เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 112 ดาราแปรแสง

​*ดาวแปรแสงมาจากหนึ่งในกลุ่มดาวหมีใหญ่ หรือที่คนไทยเรียกว่ากลุ่มดาวจระเข้ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Alioth

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นโอสถแปรแสง อีกทั้งที่จุดดาราก็มีดาวดวงที่สองในกายานวดารา ปรากฏขึ้นมาที่ใจกลางฝ่ามือข้างขวา ซึ่งแตกต่างจากจุดดารากักวายุที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าข้างซ้าย

นี่เขาสามารถฝึกยุทธ์จนไปถึงกายานวดาราขั้นที่สองแล้วอย่างนั้นหรือ? เมื่อตรวจสอบไปอย่างละเอียดก็พบว่าภายในจุดดารากักวายุอยู่ในสภาพที่อวบอิ่มจึงเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับหลงเฉินเป็นอย่างมาก

ในเมื่อปลุกดวงดาราเม็ดที่สองขึ้นมาได้แล้ว ก็แสดงว่าหลงเฉินก็เสมือนมีจุดตันเถียนเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ฉะนั้นเขาก็สามารถเพิ่มพูนพลังการต่อสู้ได้มากขึ้นกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้มีจุดดารากักวายุเพียงตำแหน่งเดียวก็สามารถก่อเกิดพลังการต่อสู้ให้กับหลงเฉินได้อย่างน่าตกใจแล้ว ทว่าบัดนี้มีดาราแปรแสงเพิ่มขึ้นมาอีกตำแหน่งหนึ่ง เช่นนั้นพลังของเขาจะน่าหวาดกลัวถึงเพียงใดดันนะ?

เมื่อนึกย้อนกลับไปในภาพของความฝันเมื่อครู่ก็จดจำขึ้นมาได้อีกอย่างหนึ่ง เขาเหลือบมองไปยังมือข้างที่ยื่นเข้าไปในวงแหวนแห่งเทพของชายผู้ที่มีดวงตาทอประกายระยิบระยับของดวงดาราทั้งเก้าชั้น จึงให้สัตย์สาบานว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องแข็งแกร่งเช่นเดียวกับชายผู้นั้นให้ได้

“อะไรกัน?”

ในขณะที่หลงเฉินตรวจสอบภายในร่างกายอย่างละเอียดก็อดแตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่ไม่ได้

“เขาจิ้งจกเพลิง โลหิตบริสุทธิ์ของงูเหลือมเขาน้ำแข็ง ผลกิเลน ชาเก้ากลิ่นบดละเอียด องุ่นมนุษย์เซียน……” หลงเฉินเน้นย้ำออกมาทีละคำ นี่มันวิธีการหลอมโอสถแปรแสง อีกทั้งยังมีชื่อสมุนไพรอันล้ำค่ากว่าสามสิบชนิด

หนึ่งในนั้นก็คือผลกิเลนซึ่งหายากเสียยิ่งกว่ายาก ตั้งแต่ถือกำเนิดมาอาจจะยังไม่มีผู้ใดในดินแดนแห่งนี้ได้พบเจอเสียด้วยซ้ำไป ต่อให้หลงเฉินมีวาสนาจนล้นฟ้าเพียงใด การค้นหาผลกิเลนมาสักเสี้ยวหนึ่งกลับไปไม่ต่างอันใดไปจากงมเข็มในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล

หลังจากที่ปะทุเพลิงแห่งความยินดีขึ้นมาได้ไม่นานก็ถูกน้ำเย็นสาดเข้ามาจนมอดดับไป นี่เป็นภารกิจที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จเลยแม้แต่น้อย

หากเคล็ดกายานวดาราเป็นการสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ฉะนั้นวัตถุดิบในโอสถก็คงจะต้องเป็นสมุนไพรที่มาจากยุคโบราณด้วยเช่นกัน ทว่าตอนนี้กาลเวลาก็ได้ล่วงเลยมาเนิ่นนานแล้ว เขาจะหาสมุนไพรที่หายากเหล่านี้จากที่แห่งใดกันเล่า?

นอกจากจะหายากแล้ว ยังต้องใช้เป็นจำนวนมากอีก นี่เป็นสิ่งที่ยากพอๆ กับปีนป่ายขึ้นไปบนทรวงสวรรค์เลยก็ว่าได้ แค่คิดก็ทำให้จิตใจของเขาเ**่ยวเฉาลงไปได้แล้ว

เพียงแค่ดวงดาราเม็ดที่สองของนวดาราก็นำพาเข้าไปพบเจอกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็ญถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เช่นนั้นก็อย่าได้พูดถึงดวงดาราเม็ดที่สาม สี่ และต่อๆ ไปอีกเลย

ทว่าเมื่อไตร่ตรองดูอีกครั้งหนึ่งแล้ว เขาคงจะคิดในแง่ร้ายเกินไป หากภายในจักรวรรดิเฟิงหมิงไม่มี ก็ไม่ได้หมายความว่าในสถานที่แห่งอื่นนั้นจะไม่มีไปด้วย

เพราะป่ายหลิงแห่งหมู่ตึกฮวาหวินและชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นต่างก็คิดกันว่าในดินแดนแห่งนี้ช่างทุรกันดารเป็นอย่างยิ่ง บุคคลภายนอกต่างก็คิดว่าเขาเป็นดั่งกบในกะลาอย่างไรอย่างนั้น

แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ลองไปยังสถานที่ที่เรียกว่าโลกภายนอกกัน? แล้วก็ต้องไปเยี่ยมเยือนภรรยาในอนาคตของเขาด้วย เพราะหากปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปนานกว่านี้ นางอาจลืมเลือนเขาไปได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องราวที่น่าโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันหลงเฉินก็นึกถึงแผ่นป้ายหุบเขาโอสถที่ปรมาจารย์หวินฉีมอบให้เขาเมื่อนานมาแล้ว จึงยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นกว่าเดิม ที่นั่นคงจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้หลอมโอสถที่แท้จริงอย่างแน่นอน

หากเขาสามารถเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้คงจะค้นหาสมุนไพรหายากได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้ฝึกเคล็ดกายานวดาราได้สำเร็จเร็วขึ้นอย่างแน่นอน

ความรู้สึกที่อยากจะออกไปผจญภัยยังโลกภายนอกทำให้จิตใจของหลงเฉินกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเป็นอย่างมาก

“ก๊อกแกร๊ก”

ประตูห้องค่อยๆ ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งที่ยกถังน้ำพร้อมกับผ้าผืนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา

“เจ้าย่องเข้ามาเบาถึงเพียงนั้นเพราะกลัวว่าข้าจะตื่นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินยิ้มกริ่มให้กับการกระทำของหญิงสาว

หญิงสาวผู้ที่เข้ามาเยือนมีร่างกายอ้อนแอ้นอรชร เส้นผมสีดำขลับยาวเหยียดไปจนถึงช่วงเอว แววตาสุกสกาวสดใส คิ้วงามประดุจพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว นางก็คือองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิเฟิงหมิงนามว่าฉู่เหยานั่นเอง

ร่างบางของฉู่เหยาสะดุ้งตัวโยนขึ้นมา พร้อมกับหันไปมองยังร่างของชายหนุ่มที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ใบหน้าของหลงเฉินจ้องมองมาที่นางแล้วหัวเราะคิกคักอย่างสุขใจ พลางก็อดเขินอายจนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาไม่ได้

“เจ้าตื่นแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยล้างหน้าให้เจ้าเอง”

ฉู่เหยาวางถังน้ำไว้ที่พื้นแล้วใช้มืออันขาวผ่องหยิบผ้าที่แช่น้ำไว้บิดไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็เดินเข้ามานั่งอยู่ข้างกายของหลงเฉินพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ แล้วเช็ดไปที่ใบหน้าของหลงเฉินอย่างนุ่มนวล

จมูกของหลงเฉินสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของฉู่เหยา และสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน จึงทำให้จิตใจของเขาเกิดความอบอุ่นขึ้นมาเป็นสาย ทันใดนั้นเองมือใหญ่ทั้งสองข้างก็ได้รวบไปที่เอวบางของฉู่เหยาในทันที

“ว้าย”

แล้วฉู่เหยาก็เข้าไปอยู่ภายในอ้อมกอดของหลงเฉิน แผ่นหลังอิงแอบแนบชิดกับแผงอกของหลงเฉิน เขากระชับอ้อมกอดจนแน่นคล้ายกับจะไม่ปล่อยให้นางไปแห่งใดได้อีก ยิ่งทำให้หัวใจของนางเต้นระรัวมากขึ้น และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นอย่างล้นปรี่

ทั้งสองคนไม่ได้กล่าววาจาอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกและหัวใจที่เต้นระรัวของอีกฝ่ายซึ่งสามารถใช้แทนคำพูดทั้งหมดภายในจิตใจออกไปได้ทั้งหมดแล้ว

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานเพียงใดก็ไม่อาจทราบได้ ฉู่เหยาผละจากอ้อมกอดช้า กวาดนิ้วมือไปตามใบหน้าของหลงเฉิน ดวงตาคู่งามมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนออกมา “หลงเฉิน อยู่ด้วยกันเช่นนี้ตลอดไปได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้พวกเราต้องแยกจากกันอีกแล้ว”

จู่จู่หลงเฉินก็นึกถึงคำพูดหนึ่งของหญิงสาวที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หญิงสาวที่ไม่ได้งดงาม ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปี่ยมไปด้วยพลังบางอย่างที่ทำให้ผู้คนอยากทะนุถนอม

“ข้าหวังเพียงแค่ว่าในช่วงเวลาที่เจ้ามองไปที่สร้อยเส้นนี้แล้วจะได้นึกถึงข้า……ที่จะรักเดียวใจเดียว……ตามเจ้าออกไปล่าสัตว์……และมีทารกด้วยกัน”

จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ลูบไปที่สร้อยคอเส้นนั้นเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงภาพหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้นที่ไม่ทราบว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?

“หลงเฉิน เจ้ามีความในใจอย่างนั้นหรือ?” ฉู่เหยาสังเกตเห็นอาการที่เปลี่ยนไปของหลงเฉินจึงเอ่ยถามขึ้นมา

หลงเฉินเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเองในตอนที่เขาถูกยิงฮวาไล่ล่าเข้าไปในป่าลึกจนได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวฮวาและคนในหมู่บ้านให้ฉู่เหยาฟัง

“หลงเฉิน เสี่ยวฮวาช่างเป็นสตรีที่โอบอ้อมอารียิ่งนัก เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธนางเช่นนั้น” เมื่อได้ยินเรื่องราวของเสี่ยวฮวา ภายในจิตใจของฉู่เหยาก็เกิดความเสียใจขึ้นมา

ถึงแม้ว่านางจะเป็นถึงองค์หญิง ทว่าก็ทราบอยู่แก่ใจว่าบุรุษที่แข็งแกร่งย่อมมีภรรยาสามสี่คนได้ และนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดอยู่แล้ว

นางไม่เคยคิดจะผูกมัดความรักของหลงเฉินมาก่อน ทว่าการที่ได้ยินว่าเขาไปพบพานกับหญิงสาวอื่นมาก็อดเสียใจขึ้นมาไม่ได้ อีกทั้งยังหวาดกลัวขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง เพราะเกรงว่าเสี่ยวฮวาจะไม่ยินดีกับการคงอยู่ของนาง

หลงเฉินมองไปเป็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงของฉู่เหยาที่เหมือนกับกระต่ายน้อยกำลังตื่นตูมอยู่จึงหอมไปที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวออกมาว่า

“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าพวกเราได้สัญญากันไปแล้วหรอกหรือ?”

ดวงตาคู่งามของฉู่เหยาทอประกายฉงนสงสัยขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนที่จะนึกถึงภาพเหตุการณ์ในเทศกาลโคมไฟเฟิงหมิง พลันที่ริมฝีปากก็ได้ท่องบางอย่างขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

“มังกรเวียนว่ายอยู่สี่คาบสมุทรนับหมื่นลี้ หงส์โบยบินออกจากดินแดนทั้งเก้า ความเป็นตายก็เหมือนกับสายทางแห่งโลหิต มังกรหงส์ยังคงอยู่กันจนแก่เฒ่า”

“หลงเฉิน พวกเราสามารถอยู่กันจนแก่เฒ่าได้อย่างนั้นหรือ?”

เมื่อฉู่เหยาหวนรำลึกถึงประโยคเหล่านั้นขึ้นมาทั้งหมด ภายในดวงตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดกำลังจ้องมองไปที่หลงเฉิน

“แน่นอน พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” หลงเฉินลูบไปที่ใบหน้าของฉู่เหยาอย่างแผ่วเบา

“แต่…ข้ากลัวว่าข้าจะเป็นเช่นเดียวกับเสี่ยวฮวา” ฉู่เหยาหลั่งหยาดน้ำตาออกมาด้วยใบหน้าสลดเป็นยิ่งนัก

“ไม่เหมือนกัน เสี่ยวฮวามีสิ่งที่ต้องปกป้องอยู่ นางจึงไม่อาจไปจากหมู่บ้านของนางได้ ส่วนข้าเองก็มีสิ่งที่จะต้องปกป้องอยู่ นั่นก็คือเจ้า” หลงเฉินยิ้มกว้างแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“จอมวายร้าย ข้าเป็นสิ่งของเจ้าหรือ” ใบหน้าของฉู่เหยาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง แล้วตบไปหน้าอกของหลงเฉินด้วยความขวยเขิน

ความงดงามของฉู่เหยาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเมามายเป็นอย่างยิ่ง ความน่าเอ็นดูของนางทำให้เขาลืมเลือนความเศร้าโศกไปจนหมดสิ้นเลยก็ว่าได้ อีกทั้งภายในจิตใจยังบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างถึงที่สุด

ฉู่เหยาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ภายในจิตใจนางคล้ายกับถูกลบล้างคำสาปออกไปทั้งหมด เมื่อยู่ต่อหน้าหลงเฉินก็ไม่จำเป็นจะต้องเสแสร้งแกล้งทำอันใดอีกต่อไป สามารถกลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างสบายใจ

หลงเฉินคล้ายกับต้องมนต์สะกดจากจิตใจโอบอ้อมอารีของฉู่เหยาจึงอยากจะโอบกอดร่างบางของนางเอาไว้ไปอีกเนิ่นนานแสนนาน

“หลงเฉิน ม่งฉีเป็นผู้ใดกัน?” จู่จู่ฉู่เหยาก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

หลงเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันทีและไม่ทราบว่าควรจะตอบกลับไปเช่นไร

“ข้า……ไม่ได้คาดคั้นเอาสิ่งใด ข้าแค่เพียงอยากทราบเรื่องราวของม่งฉีเจี่ยเจี่ยสักนิด เผื่อในวันข้างหน้า……จะสามารถอยู่ร่วมกันได้” เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่กล่าววาจาอันใดออกมา ฉู่เหยาจึงรีบเอ่ยขึ้นมา

หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตระหนักได้ทันทีว่านางจะต้องได้ยินมาจากมารดาที่เอ่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นฉู่เหยาก็คงจะไม่ถามถึงม่งฉีเช่นนี้

“ขอบใจเจ้ามาก” หลงเฉินตอบกลับไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ

“เจ้าจะขอบใจข้าด้วยเรื่องอันใด?” ฉู่เหยาถามด้วยความสงสัย

“เจ้าเป็นถึงองค์หญิงของจักรวรรดิ ทว่าข้ากลับทำให้เจ้าต้องมาลำบากทั้งกายและจิตใจ” เมื่อหลงเฉินได้ยินว่าฉู่เหยาเรียกขานม่งฉีว่าเจี่ยเจีย จึงทราบได้ทันทีว่านางยินยอมเป็นน้อย หากมองจากมุมมองของสตรีนางหนึ่งแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่

ฉู่เหยาส่ายหน้าไปมา “ข้าไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องไม่ดี ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกอันดี ข้าก็ต้องยอมรับเอาไว้ไม่ใช่หรือ ดีเสียกว่าถูกขังอยู่ในกรงทอง เป็นนกน้อยที่ไม่อาจโบยบินได้อย่างอิสระ ที่ข้าถูกปลดปล่อยออกมาได้ก็เป็นเพราะเจ้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งหมดของข้า

ข้าก็ไม่ทราบว่าเหตุอันใดในครั้งแรกที่ได้พบกันเจ้ากลับบังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดชนิดหนึ่งขึ้นมา เมื่อหวนนึกกลับไปความรู้สึกเช่นนั้นคงจะเรียกว่าโชคชะตาแล้วกระมัง”

“อือ คงจะเป็นโชคชะตาอย่างที่เจ้าว่า ทว่าครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเจ้ากลับตกอยู่ในร่างแหไม่ใช่หรือ แล้วก็เกือบจะกลายเป็นเนื้อบดอีกด้วย” หลงเฉินหัวเราะพลางก็กล่าวหยอกเย้าฉู่เหยาออกไป

“เจ้า……เจ้าก็ทุบตีข้าไปแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าวายร้าย” ฉู่เหยาลูบไปที่มือของหลงเฉินคล้ายกับสัมผัสความรู้สึกที่จารึกเอาไว้ แล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งสองคนหวนนึกถึงภาพในวันวานที่พบกันครั้งแรก พลางก็สบสายตามองกันไปมาแล้วหัวเราะอย่างสุขใจ จากนั้นหลงเฉินก็ได้เล่าเรื่องราวของม่งฉีให้ฉู่เหยาฟัง อีกทั้งยังเล่าให้ฟังว่าม่งฉีได้มอบหมาป่าหิมะแดงเพลิงให้กับเขาด้วย

“หลงเฉิน เจ้าเป็นคนที่ดีผู้หนึ่งเลยนะ” เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบ ฉู่เหยาก็ลูบไปที่ใบหน้าของหลงเฉินเบาๆ แล้วกล่าวขึ้นมา

นับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับหลงเฉิน นางก็ทราบดีว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานมามากมายเหลือคณานับ อีกทั้งยังหนักหนากว่านางหลายเท่าตัว

ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะถอนหมั้นม่งฉีไปแล้ว ทว่ากลับไม่ได้มีความเกลียดชังบังเกิดขึ้นมาเลย อีกทั้งยังนึกถึงแต่เรื่องราวที่ดีของอีกฝ่าย สำหรับนางแล้วหลงเฉินถือว่าเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจผู้หนึ่ง

และแม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีร่างกายและหนังหน้าที่แข็งแรงจนสามารถรับทั้งดาบ หอก กระบี่เอาไว้ได้ ทว่าจิตใจอันงดงามเช่นนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคู่ควรเลย

หลงเฉินหวนนึกถึงความรู้สึกอันดีที่มีต่อม่งฉี จะว่าไปแล้วหากไม่ใช่เพราะความสามารถในเชิงเกี้ยวพาราสีแล้ว มีหรือที่เขาจะอ่านจิตใจของม่งฉีได้

ด้วยฝีมือในการเกี้ยวพาราสีของเขาจึงทำให้มีสาวงามมาอยู่ในอ้อมแขน อีกทั้งนางยังเกิดความรักใคร่ต่อเขาอย่างไม่เสื่อมคลายอีกด้วย คิดไปคิดมาความสามารถเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่ง

ความรู้สึกของฉู่เหยาในตอนนี้กลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด ทว่าทางม่งฉีนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่อาจทราบได้ ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่านางจะว่าง่ายอย่างฉู่เหยาหรือไม่

ถึงแม้ว่าม่งฉีจะมีจิตใจอันดีงาม ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเปิดใจอยู่ร่วมกับหญิงสาวที่แบ่งปันความรักจากเขาไปด้วยเช่นกัน และแม้แต่ความรู้สึกของเขาเองก็ยังแน่ใจว่าระหว่างเขากับนางจะสามารถก้าวเข้าสู่ ‘ความรู้สึกรักใคร่’ ได้หรือไม่ หรือทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเพียงความคิดไปเองของเขาเพียงผู้เดียว

เมื่อใช้ความคิดมาถึงตรงนี้แล้วหลงเฉินก็รู้สึกเหมือนกับสมองกำลังพองโตขึ้นมา ทั้งที่เขาเพิ่งจะสะสางปัญหาของตระกูลหลงไป กลับต้องมีเรื่องอีกมากมายพลั่งพลูเข้ามา

‘ตึง’

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเบาๆ จากหน้าประตู ฉู่เหยาตกใจจนผละออกจากอ้อมแขนของหลงเฉินในทันที ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset