วันต่อมา
มหาลัย
“ นี่มึงจะไปไหนของมึงเนี้ยไอกุน “ พนาขมวดคิ้วถามกุนด้วยความสงสัย เพราะหลังจากที่อาจาร์ยประจำวิชาของเขาปล่อยให้ไปพัก กุนก็เดินตรงไปที่ตึกใหญ่ของวิศวะทันที ซึ่งตึกวิศวะของเขานั้นจะมีทั้งหมดสองตึกนั่นก็คือนึกเล็กกับตึกใหญ่ และตึกที่พวกเขาอยู่นั้นก็เป็นตึกเล็ก จะมีเพียงปีหนึ่งและปีสองเท่านั้นที่จะได้เรียนตึกนี้นอกจากนั้นจะได้ไปเรียนที่ตึกใหญ่หมด
“ ไปหาขาล “ กุนหันมาตอบเพื่อนสั้นๆและเดินนำไปโดยไม่อยู่รอพนา ทำให้พนานั้นต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังกุนไป
ตึกใหญ่วิศวะ
“ เขานัดมึงทีไหนวะ “ พนาหันไปถามกุนด้วยความสงสัย
“ ลานเกียร์ “
“ แล้วมึงมาทำเหี้ยไรหน้าตึก “ พนาหันไปมองหน้ากุนด้วยความไม่เข้าใจ เพราะลานเกียร์ที่ว่ามันจะอยู่ทางด้านในซึ่งต้องเดินทะลุตึกใหญ่เข้าไปอีก
“ กูมาดักรอ “ กุนตอบสั้นๆพร้อมกับกอดอกพิงกำแพงที่อยู่ข้างๆ พนาขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่พนาจะได้เอ่ยปากถามเพื่อนสนิทว่าคนที่กุนมารอนั้นเป็นใคร จู่ๆกุนก็ยืนตรงและเดินไปข้างหน้าอย่างเร็ว ทำให้พนาได้แต่มองเพื่อนสนิทด้วยความตกใจ และที่เขาต้องตกใจมากกว่านั่นก็คือ เขามองเห็นว่ากลุ่มของธนาได้เดินมาทางนี้
“ เชี้ยละ! ไอห่ากุนแม่ง เดี๋ยวก็งานเข้าหรอกมึง “ พนาอุทานด้วยความตกใจและรีบวิ่งเข้าไปหากุนอย่างเร็ว
พนาเดินไปจับไหล่กุนแน่นเมื่อเห็นว่ากุนทำท่าจะเดินเข้าไปหาธนาและไม่ได้เดินเข้าไปทักดีดีแน่ๆเขามั่นใจ ซึ่งตอนนี้ทั้งสองต่างจ้องมองกันนิ่งโดยไม่มีใครที่พูดอะไรออกมา มีเพียวสายตาที่ฟาดฟันกันอยู่แค่นั้น
“ อ้าวไอพนาแล้ว..มึงชื่อไรนะ “ ออยชี้ไปทางกุนพร้อมกับหรี่ตามองอีกฝ่ายเพื่อนึกชื่อรุ่นน้องตรงหน้า
“ ไอนี่มันชื่อกุนครับพี่ “ พนาตอบแทนเพื่อนสนิทเพราะเขารู้ดีว่ากุนคงไม่ตอบรุ่นพี่ตรงหน้าแน่ๆ
“ พวกมึงมากันทำไม “ ธนาจ้องกุนสลับกับพนานิ่งๆ
“ ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ “ กุนมองหน้าธนากลับไปเช่นกัน
“ งั้นตามกูมา “ ธนาพูดสั้นๆและเดินนำไปทางด้านข้างของตึกใหญ่เพราะตัวเขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาคุยกับเขาเรื่องอะไร
ทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันโดยอัตโนมัติ พนาเองก็ได้แต่มองกลุ่มรุ่นพี่อย่างเครียดๆ
ครืดดด ครืดดด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้พนาหยิบมาดู และพอรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาเขาก็กดรับทันทีโดยไม่รีรอ
“ ฮัลโหล…พี่รีบมาที่.. “
.
.
“ มึงมีอะไรจะคุยกับกู “ ธนากอดอกมองเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงเท่ากับตัวเขา
“ เมื่อวานที่พี่พูดหมายความว่าไง “ กุนถามเสียงนิ่ง
“ เมื่อวาน…อ๋อที่กูบอกมึงตอนที่มึงจะเสือกไปส่งปีขาลหนะหรอ “ ใบหน้าของธนาดูกวนไม่น้อย
“ ……….. “ กุนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาได้แต่มองอีกฝ่ายนิ่งๆอยู่แบบนั้น
“ ก็ไม่ทำไมนี่ กูก็บอกมึงไปแล้วไง แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอ “ ธนาเอียงคอแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามคนตรงหน้า
“ แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เข้าใจ พี่จะทำไม “ กุนจ้องหน้าธนาเขม็ง
“ หึ มึงคิดหรอว่ามันจะมองคนอย่างมึง เด็กอย่างมึงมีดีอะไรทำไมปีขาลมันต้องสนใจมึงด้วย “
“ แล้วพี่คิดว่าพี่มีดีอะไร ทำไมขาลต้องชอบพี่ด้วยละครับ “ กุนเถียงอีกฝ่ายกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ กูเกิดก่อนมึง รู้จักมันมาก่อนมึง ผูกพันและดูแลมันมากกว่ามึง แค่นี้ก็รู้แล้วมั้ยว่าใครที่จะได้ใจมัน “ ธนากอดอกมองกุนนิ่ง
“ มั่นใจมากไปรึเปล่า ที่บอกว่าผูกพันและดูแลเขามากกว่าผม..ถามจริงนะ พี่เคยหอมแก้มเขารึยัง? เคยอยู่ร่วมห้องกับเขาทั้งคืนรึยัง?แล้วเคยกอดเขารึยัง?เขาเคยให้พี่จูบรึยัง? ถ้ายัง..ก็ไม่ควรมาอวดอะไรที่มันดูไม่ฉลาดนะครับ เพราะอย่างน้อยที่ผมพูดมาทั้งหมด..ผมทำมาหมดแล้ว “
“ และตอนนี้..ผมพูดได้รึยังครับว่าขาลต้องมองผมมากกว่าพี่และพี่…ไม่มีวันชนะผม “ กุนมองหน้าธนาด้วยแววตาดุดันพลางนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อคืนที่เกิดขึ้น…
เหตุการณ์เมื่อคืน
กุนมองร่างของปีขาลที่เมาไม่ได้สติอยู่ที่ไหล่ตัวเองยิ้มๆ
“ เชี้ยขาลแม่งอ่อนสัส แค่นี้แม่งก็เมาละไรวะ “ ฟิวส่ายหน้าน้อยๆเมื่อเห็นว่าเพื่อนคอพับอยู่ที่ไหล่แกร่งของกุน
“ นั่นเด้! กูยางม่ายมาววเรอะ อายเชี้ยขาลแม่งอ่อนนสัสส “ ป้องพูดเสียงอ้อแอ้และยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มอีกครั้ง จนนุต้องดึงแก้วที่อยู่ในมือของป้องออก
“ มึงเมามากแล้วไอสัสป้อง พอได้แล้วมึงเลิกแดก “ นุพูดเสียงดุ ซึ่งตอนนี้คนที่เมามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น มีบอล ป้อง ปีขาล ยิ้มและพนาที่ไม่มีสติ
“ ผมพาเขาไปพักก่อนนะ “ กุนพูดขึ้นแต่สายตาไม่ได้มองคนอื่นเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาโฟกัสใบหน้าหวานที่นอนฟุบที่ไหล่เขาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
“ เดี๋ยวกูพามันไปเอง “ สิ้นเสียงของธนา ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบทันที รวมทั้งป้องที่เมาอยู่ด้วยแต่ก็ยังพอที่จะรู้เรื่องอยู่บ้างถึงจะไม่เต็มร้อยก็ตาม
“ ไม่เป็นไร ผมพาไปเองได้ “ กุนหันหน้าไปตอบธนานิ่งพร้อมกับโอบเอวบางของปีขาลเอาไว้
“ กูว่ากูดูแลมันได้ดีกว่ามึง “ ธนาจ้องมองไปที่แววตาของกุนนิ่ง
“ แล้วคิดว่าผมดูแลไม่ได้หรอครับ “ กุนเองก็จ้องหน้าธนากลับไปอย่างไม่กลัวเช่นกัน
“ กูรู้จักมันมานาน กูว่า..กูน่าจะไว้ใจได้มากกว่ามึงนะ “ ธนากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหนือๆ
“ แล้วไงหรอครับ “ กุนเลิกคิ้วอย่างกวนๆ
“ กูว่ามึงอย่ามามีปัญหากับกูจะดีกว่า “ เสียงเข้มของธนาพูดด้วยความโกรธ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กุนรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ พี่นั่นแหละควรอยู่เฉยๆจะดีกว่า ขาลอยู่กับผม ผมดูแลเขาได้ ไม่ต้องยุ่งจะดีกว่า “
“ เอ่อ..พะ..พวกมึงอย่าพึ่งตีกันสิ “ ฟิวยกมือห้ามด้วยความหวั่นใจ
“ มึงดูแลเด็กในความดูแลมึงให้ดีไอฟิว กูไม่อยากกระทืบเด็ก “ ธนาจ้องกุนเขม็ง
“ พี่..พี่ธนาใจเย็นพี่ น้องมันแค่..แบบ “ ฟิวกลืนน้ำลายลงคอนิดๆเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานการณ์ให้รุ่นพี่เขาฟังยังไงดี
“ ชอบขาลงั้นสิ “ ธนาพูดต่อ
“ แล้วจะทำไมหรอครับ “ กุนพูดสวนกลับไปทันที
ฟิวและคนอื่นๆได้แต่กุมขมับกันอย่างเครียดๆ มีเพียงพอสที่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วนั่งมองอยู่ห่าง
“ ก็ไม่ทำไม เพราะกูรู้ว่าเด็กอย่างมึง มันก็ได้แค่นี้แหละ..กูกับมัน..มีอะไรมากกว่าที่มึงคิด “ ธนายกยิ้มมุมปากอีกครั้ง
กุนทำท่าจะเข้ามาหาธนาแต่ติดที่นุและคนอื่นๆช่วยกันห้ามเอาไว้ก่อน
“ ใจเย็นมึงไอกุนไอห่า “ ฟิวจับไหล่แกร่งของกุนไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้เข้าไปหาธนา ส่วนปิติและออยก็กันเพื่อนของตัวเองเอาไว้เช่นกันเพราะตัวของธนานั้นก็ไม่ยืนอยู่เฉยๆรอให้กุนได้เข้ามาทำเขาฝ่ายเดียวเหมือนกัน
“ พี่มีเหี้ยไรพี่พูดมาเลยดีกว่า! “ กุนตะคอกใส่ธนาเสียงดังลั่น นุ ฟิวและป้องที่ช่วยกันจับกุนก็เริ่มรู้แล้วว่าถ้าธนายังคงกวนโมโหกุนอยู่แบบนี้พวกเขาคงไม่สามารถที่จะรั้งอะไรกุนได้แน่ๆ
“ หึ “ ธนาหัวเราะในลำคอและมองไปยังปีขาลนิดๆ
“ มองเหี้ยไร!! “ กุนตะคอกถามอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ มึงไม่มีวันชนะกูหรอก..ไอหนู “ ธนาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างกวนๆและหันหลังเดินกลับไปยังที่พัก
“ สัส!!! “ กุนพุ่งเข้าไปหาธนาทันทีด้วยความโมโห แต่ป้อง ฟิวและนุช่วยกันรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ทำให้กุนไม่สามารถที่จะเข้าไปหาธนาได้
“ มึงใจเย็นก่อนโว๊ยยย แรงจะเยอะไปไหนวะเนี้ยย “ ฟิวพูดเสียงเครียด