“ พี่พอส คนที่ชื่อระกาคือใครอะ “ พนาถามพอสด้วยความสงสัย
หลังจากที่ทั้งสองเลิกเรียนแล้ว พอสก็พาพนามาที่คอนโดหรูของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ทั้งสองกำลังนอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง
“ จะอยากรู้ไปทำไม “ พอสเลิกคิ้วถามคนในอ้อมกอด
“ แล้วทำไมผมถึงถามไม่ได้ “ พนามองหน้าพอสอย่างหาเรื่อง
“ ก็เปล่า..ไม่ได้บอกว่าถามไม่ได้ แค่อยากรู้เฉยๆว่าจะถามไปทำไม “ พอสรีบตอบปฎิเสธเพราะกลัวว่าพนาจะอารมณ์ไม่ดี
“ ก็มันดูเหมือนมีซัมติงอะไรกับพี่ปีขาลนี่ แล้วอีกอย่างนะเหมือนกับว่าคนชื่อระกาอะไรนี่จะเข้ามาทำให้ไอนิ่งกับพี่ปีขาลต้องทะเลาะกันด้วย “ คิ้วสวยของพนาขมวดเข้าหากันแล้วพูดด้วยความมั่นใจเพราะเขาเชื่อในเซ้นของตัวเองไม่น้อยว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ พอสกลืนน้ำลายลงคอนิดๆเมื่อรู้สึกว่าคนรักของตัวเองทำไมถึงได้มีเซ้นที่แม่นขนาดนี้
“ ตกลงยังไง “ พนาเงยหน้าถามพอสอีกครั้ง
“ ก็.. “ พอสมองหน้าพนาอีกครั้งอย่างช่างใจว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ให้กับพนาฟังดีหรือเปล่า เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ปีขาลได้เล่าเรื่องนี้ให้กับกุนฟังบ้างหรือไม่ แล้วถ้าเขาเล่าเรื่องนี้ให้กับพนาฟัง อีกฝ่ายจะเอาไปเล่าให้กุนต่อปีขาลจะรู้สึกยังไง
“ ก็? “ พนาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ ระกาคือพี่ชายต่างสายเลือดของไอขาลมันอ่ะ เป็น..พี่น้องที่คิดกันมากกว่าพี่น้อง ไอขาลเองมันก็รู้เรื่องนี้ดี..ตอนนี้พี่ระกามันกำลังตามตื้อไอขาลอยู่ “ พอสเล่าให้อีกคนฟังคร่าวๆเพราะเขาเองก็ไม่กล้าที่เจาะลึกมากนัก ถึงแม้ในใจอยากจะบอกคนรักให้หมดเลยก็ตาม
“ แค่นี้? “
“ อื้อ แค่นี้แหละ “ พอสพยักหน้าน้อยๆ
“ ผมว่าแล้วไง ว่าไอพี่ระกาอะไรนี่จะต้องมาทำให้สองคนนั้นแตกแยกกันแน่ๆ ทีนี้พี่เชื่อผมยังว่าเซ้นผมอ่ะ แม่น “ พนายักคิ้วใส่พอสอย่างกวนๆ พอสยิ้มกว้างใส่คนน่ารักพร้อมกับลูบหัวเล็กด้วยความเอ็นดู
“ เออเก่ง เก่งที่สุดแล้วเราอ่ะ “ เสียงเข้มของพอสพูดด้วยความหมั่นเขี้ยวพร้อมกับขยี้หัวเล็กเบาๆ
“ ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าไม่ควรคิดนอกใจผม “ พนาแกล้งหรี่ตาถามคนตรงหน้ากลับไป
“ รู้แล้วครับ “ พอสอมยิ้มด้วยความเอ็นดูพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
.
.
.
ปีขาลลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาทุ่มกว่าๆ เขาหันไปมองรอบๆเพื่อหาร่างสูงแต่ก็ไม่พบ ปีขาลลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่อยู่ตรงหัวเตียงเพื่อให้ภายในห้องได้สว่างมากขึ้น
พรึบ!
“ หายไปไหนของเขานะ “ ปีขาลพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยความสงสัย
“ หรือว่าจะอยู่ข้างนอก “
ปีขาลพูดจบก็ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปหากุนที่นอกห้อง เมื่อเปิดประตูออกไปเขาก็พบว่าร่างสูงของกุนกำลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“ กุน.. “ ปีขาลเรียกชื่อกุนเสียงแผ่ว เพราะไม่อยากเสียงดังให้อีกฝ่ายต้องตกใจ
“ ตื่นแล้วหรอครับ “ กุนเงยหน้าขึ้นไปมองร่างบางยิ้มๆ ปีขาลพยักหน้าน้อยๆ
“ ทำอะไรอยู่หรอ “ ปีขาลถามด้วยความสงสัย
“ กำลังทำรายงานอยู่ครับ มานั่งนี่สิ “ กุนบอกให้ร่างบางมานั่งข้างๆเขา ปีขาลเองก็ค่อยๆเดินเข้าไปหากุนแล้วนั่งลงข้างๆ
“ ช่วยมั้ย “ ปีขาลพูดเสนอ เพราะเท่าที่เขามองไปที่หน้าจอของอีกฝ่ายก็พบว่าเป็นรายงานที่เขาเองก็เคยทำมาแล้ว
“ ไม่เป็นไร กุนไม่อยากให้ปีเหนื่อย “ เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนน่ารักที่นั่งอยู่ข้างๆ ปีขาลอมยิ้มนิดเมื่อเจอคำหวานของอีกคน
“ มันไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย รายงานนี้เคยทำมาแล้ว “ ปีขาลยักคิ้วนิดๆ
“ นั่งเฉยๆเถอะหน่า กุนอยากให้ปีนั่งเป็นกำลังใจให้กุนมากกว่า “ กุนพูดเสียงหวาน ปีขาลมองใบหน้าที่จริงจังของกุนก็ได้แต่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าตอบตกลง
“ อื้อ “
กุนลูบหัวเล็กด้วยความอ่อนโยนและหันหน้าไปพิมพ์รายงานต่อ
เวลาผ่านไปสักพักกุนหันไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว้าแล้ว ร่างสูงจึงหันไปมองคนข้างๆที่นั่งเงียบมาหลายชั่วโมงแต่ก็พบว่าตอนนี้ใบหน้าหวานได้เอียงหน้าซบไปที่พนักพิงของโซฟาและหลับลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กุนอมยิ้มน้อยๆพร้อมกับใช้มือลูบไปที่ใบหน้าหวานที่หลับพริ้มอยู่
“ ทำไมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยนะ “
ครืดดด ครืดดด
โทรศัพท์ที่สั่นของกุนทำให้เขาหันไปมองทันทีพร้อมกับหยิบขึ้นมาแล้วกดรับสาย
“ ฮัลโหล “
“ ( สวัสดีครับคุณกุน ) “ เสียงที่คุ้นเคยทำให้กุนรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ ว่าไงเมฆา “ กุนเอ่ยเรียกผู้เป็นคนสนิทของตัวเองตั้งแต่เด็ก เมฆานับเป็นเสมือนเพื่อนรุ่นน้องของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะทำงานให้กับที่บ้านของเขาตั้งแต่เด็ก ซึ่งอายุของเมฆากับกุนนั้นห่างเพียงแค่2ปีเท่านั้น อุปนิสัยของเมฆาก็เป็นคนที่เงียบขรึม สุขุม ไม่ค่อยยุ่งกับใครเท่าไหร่นักถ้าไม่จำเป็น ซึ่งนิสัยของเมฆาจะค่อนข้างใกล้เคียงกับเขาไม่น้อย ตอนนี้เมฆาเองก็ยังเรียนอยู่เพียงแค่ยังอยู่มัธยมก็เท่านั้น ส่วนเรื่องงานที่บ้านของกุนนั้นเมฆาเองก็ยังทำปกติเพียงแค่อาจจะละเว้นบ้างถ้าหากมีงานที่โรงเรียน ซึ่งพ่อแม่ของกุนนั้นก็เอ็นชดูและรักเมฆาเหมือนลูกบุญธรรมไม่น้อย
“ ( คุณกุนอยู่ที่ไหนครับ ) “ เมฆาถามเสียงนิ่ง
“ นายเองก็รู้อยู่แล้ว จะถามทำไม “ กุนบอกกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ
“ ( คุณผู้หญิงเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว..คุณกุนคิดดีแล้วใช่มั้ยครับ ) “
“ อืม “ กุนตอบกลับไป เพราะเขาเองก็คิดมาดีแล้วจริงๆ
“ ( ช่วงนี้มันช่วงปิดเทอมของผมพอดี เดี๋ยวผมจะเข้าไปหาคุณกุนนะครับ ) “ เมฆาบอก เพราะเขาเองก็รู้สึกห่วงกุนไม่น้อย ถึงแม้จะรู้ฝีมือกันอยู่แล้วก็ตามแต่ในฐานะที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะห่วง
“ จะมาทำไม นายก็มีงานต้องทำอีกไม่ใช่หรอ ไหนจะต้องตามไปดูแลพ่อฉันอีก “ กุนขมวดคิ้วถามปลายสายกลับไป
“ ( ผมขออนุญาตคุณท่านแล้วว่าจะขอตามมาดูแลคุณกุนที่นี่ คุณท่านโอเคครับ ) “ เมฆาบอก กุนได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยิน
“ ตามใจแล้วกัน แต่นายคงมานอนที่ห้องฉันเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้หรอกนะ “ กุนพูดดัก เพราะทุกครั้งเวลาที่เมฆาจะแวะเวียนเข้ามาหาเขาทีไรจะต้องมานอนที่ห้องของเขาทุกครั้ง
“ ( ผมเข้าใจครับ ผมเลยจัดเตรียมซื้อคอนโดเอาไว้ใกล้กับคุณกุนแล้ว คุณกุนไม่ต้องห่วงนะครับ ) “ เมฆาตอบ
“ แล้วแม่ฉันว่าอะไรมั้ยละที่นายจะมาที่นี่ “ กุนถามด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ ( ตอนแรกคุณหญิงท่านไม่ยอมหรอกครับ แต่ผมพูดคุยกับคุณหญิงท่านด้วยเหตุผล คุณหญิงท่านเลยเข้าใจ ) “
“ ( แล้วอีกอย่าง..คุณหญิงท่านก็เป็นห่วงคุณกุนไม่น้อยครับ เพราะท่านเองก็รู้ว่าทางฝั่งนั้นไม่ปกติ ) “ เมฆาพูดด้วยความกังวล
“ ฉันไม่เป็นไรเมฆา นายเองก็รู้ฝีมือฉันดีนี่ “ กุนพูดพร้อมกับยิ้มบางๆใส่โทรศัพท์ โดยที่ดวงตาก็หันไปดันใบหน้าหวานให้มาซบที่หน้าอกของตัวเอง
“ ( แต่คุณกุนก็ไม่ควรประมาทนะครับ ) “ เขาเอ่ยเตือนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ ขอบใจที่ห่วง แล้วนี่นายจะมาเมื่อไหร่ละ “ กุนถาม
“ ( อีกสองวันครับ ถ้าผมเคลียร์เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะรีบไปหา ) “
“ ยังไงก็โทรหาฉันก่อนแล้วกัน อ่อแล้วอีกอย่างนะเมฆา “
“ ( ครับ? ) “ เมฆานิ่งรอฟังคำสั่ง
“ นายควรเลิกเรียกฉันว่าคุณได้แล้ว ส่วนพ่อกับแม่นายก็ไม่ควรเรียนว่าท่านอีก แม่ฉันเองก็เคยบอกแล้วไงว่าถ้านายเรียกท่านว่าแม่ไม่ได้ก็ให้เรียกว่าป้าแทน “ กุนบอกด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดูไม่น้อย
“ ( ผมทำแบบนั้นไม่ได้คุณกุนเองก็ทราบนี่ครับ ) “ เมฆาตอบกลับไปด้วยท่าทีสุภาพเช่นเดิม
“ งั้นฉันจะต่อสายตรงไปที่แม่ของฉันแล้วให้คุยกับนายแทน ดูสิ๊จะรู้เรื่องมั้ย “ กุนแกล้งพูดขู่
“ ( อย่านะครับคุณกุน! คุณกุนเองก็รู้นี่ครับว่าถ้าคุณกุนบอกกับคุณหญิงท่าน ท่านจะต้องน้อยใจผมแน่ๆ ) “ เมฆาบอกเสียงเครียด
“ ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้แหละ มาที่นี่ก็เปลี่ยนคำเรียกใหม่ด้วยละ แม่ฉันไม่ใช่หม่อมเจ้าที่ไหนไม่ต้องเรียกคุณท่านหรอก แค่นี้นะ “ กุนพูดจบก็กดตัดสายไปทันที เขาจ้องมองโทรศัพท์พร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เมฆาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน แต่ก็เพราะนิสัยแบบมนี้ของเจ้าตัวนั่นแหละที่ทำให้เขารักเหมือนน้องชายแท้ๆ