อกี้ด้วยความอยากรู้

“ พี่อยากให้ผมประกวดหรือเปล่าละครับ “ กุนย้อนถามกลับไป

“ คุณมาถามผมได้ไงละ คุณสิต้องคิดเองว่าอยากจะประกวดมั้ย “

“ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ “ กุนยิ้มแล้วตอบไปตามที่รู้สึก

“ เอ้าทำไมละคุณ ถ้าคุณประกวดมันก็ดีนะอย่างน้อยก็ยังได้ตำแหน่งแถมยังได้เงินด้วย ดีออก “ ปีขาลมองหน้ากุนด้วยความสงสัย เพราะตอนที่เขาประกวดเขาเองก็ได้เงินรางวัลมาเหมือนกัน

“ พี่อยากให้ผมประกวด? “ กุนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่มุมปากยังมีรอยยิ้มประดับอยู่

ปีขาลเลิ่กลั่กเล็กน้อยเมื่อได้ยินในสิ่งที่อีกคนถาม

“ บะ..บ้าหรอ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย! ที่ผมถามคุณก็เพราะผมแค่บอกเป็นแนวทางเฉยๆไม่ใช่อยากให้คุณประกวดเลยสักนิด “ ปีขาลอธิบายพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าตัวเขาไม่ได้คิดอย่างที่อีกคนพูดเลยสักนิด

“ แล้วตกลง..อยากให้ประกวดมั้ยครับ “ กุนแกล้งเลิกคิ้วถามกลับไป

“ นั่นมันก็เรื่องของคุณสิ มาอะไรผมละ “ ปีขาลเชิดหน้าตอบกลับไป กุนหัวเราะในลำคอนิดๆ คนอื่นๆต่างมองทั้งคู่สลับไปมายิ้มๆโดยไม่มีใครพูดแทรกคนทั้งคู่ ปีขาลมองขวางไปที่กุนนิดๆและหันมามองทุกคนก็พบกับรอยยิ้มแซวของเพื่อนตัวเองและรุ่นน้องที่มองมา

“ พวกมึงมองเหี้ยไรกัน ไม่แดกเหล้ารึไง “ ปีขาลถลึงตาใส่ทุกคนอย่างดุดุ

“ แหมๆๆหวานกันไม่เกรงใจเพื่อนเกรงใจน้องเลยนะมึง “ ป้องพูดแซวยิ้มๆ

“ หวานพ่อมึงสิไอเชี้ยป้อง “ ปีขาลด่าเพื่อนสนิทอย่างป้องเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเขินของตัวเองที่มี

“ เออว่าแต่มึงเถอะไอพนา ปกติกูเห็นมึงอยู่กับไอกุนมึงพูดมากจะตายไม่ใช่หรอวะ ทำไมมานี่เงียบเลยเนี้ย “ ฟิวหันไปถามพนาด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่มาพนาแทบไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้คนขี้สงสัยอย่างเขาอดที่จะเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้

พนาเลิ่กลั่กเล็กน้อยและยกแก้วขึ้นดื่มก่อนที่จะตอบคำถาม

“ อึก! คือ…ผมไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะพี่ “ พนายิ้มแห้งๆพร้อมกับหลบสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วย

“ มึงไม่ต้องไปถามมัน มันไม่สบาย “ พอสพูดขึ้นเสียงนิ่ง และยกแก้วขึ้นดื่มด้วยท่าทีปกติแต่สายตาก็ยังไม่อาจละไปจากใบหน้าของพนาได้

“ มึงเป็นไรมากปะเนี้ย แล้วทำไมไม่บอกพวกกูวะจะได้ไม่พามานั่งกินกับพวกพี่เขาตั้งแต่แรก “ บอลถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง พนาส่ายหน้าน้อยๆ

“ กูไม่ได้เป็นไรมึง “

“ ว่าแต่..มึงไปรู้ได้ไงวะไอพอสว่าน้องมันไม่สบาย “ ป้องหรี่ตามองพอสอย่างจับผิด

“ มึงลืมไปรึเปล่าว่ากูอยู่ห้องเดียวกับมัน “ พอสตอบกลับไปนิ่งๆ ปีขาลหันมาขมวดคิ้วมองพอสด้วยความสงสัยเพราะเมื่อคืนพอสและพนาไม่ได้กลับเข้ามาในห้อง ส่วนกุนเองก็มองพนาสลับกับพอสนิ่งๆโดยไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา เพราะเขาพอรู้อะไรบ้างแล้วเพียงแค่ยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่างก็แค่นั้น

“ เออว่ะ กูลืมไป “ ป้องพยักหน้ายิ้มๆแล้วไม่ถามอะไรต่อ

ทั้งหมดนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปสักพักกุนก็หันไปมองปีขาลนิดๆ

“ พี่เมารึยัง “

“ หึ ยัง ผมกินไปนิดเดียวเองไม่เมาง่ายๆหรอก “ ปีขาลยักคิ้วใส่กุนอย่างกวนๆ

“ ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ “ กุนมองปีขาลด้วยแววตาจริงจัง ปีขาลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ หื้ม? “

“ พี่กับพี่คนนั้นเป็นอะไรกันหรอครับ “ กุนถามอีกฝ่ายเสียงนิ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่ผ่านมา ปีขาลชะงักไปนิดเมื่อฟังจบ

“ พี่..คนไหน? “ ปีขาลถามด้วยความสงสัยเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่อีกคนถามเท่าไหร่นัก

“ พี่ธนา “ กุนเอ่ยชื่อของธนาออกมาสั้นๆ

“ ก็..เขาเป็นรุ่นพี่ที่ผมสนิทด้วยอ่ะ คุณถามทำไมหรอ “ ปีขาลมองหน้ากุนด้วยความไม่เข้าใจ

“ เขาจับผมพี่ เขายิ้มให้พี่ เขามองหน้าพี่และพี่ก็ยอมให้เขาทำทุก อย่าง “ กุนมองหน้าปีขาลนิ่งๆใบหน้าไม่มีรอยยิ้มหลงเหลืออยู่อีกต่อไป

“ ผมไม่ชอบ ผมหึง “

คำพูดสุดท้ายของกุนทำให้ปีขาลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นช็อตนั้นด้วย ซึ่งตอนนั้นปีขาลเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกันแต่เพราะธนาเองทำแบบนี้กับเขาบ่อยจนเขาเองก็รู้สึกชินไปกับสัมผัสนั้นมันเลยทำให้เขาไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร

“ คือผม..เอ่อ.. “ เป็นครั้งแรกที่ปีขาลไม่อาจจะหาคำใดมาอธิบายให้กับร่างสูงตรงหน้าได้

“ พี่คิดอะไรกับเขารึเปล่าครับ “ กุนถามร่างเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปีขาลส่ายหน้าเล็กน้อย

“ เขาเป็นแค่รุ่นพี่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา คุณ..อย่าคิดมากสิ “ ปีขาลจับไหล่แกร่งของกุนเบาๆ กุนก้มมองไปที่มือเล็กของปีขาลนิดๆแล้วยกมือของตัวเองวางทับไปที่มือเล็กของปีขาล

“ โอเคครับ แค่รุ่นพี่ก็แค่รุ่นพี่ “ กุนส่งยิ้มให้กับร่างเล็กด้วยความอ่อนโยน

“ กูนึกว่าระเบิดจะลงละ “ ป้องกระซิบบอกฟิวเบาๆด้วยความโล่งอกฟิวเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ฟิวและป้องเท่านั้นหรอกที่โล่งอก คนอื่นๆที่อยู่รอบๆต่างก็โล่งอกด้วยเช่นกัน

“ ถ้าไอเชี้ยกุนระเบิดนะ…ฉิบหายแน่ๆกูบอกได้คำเดียว “ พนากระซิบบอกน่านเบาๆ น่านเองก็ยิ้มมุมปากอย่างขำๆเพราะเขาเองก็เห็นด้วยในสิ่งที่พนาพูดไม่น้อย

เป็นเมียผมนะ

เป็นเมียผมนะ

ปวดหัวกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับไอเด็กปีหนึ่งที่ชอบแหกกฎอีกงานนี้เขาจะรับมือกับไอเด็กตัวแสบไหวมั้ยนะหรือว่าจะต้องทำโทษให้มันตายไปข้างนึงดีแต่ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ใจเขามันถึงเต้นแปลกๆนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset