“ รออีกนี่อีกสักพักละกัน มันได้เวลาเข้าเรียนพอดี..ทนไหวมั้ย “ ปีขาลหันไปถามกุนด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้เขาได้พาร่างสูงของกุนและคนอื่นๆมาที่ห้องเรียนของเขา เพราะนี่คือคาบบ่ายแล้วซึ่งเขาจะต้องเรียนวิชานี้อีกหนึ่งวิชาก่อนที่จะได้กลับบ้านไปพัก เดิมทีที่นั่งของเขาจะอยู่ติดกับป้องซึ่งอยู่ข้างหน้าต่าง แต่ไอเพื่อนตัวดีของเขามันอยากจะเปิดทางให้รุ่นน้องอย่างกุนเสียเหลือเกิน โดยการที่เจ้าตัวย้ายตัวเองไปนั่งทางด้านหลังและให้กุนมานั่งข้างเขาแทน ถัดจากถัดก็จะเป็นพนาและพอสที่นั่งอยู่ ส่วนข้างหลังพอสก็จะเป็นนุ ฟิวและตามด้วยป้อง
“ กุนไม่เป็นไรครับ ขาลเรียนไปเถอะ “ กุนพูดเสียงหวาน
“ ตอแหล “ เสียงของพนาดังขึ้นด้วยความหมั่นไส้
“ อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาหน่า “ พอสพูดกับอีกฝ่ายยิ้มๆแล้วลูบหัวเล็กด้วยความเอ็นดู ซึ่งพนาเองก็เอียงหัวไปทางพอสนิดๆอย่างอ้อนๆ
ป้องและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ทางด้านหลังต่างก็หันมองหน้ากันด้วยความงงไม่น้อย ยกเว้นกุนและปีขาลที่พอจะมองอะไรออกบ้างอยู่แล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่แล้วยิ่งกุนที่เป็นเพื่อนสนิทของพนานั้นยิ่งไม่รู้สึกตกใจอะไรเลยสักนิดเพราะพอที่จะรู้เรื่องราวของคู่นี้มาบ้างแล้ว
“ เดี๋ยวนะ..นี่พวกมึงมีเชี้ยไรที่ยังไม่ได้บอกพวกกูรึเปล่าเนี้ย “ ป้องขมวดคิ้วแล้วถามด้วยความสงสัย พอสยักไหล่นิดๆแล้วหันไปมองพนาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง พนาเองก็ได้แต่อมยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรกลับไปเช่นกัน
“ กูว่ามึงไม่ต้องถามพวกแม่งหรอก แค่นี้มึงก็น่าจะดูออกแล้วปะว่าพวกแม่งอ่ะ..คบกัน “ นุพูดพลางถอนหายใจออกมานิดๆ
“ เชี้ย!! “ ฟิวและป้องร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ คนครับไม่ใช่เชี้ย “ พอสหันมายักคิ้วใส่เพื่อนอย่างกวนๆ
“ นะ..นี่จริงจังปะเนี้ยสัส พวกมึงไม่ได้ล้อกูเล่นใช่ปะ “ ฟิวถามอย่างอึ้งๆ
“ หน้ากูเหมือนคนล้อเล่นรึไง “ พอสเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างกวนๆ
“ พวกพี่อย่าสงสัยมากเลยหน่า พวกผมคบกันก็ดีกว่าทะเลาะกันรึเปล่าละ “ พนาหันไปยักคิ้วใส่รุ่นพี่ทั้งสามคนอย่างกวนๆ ป้องทำท่าจะตบหัวของพนาด้วยความหมั่นไส้แต่พอสยื่นมือมาบังหัวเล็กของพนาเอาไว้ก่อน แล้วมองใส่ป้องอย่างดุดุ
“ กูยังไม่ทันได้ตบมันเลยเว้ยย ไม่ต้องมองเหมือนจะแดกหัวกูหรอกไอห่า “ ป้องค่อยๆเอามือลงอย่างเซ็งๆ
“ อย่าทำมัน “ พอสพูดสั้นๆแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งและจริงจังไม่น้อย ทำให้เพื่อนๆทุกคนที่ได้ยินถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงเพราะไม่คิดว่าพอสจะอาการหนักขนาดนี้
“ กูไม่รู้ว่าจะสงสารมึงหรือควรจะดีใจกับมึงดีไอพนา “ นุหันไปบอกพนาพร้อมกับส่ายหน้านิดๆ เพราะกิตติศัพท์ของพอสนั้นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“ เชี้ยนุเงียบปากไปเลยไอสัสนี่ “ พอสถลึงตาใส่นุอย่างดุดุ พนามองรุ่นพี่ทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความสงสัย เพราะตัวของเขาก็พึ่งลองให้โอกาสรุ่นพี่ตรงหน้าโดยที่ไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของอีกฝ่ายมากนัก
“ พี่มีอะไรที่ยังไม่บอกผมอีกรึเปล่า “ พนาจ้องหน้าพอสด้วยสายตาคาดคั้น
“ กูบอกมึงไปหมดแล้วไง จะให้บอกอะไรอีกละ..กูไม่มีอะไรปิดบังมึงหรอกนะ ไว้ใจกันด้วยครับ “ พอสหยิกแก้มขาวด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ แน่นะ “ พนาหรี่ตามองอีกฝ่าย
“ แน่ดิ ถ้าไม่แน่จะขอคบทำไมละ หื้ม? “ พอสพูดเสียงนุ่มพร้อมกับลูกหัวเล็กเบาๆ
“ ถ้านี่ไม่ใช่ห้องเรียนกูว่าได้ถอดเสื้อผ้าแสดงความรักต่อกันแน่ๆ กูมั่นใจ “ ป้องท้าวคางและมองเพื่อนสนิทกับรุ่นน้องสลับกันไปมา พนากับพอสหันขวับมาทางป้องทันที
“ พี่รู้ด้วยหรอว่าพวกผมจะทำแบบนั้นกันอ่ะ เฮ้ย! เก่งว่ะรู้ด้วย “ พนาแกล้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ซึ่งทุกคนต่างก็มองออกว่าอีกฝ่ายกำลังกวนป้องอยู่
“ อาจาร์ยมาแล้วไอสัส “
ก่อนที่ป้องจะได้พูดสวนหรือด่าอะไรพนากลับไปเสียงของนุก็ดังขึ้นพร้อมกับแรงสะกิดไม่ให้ป้องพูดอะไรต่อ ป้องได้แต่มองขวางไอที่พนาอย่างหาเรื่อง
“ หึหึ “ พอสส่ายหน้ามองคนรักยิ้มๆ
“ นี่ “ ปีขาลกระซิบเรียกกุนที่อยู่ข้างๆ กุนหันหน้าไปทางปีขาลยิ้มๆแล้วมองด้วยความสงสัย
“ …ไม่มีอะไร “ ปีขาลตัดสินใจไม่ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไป
เมื่อเขาสบตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนตรงหน้ามันก็ทำให้คำถามที่เขาอยากจะถามถูกกลืนหายไปกับลมทันที ในใจของปีขาลนั้นอยากจะถามอีกฝ่ายเหลือเกินว่าคิดดีแล้วหรอที่ชอบคนอย่างเขา ทั้งๆที่ตัวเขานั้นผ่านอะไรมามากมาย สิ่งเลวร้ายต่างๆและเหตุการณ์ที่ยากจะลืมเลื่อน แต่เขาก็ต้องเลือกที่จะเก็บถ้อยคำนั้นไว้ เพราะตัวของปีขาลเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะเขาเริ่มชอบอีกฝ่ายเข้าแล้วหรือเพียงแค่รู้สึกดีในฐานะรุ่นน้องคนนึงเท่านั้น
“ ขาลเป็นอะไรรึเปล่า “ กุนถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ปีขาลส่ายหน้าเล็กน้อย
“ เปล่า แล้วก็เลิกเรียกด้วยชื่อเล่นแบบนั้นสักทีเถอะ ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ “ ปีขาลแกล้งมองอีกฝ่ายดุดุแต่มีหรือที่ร่างสูงอย่างกุนจะสำนึก
“ แล้วไม่คิดจะเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่นบ้างหรอครับ “ กุนแกล้งยื่นหน้าเข้าไปหาปีขาลช้าๆ
“ นี่! นักศึกษาที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างตรงนั้นอ่ะ ทำอะไรกัน “ เสียงอาจาร์ย์หนุ่มพูดใส่ไมค์ ทำให้ทั้งกุนและปีขาลต่างแยกออกจากกันด้วยความตกใจ
ทั้งหมดหันไปมองทั้งสองคนเป็นตาเดียว
“ ผม..ผม “ ปีขาลอึกอัก ส่วนกุนนั้นก็มองอีกฝ่ายยิ้มๆ
“ ถ้าจะทำอะไรกันในห้องนี้…ให้ผมหยิบโทรศัพท์ถ่ายคลิปก่อนสิ “ อาจาร์ยหนุ่มพูดเสียงทะเล้นแล้วยิ้มกว้างใส่ลูกศิษย์ที่เบิกตากว้างมองเขาอยู่
“ ฮิ้วววววววว “
“ วี๊ดวิ๊ววว”
“ ฮ่าๆๆๆๆ “
เสียงหัวเราะและเสียงโหแซวของเพื่อนในห้องทำให้ปีขาลได้แต่กลั้นยิ้มด้วยความเขิน
“ อาจาร์ยแม่งขอจริงไอสัส ฮ่าๆๆๆ หนุ่มวายนี่หว่า “ ป้องพูดขำๆ
“ หนุ่มวาย? คืออะไรอ่ะพี่ “ พนาหันไปถามป้องด้วยความสงสัย
“ มันก็ย่อมาจากสาววายนั่นแหละ เพียงแค่เป็นผู้ชายเท่านั้น “ ป้องอธิบาย
“ อ๋อออ “ พนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ เอาๆๆนักศึกษาตั้งใจเรียนกันหน่อย เดี๋ยวผมให้พวกคุณเอฟกันยกห้องขึ้นมาอย่ามาโวยวายนะ “ เขาแกล้งพูดขู่ ซึ่งก็นับว่าเป็นการขู่ที่ได้ผลพอสมควรเพรั้งห้องต่างก็พร้อมใจกันเงียบในทันที
“ โอเคงั้นเรามาเริ่มเรียนต่อกันที่บท… “
.
.
.
เลิกเรียน
ครืดดด ครืดดดด
แรงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ปีขาลที่กำลังเก็บสมุดใส่กระเป๋านั้นหยุดชะงักและหยิบขึ้นมาดูทันที
กึก!
ปีขาลนิ่งค้างไปทันทีเมื่อรู้ว่าเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ของใคร
“ ขาล..เป็นอะไรรึเปล่าครับ “ กุนขมวดคิ้วถามปีขาลด้วยความเป็นห่วง
“ นั่นดิมึงไอเชี้ยขาล ใครโทรมาวะ “ ป้องที่สังเกตเห็นท่าทางของเพื่อนจึงถามขึ้น คนอื่นๆพอได้ยินก็มองปีขาลด้วยความสงสัย
ปีขาลเงยหน้ามองไปที่ทุกคนนิ่งๆ
“ กูขอตัวก่อนนะ “
พูดจบเขาก็เดินออกไปข้างนอกทันที ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้และเป็นห่วงของเพื่อนสนิทและกุน
“ มึงว่าใครโทรมาหามันวะ “ ฟิวหันไปถามคนอื่นๆเสียงเครียด
“ พวกมึงลองเดากันสิ “ พอสพูดขึ้น เพราะเขาเองก็พอที่จะเดาได้อยู่แล้วว่าใคร ทุกคนมองหน้าพอสและรู้ได้ทันทีว่าใคร
“ ไอ้เชี้ยระกา!!! “
กุนและพนาหันมองหน้ากันด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อของระกาเลยแม้แต่น้อย
“ ระกาคือใคร? “ กุนขมวดคิ้วถามเสียงนิ่ง