18:00น.
“ มึงจะปลุกหรือให้กูปลุกไอสัสป้อง “
“ มึงนั่นแหละ ปลุกมันดิวะ “
“ มึงก็ปลุกดิมึงอยู่ใกล้มันอ่ะไอป้อง “
“ มึงนั่นแหละ ถ้าให้กูปลุกนะมีหวังมันตื่นมากระทืบกูแน่ “
“ มึงจะปลุกดีดีหรือจะให้กูถีบมึงเข้าไปหามัน มึงเลือกเอา “
เสียงที่ค่อนข้างดังทำให้ปีขาลที่กำลังนอนอยู่นั้นเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา เขาขยับตัวเล็กน้อยด้วยควาเมื่อยขบ
“ แม่งตื่นแล้ว! เพราะมึงนั่นแหละเชี้ยฟิว เสียงดังมันเลยตื่นเลยแม่ง! “ ป้องหันไปโทษฟิวที่ยืนอยู่ข้างๆจนฟิวยกข้างหมายที่จะถีบป้องด้วยความหมั่นไส้ คนอื่นๆได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมละอากับการเถียงกันระหว่างป้องและฟิว
“ กูหรือมึงไอสัสป้องไอเวร! “
“ มึงนั่นแหละ “ ป้องยังคงเถียงกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้
“ โว๊ยยพวกมึงจะเสียงดังกันอีกนานมั้ยเนี้ย เลิกเถียงกันสักทีเหอะกูตื่นแล้วเนี้ยแม่ง! “ ปีขาลขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ยืนเถียงกันข้ามหัวเขา
“ มึง..โอเคมั้ยวะไอขาล “ พอสถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ปีขาลกุมขมับตัวเองด้วยความมึนหัว
“ พอไหวอยู่วะ นี่..กูนอนไปนานยังวะแล้วพวกน้องปีหนึ่งมากันยัง เชี้ย! กูต้องไปหาน้องนี่หว่าเดี๋ยวน้องรอ “ ปีขาลลุกขึ้นนั่งอย่างเร็วเมื่อนึกถึงรุ่นน้องที่กำลังนั่งรอเขาอยู่
ป้อง ฟิว นุและพอสหันมองหน้ากันทันทีด้วยความตกใจ
“ เอ้า พวกมึงนิ่งกันทำเชี้ยไรเนี้ย น้องมันรออยู่ รีบไปดิ “ ปีขาลหันมาขมวดคิ้วใส่เพื่อนที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ
หมับ!
ป้องจับแขนของปีขาลเอาไว้ ก่อนที่ปีขาลจะเดินไปเปิดปประตู
“ เชี้ยไรของมึงวะไอป้อง “ ปีขาลหันมามองป้องด้วยความสงสัย
“ คือ..มึงอย่าพึ่งด่ากูนะ ฟังกูให้จบก่อนเดี๋ยวพวกกูจะอธิบายให้มึงฟัง “ ป้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของปีขาลนิ่งๆอย่างตั้งใจ
“ อะไรของมึงวะ พวกมึงแปลกๆนะ..มีเชี้ยไรที่ไม่ได้บอกกูรึเปล่า “ ปีขาลขมวดคิ้วมองเพื่อนแต่ละคนด้วยความสงสัย
“ คือมึงฟังไอป้องมันก่อนนะไอขาล อย่าใจร้อนแล้วกระทืบพวกกูเด็กขาด “ พอสกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมกับกระพริบตาใส่ปีขาลกึ่งขอร้อง
“ มีเชี้ยไรเนี้ย พวกมึงรีบพูดดิวะกูจะได้ไปหาน้อง พวกมึงไม่เห็นหรอว่าน้องมันรอพวกเราอยู่ “ ปีขาลสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของป้องและพอส
“ คืองี้นะเพื่อนรัก คือว่าตอนนี้มันเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วซึ่งพวกกูไปว๊ากน้องกันมาแล้วเรียบร้อยและพวกกูทั้งหมดก็ประชุมทุกเรื่องที่มึงจะประชุมวันนี้กันหมดแล้ว ส่วนเหตุผลของพวกกูที่ไปว๊ากแทนมึงนั่นก็คือ..อยากให้มึงได้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่เพราะมึงเองก็นอนไม่พอมาหลายวันแล้ว พวกกูเป็นห่วงกลัวว่ามึงจะเป็นลมตอนที่ประชุมกับน้องมัน พวกกูยอมรับว่าสิ่งที่พวกกูทำลงไปนั้นอาจจะเป็นการกระทำที่ทำไปโดยไม่ได้รับยินยอมสมัครใจจากมึงแต่เพราะพวกกูเป็นห่วงมึงมากๆมันเลยทำให้พวกกูตัดสินใจที่ไม่เข้าไปปลุกมึงและปล่อยให้มึงได้พักผ่อนหย่อนใจโดยไม่มีอะไรมารบกวนมึงอีก นี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกกูอยากจะบอกมึงและหวังว่าสิ่งที่กูบอกมึงในวันนี้มันจะทำให้มึงลดโทษให้พวกกูกึ่งนึงเพราะพวกกูเองก็มีเหตุผลมากๆในการทำลงไปซึ่งมึงที่เป็นคนมีเหตุผลนั้นก็อาจจะเข้าใจในเหตุผลของพวกกูและยอมยกโทษให้โดยไม่ถือสาอะไรพวกกูอีก “ ป้องส่งยิ้มหวานให้กับปีขาลพร้อมกับจับมือของปีขาลมาแนบไปที่แก้มของตัวเอง
“ ไอขาล..มึง..อย่าโกรธพวกกูเลยนะ พวกกูห่วงมึงจริงๆนะเว้ย “ ฟิวจ้องหน้าปีขาลแล้วตบบ่าของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ
ปีขาลขมวดคิ้วแล้วไล่มองใบหน้าของเพื่อนแต่ละคนที่มองมาที่เขาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ถ้ามถามว่าเขาโกรธพวกเพื่อนของตัวเองมั้ยก็ต้องยอมรับว่าลึกๆเองก็มีแอบเคืองเหมือนกัน แต่พอจ้องไปที่ดวงตาของเพื่อนแต่ละคนที่มองเขาด้วยความเป็นห่วงอยู่นั้น ความรู้สึกเคืองทั้งหมดก็มลายหายไปทันที เขาเพียงแค่รู้สึกไม่ชอบที่ตัวเองต้องอ่อนแอก็เท่านั้น แต่ก็เข้าใจดีว่าเพื่อนเป็นห่วงเขามากแค่ไหน
“ ครั้งนี้กูขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกมึงตัดสินใจทำอะไรกันแบบนี้นะ ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก กูบอกว่าไหวก็คือกูไหว นี่มันหน้าที่กู..กูไม่อยากทิ้งมัน “ ปีขาลพูดเสียงอ่อนพร้อมกับมองใบหน้าที่เป็นห่วงของเพื่อนแต่ละคนนิ่งๆ
“ มึง..ไม่โกรธพวกกูแน่ใช่ปะ “ นุเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ หรือจะให้กูโกรธดีละ “ ปีขาลจ้องหน้านุแล้วถามอย่างหาเรื่อง
“ ใจเย็นเพื่อนรัก มึงไม่โกรธพวกกูก็ดีแล้ว แหะๆ “ นุจับไหล่บางของเพื่อนพร้อมกับลูบเบาๆเพื่อให้ใจเย็นลง ปีขาลส่ายหน้าเล็กน้อยพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“ นี่ก็หกโมงครึ้งละ กลับห้องกันได้ละพวกมึง “ ปีขาลบอก ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ออกจากห้อง จู่ๆฟิวก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ ไอเชี้ยพอส! “
“ เชี้ยไรของมึงเนี้ยไอฟิว กูตกใจหมด “ พอสขมวดคิ้วหันมาถามฟิวด้วยความไม่เข้าใจ
“ มึงสั่งให้ไอน้องนั่นมันเลิกไหว้ไอต่อยัง! “ ฟิวถามขึ้น
“ ยัง “ พอสตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ฟิวและคนอื่นๆได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ยกเว้นก็แต่ปีขาลที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ เอ้า!! เดี๋ยวมันก็ไหว้ไม่เลิกหรอกมึง นี่แม่งเกือบสี่ชั่วโมงแล้วนะเว้ย “ ฟิวขมวดคิ้วบอกพอส
“ รุ่นพี่ก็ไม่ได้มีแค่กูปะ พวกไอต่อมันก็รุ่นพี่ไอเด็กนั่นเหมือนกัน “ พอสได้แต่กรอกตาใส่ฟิวด้วยความไม่เข้าใจ
“ แต่รุ่นพี่ที่สั่งมันมีแค่มึงไงไอห่าพอส “ ป้องพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่พอส
“ พวกมึงจะอะไรกับมันนักหนาวะ ถ้าแม่งเมื่อยเดี๋ยวแม่งก็หนีกลับไปเองอ่ะ ไม่ต้องสนใจแม่งหรอก “ พอสพูดด้วยความรำคาญทำท่าจะเดินหนีบรรดาเพื่อนๆที่จับผิดเขาอยู่ แต่มีมือนึงมาดึงไหล่เขาเอาไว้ก่อน
“ ถึงกูจะไม่รู้เรื่องแต่เท่าที่กูฟัง..กูว่ามึงควรไปดูมัน “ ปีขาลมองหน้าพอสนิ่ง พอสขมวดคิ้วมองหน้าปีขาลด้วยความไม่เข้าใจ
“ ทำไมกู.. “
“ นี่คือคำนสั่งจากกู “ ปีขาลพูดแทรก เพราะรู้ดีว่าพอสกำลังจะพูดอะไร
“ ……… “ ทุกคนได้แต่มองพอสอย่างกดดัน
“ เออ! กูไปดูมันก็ได้! “ พอสถอนหายใจหนักๆแล้วเปิดประตูเพื่อตรงไปยังที่รับน้องของพวกเขา
“ ไม่รู้ว่าน้องแม่งยืนตากยุงตายห่าไปแล้วรึยัง “ ป้องบ่นออกมาเล็กน้อย
“ พวกมึงคิดว่าน้องมันยังจะอยู่จริงๆหรอวะ “ นุมองหน้าคนอื่นๆด้วยความสงสัย
“ น้องที่พวกมึงพูด..คือใครวะ “ ปีขาลขมวดคิ้วแล้วถามออกไป
“ ก็เพื่อนไอน้องกุนอะไรของมึงนั่นไง ที่มันชอบแหกกฎมึงอ่ะ “ ป้องตอบ
“ อ๋อ “ ปีขาลพยักหน้ารับรู้ พลางนึกถึงใบหน้าของกุนขึ้นมา
“ เชี้ย นี่กูนึกถึงมันทำไมวะเนี้ย “ ปีขาลส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดของตัวเองให้ออกไป
“ มึงเป็นบ้าอะไรของมึงเนี้ยไอขาล “ ฟิวถามขึ้นเมื่อเห็นปีขาลมีท่าทางที่แปลกไป
“ เปล่าๆ ไปกันเหอะพวกมึง กูอยากพักละ “ ปีขาลพูดจบก็เดินนำหน้าไปทันที
“ อะไรของมันวะ “ ฟิวได้แต่เกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ
“ มึงจะสงสัยเชี้ยไรนักหนาเนี้ย ไปๆกลับห้องกันได้ละ “ นุลากคอของฟิวให้เดินตามพวกเขาออกมา
.
.
.
“ รถมึงอยู่นี่ใช่ปะ “ ป้องถามปีขาลเมื่อมาถึงลานจอดรถของคณะพวกเขา
“ เออ “ ปีขาลพยักหน้านิดๆ
“ งั้นพวกกูไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องแวะไปส่งไอสองตัวนี้อีก “ ป้องพยักหน้าไปทางนุกับฟิวที่ยืนกอดคอกันอยู่ด้านหลัง
ซึ่งฟิวกับนุนั้นอยู่หอเดียวกันแต่รถของทั้งคู่นั้นเกิดเสีย จึงทำให้ต้องลำบากป้องที่อยู่หอใกล้ๆให้มารับส่งทั้งคู่
“ อืม “ ปีขาลพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับมองเพื่อนทั้งสองที่ขึ้นรถและขับออกไป ตัวเขาเองก็เปิดประตูรถและเตรียมที่จะขับกลับไปบ้างแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครมายืนอยู่ที่หน้ารถเขา
“ เฮ้ย! “