ครืดด ครืดดด
โทรศัพท์ที่สั่นของปีขาลทำให้เจ้าของเครื่องจำต้องเอื้อมมือขึ้นไปหยิบมันเพื่อที่จะดูว่าใครกันที่โทรมาหาเขาในตอนเจ็ดโมงเช้าแบบนี้
‘ป้อง’
เมื่อปีขาลรู้แล้วว่าใครเป็นโทรเข้ามาเขาก็กดรับทันที
“ ว่า “ ปีขาลเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วกรอกเสียงลงไปแต่ดวงตากลมนั้นยังคงหลับอยู่
“ ( คุณปีขาลครับ มีส่งรายงานอาจาร์ยตอนเก้าโมงนะครับ ) “ ป้องพูดเตือน ปีขาลขมวดคิ้วนิดๆแล้วยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อดูเวลาให้แน่ใจอีกครั้ง
“ นี่เจ็ดโมง มึงจะโทรมาทำเชี้ยไรตอนนี้เนี้ย! “ ปีขาลตะคอกใส่ป้องด้วยความโมโห
“ ( กูรู้ครับแต่มึงต้องมาเตรียมตัวก่อนแปดโมงครึ้งโว๊ยยยย ) “ ป้องส่งเสียงดังออกมาเช่นกัน
“ แม่ง! “ ปีขาลกดตัดสายทันทีด้วยความรำคาญ เมื่อคืนกว่าเขาจะกลับมาจากที่ประชุมก็ปาเข้าไปสองทุ่มครึ้ง ถึงห้องก็เกือบสามทุ่มครึ้งแล้ว ไหนจะต้องมานั่งปั่นงานอีกมันทำให้กินเวลานอนของเขาพอสมควร เมื่อโดนรบกวนในการตื่นนอนแบบนี้มันก็ทำให้เขาอารมณ์เสียเป็นธรรมดา
“ กูจะให้แม่งตกเอฟให้หมดดีมั้ยเนี้ย “ ปีขาลพูดขึ้นอย่างหัวเสีย นี่ถ้าไม่ติดว่ากลุ่มเพื่อนของเขามันไม่มีใครทำงานเป็นเลยสักคน เขาคงไม่ต้องนั่งถ่างตาทำแทนคนทั้งกลุ่มแบบนี้หรอกนะ ไหนจะต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มในการพรีเซนต์งานอีกแค่เขาคิดหัวก็แทบจะระเบิดตายอยู่แล้ว
“ โว๊ยยยยย “ ปีขาลลุกขึ้นนั่งแล้วทึ้งหัวตัวเองเพื่อระบายความหงุดหงิด หลังจากนั้นเขาก็ลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปมหาลัยในสภาพที่นอนยังไม่ครบหกชั่วโมง
มหาลัย
7:56น.
“ ถ้ามันมานะมึงตายห่าแน่ไอสัสป้อง “ นุพูดขู่เมื่อฟังสิ่งที่ป้องเล่าในการโทรไปหาปีขาลเมื่อเช้า
“ ก็กูกลัวแม่งตื่นสายนี่หว่า “ ป้องแบะปากออกมานิดๆ
ตอนนี้กลุ่มปีสามของเขาได้มานั่งกันอยู่ที่ลานเกียร์เพื่อรอหัวหน้าอย่างปีขาลมาบอกบทของแต่ละคนว่าจะต้องพรีเซนต์หัวข้อไหนบ้าง
“ หึ! มึง ตาย แน่ “ ฟิวพูดขู่ ซึ่งป้องได้แต่กลืนน้ำลายลงคอนิดๆ จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผว๊ะ!!
ป้องหน้าทิ่มไปด้านหน้าทันทีอย่างแรง
“ ซี๊ดดไอสัสเอ้ยยใครวะ!! “ ป้องลูบหัวตัวเองด้วยความเจ็บพร้อมกับหันไปมองทางด้านหลังตาขวาง
“ กูเอง! “ ใบหน้าที่บึ้งดึงของปีขาลยังคงเด่นชัดและบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวได้ดีว่าอารมณ์เสียมากแค่ไหน
“ อะ..เอ่อ..แหะๆมึงมาแล้วหรอเพื่อนรักก “ ป้องรีบเปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเองอย่างเร็วเมื่อรู้ว่าคนที่ตบหัวเขานั้นเป็นใคร
“ เพื่อนรักพ่อมึงสิไอสัสป้อง! ปลุกกูมาทำเชี้ยไรเจ็ดโมง มึงรู้มั้ยว่าเมื่อคืนกว่ากูจะได้นอนมันกี่โมงกี่ยามแล้ว แม่ง! ปลุกเชี้ยไรไม่ดูเวล่ำเวลานะมึงไอเวร ถ้าครั้งหน้าหมาตัวไหนกล้าโทรปลุกกูเร็วแบบนี้อีกนะ..แดกเอฟกันให้หมด!!! “ ปีขาลตะคอกใส่ป้องอย่างหัวเสีย พร้อมกับกวาดตามองเพื่อนที่เอาแต่ยิ้มแหยๆใส่เขาด้วยอารมณ์โมโหไม่น้อย
“ มะ..มึง มึงใจเย็นๆก่อนเนาะ คะ..คือแบบว่า..พวกกูแค่ตื่นตะหนกกันนีสสเดียวเองอ่ะ พวกกูกลัวจำบทไม่ได้อ่ะ แหะๆมึงอย่าลืมสิว่าเราต้องไปพรีเซนต์อีกนะ ถ้าพวกกูทำไม่ได้ขึ้นมามันจะงานเข้ากันทั้งหมดนะเพื่อนรัก “ ป้องค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ปีขาลทีละนิดพร้อมกับจับกระเป๋าของปีขาลที่สะพายอยู่หยิบออกมาแล้ววางไว้ที่โต๊ะเป็นอย่างดี พร้อมกับค่อยๆดันไหล่ปีขาลให้นั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่
“ กูรู้ว่ามึงเหนื่อยและก็ง่วงสุดๆ กูเข้าใจมึงมากๆเลยเพื่อน..เอางี้นะ เดี๋ยววันนี้มึงไม่ต้องว๊ากน้องเลยเดี๋ยวพวกกูจัดการเอง ส่วนมึงก็ไปนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่เลยเนอะ เพราะถ้ามึงไม่พักกูกลัวว่าเอ่อ..มึงจะระเบิดลงใส่น้องมันอ่า “ ป้องบีบไหล่ของปีขาลเบาๆ ปีขาลเงยหน้ามองป้องนิ่งๆจนป้องต้องดันหัวของปีขาลให้กลับไปตรงตามเดิม
“ อย่ามองเค้าแบบนั้นสิเตง แหะๆ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะที่เค้าจะโทรหาเตงแบบนี้อ่ะ อย่าโกรธเค้าเลยนะ “ ป้องยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าปีขาลและขยับนิดๆเพื่อง้อ พร้อมกับย่อตัวลงมาเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับปีขาลที่นั่งอยู่
“ ถ้ามีอีกครั้งกูกระทืบหน้ามึงแน่ไอสัสป้อง “ ปีขาลมองขวางใส่ป้องทันทีและดันนิ้วก้อยของป้องที่อยู่ตรงหน้าออก
“ แสดงว่า..มึงไม่โกรธกูแล้วใช่ปะ “ ป้องยื่นหน้าไปถามปีขาลจนใบหน้าของป้องเกยอยู่ตรงไหล่ของปีขาล
“ เอาหน้ามึงออกไปให้ห่างจากไหล่กู ก่อนที่กูจะเอาตีนยันหน้ามึงออกไป “ ปีขาลพูดเสียงเหี้ยมซึ่งมันทำให้ป้องถึงกับถอยออกห่างมาทันที
“ โหดกับกูจังเลยนะไอสัสสส “ ป้องแบะปากใส่ปีขาลอย่างมีจริตพร้อมกับเอาตัวเองไปนั่งลงข้างๆฟิวทันที ซึ่งค่อนข้างห่างจากปีขาลพอสมควร
“ กูถีบก่อนไอขาลมันได้ปะ หมั่นไส้ “ พอสส่ายหน้าด้วยความละอา
“ สัส “ ป้องถลึงตาใส่พอสดุดุ
“ กูจะอธิบายหน้าที่ของพวกมึงในการออกไปพรีเซนต์แค่ครั้งเดียวและรอบเดียวเท่านั้น ถ้าจำไม่ได้หรือจะให้กูพูดอีกรอบ..กูถีบหน้าแน่ พวกมึงก็รู้ใช่มั้ยว่าอารมณ์แบบนี้ กู ไม่ เคย พูด เล่น “ ปีขาลไล่มองใบหน้าของเพื่อนทีละคนนิ่งๆ
“ ครับบบ!!!! “ ทั้งหมดตอบรับออกมาอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งถ้าใครามาเห็นภาพเหล่านี้ของกลุ่มเฮดว๊ากจะต้องไม่เชื่อสายตาแน่ๆว่าทั้งหมดจะอยู่ในโอวาสของเฮดว๊ากที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มแบบปีขาล
“ กูจะเริ่มละนะ “ ปีขาลขยับตัวเล็กน้อยเพื่อที่จะอธิบายให้เพื่อนทุกคนได้ฟังอย่างถนัด พร้อมกับหยิบกระดาษรายงานที่เขาพึ่งทำเสร็จเมื่อคืนจากในกระเป๋าขึ้นมา
“ ไอนุมึงพรีเซนต์.. “
———————
15:40น.
“ สี่โมงครึ้งเมื่อไหร่พวกมึงค่อยมาปลุกกู “ ปีขาลบอกกับเพื่อน เมื่อเขาเข้ามาในห้องประชุมเพื่อที่จะพักสายตา
“ ได้เลยครับท่านประธาน “ ป้องตอบรับเสียงแข็งขัน
“ ถ้าไม่ปลุกกูนะ..มีเรื่องแน่ “ ปีขาลชี้หน้าเพื่อนแต่ละคนอย่างดุดุ
“ นอนไปเหอะน่า มึงต้องรีบพักได้ละเดี๋ยวนอนไม่พอจะแดกหัวน้องมันเอา “ ฟิวบอกพร้อมกับหยิบกระเป๋าของปีขาลไปวางที่โต๊ะซึ่งไม่ห่างจากโซฟาที่ปีขาลจะนอนพักสายตามากนัก
“ พวกกูไปดูพวกปีสองมันก่อน เดี๋ยวสี่โมงนิดๆจะเข้ามาปลุกมึง “ พอสบอก ปีขาลพยักหน้ารับแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่โซฟาทันทีด้วยความง่วง เพื่อนทุกคนต่างทยอยเดินกันออกมาทีละคนจนนุที่เดินออกมาเป็นคนสุดท้ายแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟเพื่อให้ปีขาลได้นอนพักอย่างเต็มที่
“ กูว่ากูจะไม่ปลุกมัน “ หลังจากที่ปิดประตูลงแล้วป้องก็หันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ เดี๋ยวมึงก็โดนมันฆ่าเอาหรอก เมื่อเช้ามันก็แทบจะแดกหัวมึงอยู่แล้วไม่เข็ดอีกหรอไง “ ฟิวขมวดคิ้วบอกป้อง
“ มึงดูร่างกายมัน ถ้ากูปล่อยมันไปให้ว๊ากน้องนะมีหวังมันแดกหัวน้องก่อนที่จะพูดถึงกฎระเบียบอีกข้อแน่ “ ป้องหันไปมองหน้าฟิวและคนอื่นๆด้วยความรู้สึกหวาดๆ
“ มันก็จริงของไอป้องนะมึงไอฟิว ร่างกายของไอขาลมันก็ใช่ว่าจะดีนะ แล้วยิ่งแม่งนอนไม่พอแบบนี้ยิ่งงอแงเข้าไปใหญ่ “ พอสเห็นด้วยกับป้อง
“ สรุป..จะไม่ปลุกไอขาลใช่ปะ “ ฟิวเลิกคิ้วเป็นเชิงถามและหันไปมองเพื่อนๆทีละคนเพื่อขอคำตอบ
“ ใช่!!! “ เสียงของเพื่อนทั้งสามตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ฟิวได้แต่ถอนหายใจออกมานิดๆ
“ กูไม่อยากนึกภาพตอนที่ไอขาลมันตื่นเลยจริงๆ “ ฟิวหลับตาลงแล้วกุมขมับตัวเองด้วยความเครียด
“ มึงอย่าพูดให้กูใจเสียดิวะ ไอห่านี่ “ ป้องหันไปมองขวางฟิวนิดๆ
“ ไปๆๆไปดูพวกปีสองมันได้ละ ป่านนี้ชะเง้อคอมองหน้าปีสามแล้วมั้งว่าทำไมไม่มาทำหน้าที่ “ นุดันไหล่แกร่งของป้องและฟิวให้เดินไปด้านหน้า
.
.
.
16:57น.
“ เรื่องที่ผมจะชี้แจงก็มีเพียงเท่านี้ครับ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้..จะเป็นการเริ่มตามล่ารายเซ็นรุ่นพี่ของพวกคุณปีหนึ่งทั้งหมด ถ้าภายในสามอาทิตย์ผมยังไม่เห็นความคืบหน้าในสิ่งที่ผมสั่ง ผมว่าเราคงต้องมีการลงโทษกันบ้างนะครับ “ ป้องพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับมองใบหน้าของรุ่นน้องทีละคน ป้องหันไปพยักหน้าให้กับพอสเพื่อให้พูดต่อ
“ ส่วนอีกเรื่องที่ผมจะแจ้งให้ทราบ! นั่นก็คือเรื่องมารยาท! ผมเห็นหลายคนที่เมินเฉย ไม่สนใจรุ่นพี่ ทั้งปีสองหรือปีสามอย่างพวกผม ไม่ไหว้! ไม่เคารพ! พวกคุณตอบผมได้มั้ยครับว่ามันหมายความว่ายังไง!! “ พอสตะคอกถามเสียงดังลั่น ทำให้ปีหนึ่งหลายคนเริ่มก้มหน้างุดด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงที่เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ
“ ทำไมหรอครับ! มารยาทนี่มันฝึกกันยากมากเลยหรอครับ! หรือว่าต้องให้พวกผมไหว้ให้ดูกัน!มันถึงจะไหว้กันเป็น! “ พอสตะคอกถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ พี่มันจะตะโกนหาเผือกอะไรวะ “ พนากระซิบกับกุนด้วยความไม่เข้าใจพร้อมกับยกมือขยี้ที่หูของตัวเองนิดๆ โดยพฤติกรรมที่พนาทำนั้นได้ตกอยู่ในสายตาของพอสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ ทำไมครับ! คุณมีปัญหาอะไรหรอครับ “ พอสจ้องหน้าพนาอย่างหาเรื่อง
“ เอ่อ..ปะ..เปล่าครับเปล่า “ พนารีบส่ายหน้าปฎิเสธด้วยความตกใจ
“ ผมเห็นคุณเอามือจับหู ทำไมหรอครับ..คุณมีปัญหาอะไรกับผมอย่างนั้นหรอ “ พอสเดินเข้ามาใกล้กับพนาแล้วถามขึ้น พนาอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆเมื่อจู่ๆก็โดนพี่ปีสูงหาเรื่องตัวเองแบบนี้
“ ปะ..เปล่าครับพี่ ผมกำลังคุยกับเพื่อนเฉยๆครับ “ พนาตอบปฎิเสธอย่างรวดเร็ว
“ ผมกำลังพูดอยู่ คุณมีสิทธิ์อะไรที่หันไปคุยกับเพื่อนโดยที่ไม่ขออนุญาตผมครับ! “ พอสตะคอกถามด้วยความโมโห
“ ละ..แล้วพี่จะหยุดพูดเมื่อไหร่อะครับ ผมจะได้พูดกับเพื่อนได้ “ พนาถามด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ซึ่งคำถามของพนาทำให้นุ ฟิวและป้องเกือบหลุดขำ แต่ดีที่พวกเขาได้รับการฝึกใบหน้าให้เกร็งต่อหน้ารุ่นน้องมาเป็นอย่างดี มันเลยทำให้พวกเขาไม่หลุดหัวเราะออกมา
“ ปีหนึ่ง! “ พอสจ้องหน้าพนาเขม็งด้วยความโมโห พนากระพริบตามองรุ่นพี่ตัวสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“ คะ..ครับ “
พอสมองหน้ารุ่นน้องที่มองเขาด้วยแววตาที่ใสซื่อแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อระงับอารมณ์โมโหที่กำลังพรุ่งพล่านอยู่
“ ……ผมพึ่งสอนคุณเรื่องมารยาทไป คุณคงไม่รู้จักเรื่องนี้สินะถึงได้ทำตัวไม่มีมารยาทขนาดนี้..ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจะช่วยสอนคุณให้ ลุกขึ้นครับ “ พอสปรับสีหน้าให้นิ่งดังเดิม พนามองไปยังรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ยอมที่จะลุกขึ้นเพราะเห็นว่านี่มันคือคำสั่ง
“ ครับ “ พนายืนตัวตรงแล้วมองรุ่นพี่ตัวสูงบตรงหน้านิ่ง
“ คุณเห็นพี่ต่อรุ่นพี่ปีสองที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของผมมั้ยครับ “ พอสหันหน้าไปทางต่อแล้วหันมาถามเด็กปีหนึ่งตรงหน้า
“ เห็นครับ พี่เขากำลังถือไมค์อยู่ครับ “ พนาตอบเสียงดังฟังชัด จนรุ่นพี่ปีสองบางคนยังหันหน้าไปด้านข้างเพื่อหลุดขำ
“ ดีครับ คุณไปยกมือไหว้เขาจนกว่าผมจะสั่งให้เลิก เชิญครับ! “ พอสชี้นิ้วไปทางต่อแล้วมองหน้าพนานิ่ง
“ ถ้าผมไหว้เขา ผมจะดูมีมารยาทหรอครับ “ พนาถามด้วยความไม่เข้าใจพร้อมกับกระพริบตามองพอสสลับกับต่อ
“ ครับ “ พอสพูดเพียงแค่นั้นและมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างกดดัน พนาพยักหน้านิดๆแล้ววิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่อพร้อมกับยกมือไหว้ค้างไว้อยู่แบบนั้น
“ เอาละครับ เรามาพูดกันเรื่องมารยาทกันต่อ “ พอสปรับน้ำเสียงและพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กุนได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเผด็จการของรุ่นพี่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก พลางมองหาอีกคนนึงที่ไม่ได้มาว๊ากพวกเขาด้วย ความจริงกุนมองหารุ่นพี่ร่างบางตั้งแต่สี่โมงแล้วแต่เขาก็นึกว่ารุ่นพี่ตัวเล็กอาจจะไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ก็อาจจะมีธุระอะไรถึงได้มาช้า แต่นี่มันจะห้าโมงครึ้งแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของรุ่นพี่ตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย มันเลยทำให้กุนอดที่จะไม่สบายใจไม่ได้
“ หายไปไหนของเขานะ “ กุนพึมพำกับตัวเองด้วยความกังวน