สองชราและหนึ่งเยาว์ปรากฏตัวขึ้นมาที่เบื้องหน้าของหลงเฉินและเสี่ยวเสว่ย เฒ่าชรามีเส้นผมสีขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ทว่าบนร่างกายกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสมาธิอันมหาศาลไม่เหมือนกับคนที่ใกล้จะลงโลงเลยแม้แต่น้อย
ส่วนผู้เยาว์เพียงคนเดียวน่าจะมีอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น รูปร่างสูงใหญ่พอประมาณ บนใบหน้าที่บึ้งตึงมีรูจมูกที่กว้างประดุจช่องระบายอากาศ หลงเฉินเชื่อว่าหากผู้ใดได้เห็นใบหน้าเช่นนี้ต่างก็ต้องรู้สึกเคืองสายตาเฉกเช่นเขาอย่างแน่นอน
“หยุด” ผู้เยาว์รูจมูกบานตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“เหตุใดพวกเจ้าถึงต้อนรับคนเข้าใหม่เช่นนี้กัน?” หลงเฉินจดจ้องไปที่ชายทั้งสามคนด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“คนเข้าใหม่? หึหึ เจ้าหนู คุณชายอย่างข้าไม่ต้องการที่จะกล่าววาจาไร้สาระกับเจ้า จงถอดแหวนมิติแล้วส่งมาซะ อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องรับโทษที่แสนสาหัสจนแสบไปถึงเนื้อหนังแล้ว” ผู้เยาว์รูจมูกบานกล่าวขึ้นมาพร้อมทั้งทอสีหน้าโอหังขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
หลงเฉินงุนงงขึ้นมายกใหญ่ เดินทางมาตามเส้นทางที่ทอดยาวอย่างยากลำบาก อีกทั้งก็ใกล้จะถึงตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์อยู่แล้ว ทว่ากลับต้องมาถูกดักปล้นในสถานที่แห่งนี้ไปเสียได้
“เจ้าหนู เจ้าเป็นตัวโง่งมไปแล้วอย่างนั้นหรือ คุณชายของข้าเอ่ยปากถึงเพียงนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก เจ้าช่วยรวบรัดเสียหน่อยเถิด อย่าได้ทำลายความหวังดีของคุณชายเลย”
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อโลหิตตอนปลายที่แผ่ซ่านออกมาจากเจ้าหนูที่ถูกเรียกว่าคุณชาย ส่วนเฒ่าชราอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว
“มาดักปล้นศิษย์ของสำนักพลิกสวรรค์ในอาณาเขตของสำนักช่างหาญไม่น้อยเลยนะ” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน
“ไร้สาระ ประการแรกก็คือสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่อาณาเขตของตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องเดินทางเข้าไปอีกเกือบร้อยลี้จึงจะเป็นอาณาเขตของสำนัก
ส่วนประการที่สองก็คือเจ้ายังไม่ผ่านการทดสอบจากทางตึกข้าง ฉะนั้นก็ไม่สามารถถือตนเป็นศิษย์ของสำนักพลิกสวรรค์ได้
และประการสุดท้าย อย่าได้เอ่ยถึงตึกข้างสถุลนั้นอีก หากไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบัตรเทียบเชิญก็อย่าได้กล่าวไร้สาระขึ้นมาอีก เพราะแม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างข้าก็ยังไม่ถูกรับเชิญเลย
เช่นนั้นเจ้าหนูที่มีระดับพลังเพียงขอบเขตขั้นก่อโลหิตตอนกลางเช่นเจ้าจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์ได้อย่างไรกัน หยุดกล่าววาจาไร้สาระแล้วส่งแหวนมิติมาซะ”
เมื่อได้กล่าวมาถึงตอนท้ายเสียงของผู้เยาว์รูจมูกบานก็ดังขึ้นจนกลายเป็นคำรามขึ้นมา อีกทั้งยังมีใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคือง พลันก็ได้ชี้นิ้วมาที่หลงเฉิน
ในที่สุดหลงเฉินก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าหนูผู้นี้จะต้องเป็นผู้ที่ยศถาบรรดาศักดิ์ผู้หนึ่งอย่างแน่นอน และคาดว่าทางตระกูลของเขาคงจะต้องแกร่งกล้าอยู่พอควร ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มียอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นติดตามมาด้วยถึงสองคน
และอีกประการหนึ่งก็คือตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์จำเป็นจะต้องใช้บัตรเทียบเชิญจึงจะสามารถเข้ารับการทดสอบได้ เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของเจ้าหนูผู้นี้แล้วก็คาดเดาได้ว่าคงจะถูกตะเพิดออกมาเมื่อไม่นานมานี้แน่นอน
“ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกยินดีนักที่ได้พบเจ้า ทว่าหากเจ้าต้องการแสวงหาผลประโยชน์ก็ลองไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกดูก่อนเถิด อาจจะดีเสียกว่ามาเผชิญหน้าอย่างไร้ทางสู้เช่นนี้” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างถึงที่สุด
“หาที่ตาย” ผู้เยาว์รูจมูกบานเกรี้ยวกราดขึ้นมาอย่างหนัก เสียงตะโกนแผดออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย พลันในมือก็มีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา
หลงเฉินจ้องมองไปยังปลายดาบที่ชี้มาหาตน “อย่าได้ใช้เศษเหล็กชั้นสวะเช่นนั้นชี้มาที่ข้า การกระทำเช่นนั้นทำให้ข้ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง”
“อย่าคิดว่ามีสัตว์มายาระดับสองเป็นพาหนะแล้วจะโอหังได้ เจ้าคงยังไม่เคยพบเจอกับโลกภายนอกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กใช่หรือไม่?”
ผู้เยาว์รูจมูกบานด่าทอออกมายกใหญ่ พลันก็ได้ตวัดกระบี่ยาวในมือแล้วพุ่งทะยานมาที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว คมกระบี่พุ่งเข้ามาจากทุกสารทิศจนเกิดความเย็นเยียบถาโถมเข้ามา ถึงแม้ว่าจะเป็นพลังในขอบเขตก่อโลหิต ทว่าอานุภาพของพลังทำลายกลับไม่แพ้ระดับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเลย
ภายในจิตใจของหลงเฉินเองเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นชายหนุ่มผู้นี้อยู่ในสายตา ทว่ายอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตที่สามารถปะทุพลังทำลายของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นออกมาได้ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้กลับยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์ได้ อีกทั้งยังถูกขับไล่ออกมา ฉะนั้นการคัดเลือกศิษย์ของตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์คงจะเข้มงวดกันน่าดูเลยทีเดียว
“ยังกล้าเฉยเมยอยู่อีก ไปตายซะ”
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่มีทีท่าที่จะลงมือตอบโต้แต่อย่างใด อีกทั้งยังเหม่อลอยคล้ายกับกำลังจมดิ่งสู่ห้วงความคิดอยู่ จึงทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเมินเฉยอย่างหยาบคาย
ผู้เยาว์รูจมูกบานเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างท่วมท้น ก่อนหน้านี้เพียงต้องการให้หลงเฉินเกิดความแตกตื่นเท่านั้น ทว่าบัดนี้กลับต้องพุ่งกระบี่ยาวฝ่าสายลมออกไป หมายจะให้หลงเฉินได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส
“เหตุใดต้องทำตัวยุ่งยากด้วยนะ” หลงเฉินถอนหายใจพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างเอือมระอา
“ปัง”
ในขณะที่ผู้เยาว์รูจมูกบานใกล้จะเข้ามาประชิดตัวก็ได้มีอุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบขวางลงมาจนเงาร่างที่กำลังมุทะลุเข้ามาถึงกับกระเด็นออกไปคล้ายกับสายว่าวขาดในทันที
“พรวด”
ในระหว่างที่ร่างนั้นลอยออกไปก็ได้กระอักโลหิตเลือดคำโต เฒ่าชราที่มองดูสถานการณ์อย่างสงบนิ่งมาโดยตลอดก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พลันก็ได้ผสานมือกันเพื่อรับร่างของคุณชายอย่างทันควัน
“เจ้า……พรวด”
ผู้เยาว์รูจมูกบานจ้องเขม็งมาที่หลงเฉินที่กำลังนั่งอยู่ด้านบนหลังของเสี่ยวเสว่ยด้วยความสบายใจ อีกทั้งยังเผยยิ้มกลิ้งกลอกขึ้นมา ทันทีที่จะอ้าปากกล่าวบางอย่างออกมากลับหลายเป็นสายโลหิตพวยพุ่งออกมาแทน
“สัตว์มายาระดับสาม! เจ้ามีพาหนะเป็นถึงสัตว์มายาระดับสามอย่างนั้นหรือ?” เฒ่าชราทั้งสองคนจ้องมาที่หลงเฉินด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดผวาคล้ายกับมีภูตผีมาปรากฏอยู่ตรงหน้า
หลงเฉินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย หากควบสัตว์มายาระดับสามเข้าไปในตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์ก็คงจะทำให้ผู้คนแตกตื่นจนเกินไป ฉะนั้นเขาจึงให้เสี่ยวเสว่ยซ่อนสภาวะพลังเอาไว้ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังใช้ผงโอสถสีขาวชโลมไปที่ขนสีแดงที่หว่างคิ้ว เมื่อไม่มีเครื่องหมายนี้ก็มีน้อยคนนักที่จะจดจำสถานะที่แท้จริงของหมาป่าหิมะแดงเพลิงได้
ในสายตาของผู้คนนั้นเสี่ยวเสว่ยจึงเป็นเพียงสัตว์มายาขนาดใหญ่ที่อยู่ในระดับสองเท่านั้น ทว่าเมื่อได้ลงมือกลับเปิดเผยพลังฝีมือทั้งหมดของตัวเองออกมาเสียได้
เมื่อสัตว์มายาระดับสามได้ปลดปล่อยบรรยากาศอันคลุ้มคลั่งขึ้นมา ก็ได้สร้างความหวาดผวาให้เฒ่าชราทั้งสองจนภายในจิตใจแอบร่ำร้องว่าแย่แล้ว
ในวันนี้สองเฒ่าชราออกมาเป็นผู้ติดตามของคุณชายเพื่อเข้ารายงานตัวที่สำนักพลิกสวรรค์ ตอนมาเยือนนั้นมีความมั่นใจอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับคว้าน้ำเหลวเสียอย่างนั้น อย่าว่าแต่ผู้เยาว์รูจมูกบานเลย ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ยังต้องเดือดดาลขึ้นมาอย่างถึงขีดสุด
เมื่อออกมาจากสำนักพลิกสวรรค์แล้วผู้เยาว์รูจมูกบานจึงได้เสนอให้ดักปล้นผู้ที่กำลังจะเดินทางมาเพื่อทดสอบเข้าสำนัก พวกเขาจึงเห็นพ้องต้องกันว่าวิธีนี้คงจะช่วยลดทอนความอัดอั้นภายในจิตใจของคุณชายได้ อีกทั้งยังอยากทราบว่าผู้ที่ได้รับบัตรเทียบเชิญจากตึกข้างนั้นมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงใด
เมื่อเดินทางจนมาพบเจอกับเด็กหนุ่มร่างผอม ภายในจิตใจของพวกเขาจึงยินดีขึ้นมายกใหญ่ คุณชายคงจะได้ระบายอารมณ์จนหายเกรี้ยวกราด ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับตาลปัตรกลายมาเป็นเช่นนี้ไปได้
“พวกเจ้าคงจะทราบแล้วนะว่าควรที่จะทำอย่างไรต่อไป” หลงเฉินปรายสายตาไปที่บุคคลทั้งสามอย่างเย็นชา พร้อมทั้งเอ่ยวาจาที่มีความนัยบางอย่างขึ้นมา
“ท่านวีรบุรุษน้อย วันนี้พวกข้าล่วงเกินมากเกินไปแล้ว ฉะนั้นขอตัวก่อน”
เฒ่าชราผู้หนึ่งกล่าวตอบกลับไปอย่างร้อนรน เมื่อกล่าวจบก็ได้หันไปสบสายตากับเฒ่าชราอีกคนด้วยความหมายว่ารีบจากไปโดยเร็วกันเถิด
ทว่าเฒ่าชราผู้นั้นกลับเกิดความลังเลขึ้นมาแล้วปรายสายตามาที่หลงเฉินอย่างเย็นเยียบ “เจ้าหนู เจ้าคิดว่าจะปิดบังผู้ชราอย่างข้าได้อย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีสัตว์มายาระดับสามเป็นพาหนะ ทว่าพวกเราเป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นถึงสองคน ขอเพียงตรึงสุนัขตัวนั้นของเจ้าเอาไว้ได้ เจ้าก็จะเป็นแค่เศษสวะผู้หนึ่งเท่านั้น ช่างน่าตลกยิ่งนักที่คนอย่างเจ้ากล้าข่มขู่พวกข้า”
หลงเฉินขมวดคิ้วเข้าชนกันอย่างวุ่นวาย “เช่นนั้นความหมายของเจ้าก็คือ…?”
“เจ้าหนู ผู้ที่บรรลุแล้วย่อมไม่กล่าววาจาคลุมเครือ คุณชายของข้านั้นไม่ได้สนใจต่อสิ่งของบัดซบที่อยู่ในตัวของเจ้า ทว่าเพียงอยากหาความสุขเพียงเล็กน้อยด้วยการลงมือก็เท่านั้น
สัตว์มายาของเจ้าได้ทำร้ายคุณชายจนบาดเจ็บจึงไม่อาจพ้นโทษด้วยความตายได้ ทว่าสถานที่แห่งนี้ใกล้อาณาเขตของตึกข้างแห่งสำนักพลิกสวรรค์จนเกินไป พวกเราเองจึงไม่คิดที่จะสังหารผู้คน
โทษด้วยความตายนั้นสามารถละเว้นได้ทว่าไม่อาจผ่อนปรนได้เช่นกัน ฉะนั้นเจ้าสมควรส่งแหวนมิติมาเสียดีกว่า จากนั้นก็โขกศีรษะกับพื้นเพื่อขอขมาต่อคุณชายซะ”
ทันใดนั้นเฒ่าชราก็ได้ชี้มาที่เสี่ยวเสว่ยแล้วตะโกนด่าทอว่า “ส่วนสัตว์นรกที่ทำร้ายคุณชายของข้า มันต้องตายสถานเดียว”
หลงเฉินเหม่อมองอย่างตัวโง่งมผู้หนึ่งไปที่เฒ่าชรา แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา “หนีไปเสียแต่ตอนแรกก็ดีอยู่แล้ว ทว่ากลับยืนกรานอย่างโง่งมถึงเพียงนี้ นี่พวกเจ้าไม่เข้าใจความหมายของข้าอย่างนั้นหรือ สมองของพวกเจ้ามีไว้ใส่สิ่งใดอยู่กันแน่?”
“สามหาว!”
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังคงไม่แยแสต่อความหวังดีของตน เฒ่าชราจึงบังเกิดโทสะขึ้นมาอย่างท่วมท้น บนร่างกายปะทุพลังทำลายออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลงเฉินก็ได้ปลดปล่อยสภาวะพลังออกมาต้านด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของหลงเฉินไม่มีการแสดงออกถึงอารมณ์ใดใด เพียงแต่ใช้ดวงตาคู่คมมองไปที่กลุ่มคนเหล่านั้นอย่างเยือกเย็น ขณะนี้เขามีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตระดับที่หกแล้ว
นอกจากเคล็ดกายานวดาราที่แปลกประหลาดแล้ว ในการทะลวงพลังทุกครั้งต่างก็ทำให้หลงเฉินรับรู้ได้ถึงขุมพลังที่เพิ่มขึ้นมาประดุจสามารถครอบคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าได้เลย
เมื่อร่างกายแข็งแกร่งขึ้นก็ทำให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นไปด้วย ความมั่นใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในตัวเอง ทว่าเกิดขึ้นในสภาวะจิตใจที่ไม่หวาดเกรงต่อผู้ใดแล้ว ต่อให้แผ่นดินถล่มผืนฟ้าทลายก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนความเป็นความตายไปจากเงื้อมมือของเขาได้
พลังการต่อสู้ของเฒ่าชราทั้งสองคนอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นซึ่งเทียบเท่ากับเซี่ยโหยวอวี่ ในช่วงเวลาเช่นนั้นเขายังไม่ได้ใส่ใจต่อเซี่ยโหยวอวี่เลยแม้แต่น้อย แล้วในตอนนี้จะให้รู้สึกอันใดได้เล่า?
ภายในพริบตาเดียวเฒ่าชราผู้นั้นก็ได้ปะทุพลังอันมหาศาลออกมา ทั้งที่หลงเฉินก็ไม่ได้หนีหายไปจากที่แห่งนั้น ทว่าเขากลับยังเก็บรั้งพลังสภาวะเอาไว้ส่วนหนึ่ง
“ซูม”
เฒ่าชราผู้นั้นขยับฝีเท้าครั้งหนึ่งจนหลงเหลือเป็นเพียงเงาร่างอยู่ที่เดิม จากนั้นสายลมก็ได้พลิ้วไหวขึ้นมาเหนือศีรษะของหลงเฉิน แล้วฝ่ามือข้างหนึ่งก็ได้ฟาดลงมาในทันที
“เจ้าหนูผู้สามหาว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกว่าควรแสดงความเคารพอย่างไร”
“ผัวะ”
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากด้วยความเย้ยหยันเป็นอย่างมาก พลันก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งกวาดขึ้นไป มือใหญ่ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาต่อเนื่อง สายลมโดยรอบกรรโชกอย่างรุนแรงจนกลายเป็นพายุหมุนวนตลบไปทั่วทุกสารทิศ
ดวงตาของผู้เยาว์รูจมูกบานกับเฒ่าชราอีกผู้หนึ่งเบิกกว้างขึ้นมาด้วยอาการตกใจยกใหญ่ ชายหนุ่มที่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งกลับไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
“ตาเฒ่าโง่งม ข้ายังมองไม่เห็นเลยว่ามีสิ่งใดในตัวของเจ้าบ้างที่ข้าจะสามารถให้ความเคารพได้”
ทันใดนั้นพลังสภาวะบนฝ่ามือข้างใหญ่ก็ได้เพิ่มสูงขึ้น เฒ่าชราทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ราวกับถูกตะปูตอกเข้ามาจนเป็นรูพรุน
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว”
หลงเฉินเอ่ยวาจาออกมาอย่างแผ่วเบา พลันก็ได้ง้างวงแขนออกแล้วฟาดไปยังเฒ่าชราที่บัดนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนไปเสียแล้ว ร่างกายอันเ**่ยวย่นถูกซัดไปไกลคล้ายกับเป็นกระสอบทรายอันหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“ปังปังปังปัง……ตึง”
เสียงระเบิดดังติดต่อกันอยู่หลายครั้งจนเฒ่าชราไปหยุดร่างอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่อย่างรุนแรง เสียงแจกหักจากภายในร่างกายเล็ดลอดออกมา แล้วสายโลหิตจำนวนมากก็ไหลรินออกจากริมฝีปาก
ความเงียบงันเข้าปกคลุมบริเวณนั้นราวกับเป็นป่าช้าผืนหนึ่ง ผู้เยาว์รูจมูกบานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อครู่กลับลืมเลือนความบาดเจ็บไปจนหมดสิ้น ดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่เชื่อจ้องมองมาที่หลงเฉิน
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกเจ้าก็คงจะทราบเสียทีนะว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป”
หลงเฉินเผยรอยยิ้มเหยียดขึ้นมา ทว่าภายในดวงตาคู่คมกลับแฝงด้วยความเยือกเย็นเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ….