หลงเฉินจ้องเขม็งไปที่ดอกไม้ประหลาดจนตาแทบจะถลนออกมา นั่นเป็นสมุนไพรหายากอีกชนิดหนึ่งของการก่อรวมดาวดวงที่สอง——ดาราแปรแสง
การหลอมโอสถแปรแสงนั้นใช้สมุนไพรระดับสองเป็นส่วนผสมหลักที่แม้แต่ผู้หลอมโอสถสูงวัยของชุมนุมผู้หลอมโอสถก็แทบจะไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน
“เก้าใบชี้ฟ้าประดุจเทพเซียนได้บอกเส้นทางเอาไว้ ไม่เลว ข้าพบดอกเบญจมาสมนุษย์เซียนแล้ว”
เมื่อหลงเฉินแน่ใจแล้วว่ามองไม่ผิดไปก็ได้ทำการปีนป่ายไปตามหน้าผาสูงชันจนเห็นว่าดอกเบญจมาสมนุษย์เซียนได้อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วในตอนนี้ ทว่าทันใดนั้นภายในจิตใจก็เกิดอาการสั่นระรัวคล้ายกับเป็นสัญญาณเตือนภัยบางอย่าง
“ซูม”
ทันทีที่แหงนมองขึ้นไป ปากที่กำลังอ้ากว้างของงูเหลือมยักษ์ก็ได้ขยับเขามาใกล้ร่างของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว ถ้าหากหลงเฉินมีปฏิกิริยาที่ช้ากว่านี้ก็คงจะถูกมันงาบเข้าไปทั้งตัวอย่างแน่นอน
“ถูกคุ้มกันด้วยสัตว์มายาด้วยหรือ?”
หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังงูเหลือมยักษ์ตัวนั้นอย่างละเอียด ลำตัวของมันยาวใหญ่คล้ายกับถังน้ำขนาดใหญ่ ผิวหนังเป็นเลื่อมลายสีทอง เมื่อมันโจมตีไม่โดนก็ได้รั้งร่างเอาไว้ที่กิ่งไม้ด้านบน เพื่อเตรียมดีดตัวหมายจะโจมตีกลับมาที่หลงเฉินอีกครั้ง
ด้านหลังของมันถูกต้นไม้น้อยใหญ่บดบังเอาไว้จนเกิดเป็นจุดอับสายตาของหลงเฉิน “งูเหลือมทองคำ จัดเป็นการคงอยู่ในระดับสูงสุดของสัตว์มายาระดับสอง นอกจากนั้นก็ไม่ทราบอันใดอีกเลย คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอในสถานที่เช่นนี้ได้”
ภายในจิตใจหลงเฉินแตกตื่นขึ้นมาเล็กน้อย เส้นทางในแผนที่ที่ใช้ทดสอบจะต้องพบเจอกับสัตว์มายาด้วยหรือ? ฉะนั้นการทดสอบนี้ย่อมไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คาดคิดเอาไว้แล้ว ถึงแม้ว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์แทบจะทั้งหมด ทว่ากลับมีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น เพียงพลังการต่อสู้ขั้นต่ำที่สุดของงูเหลือมทองคำตัวนี้ย่อมสามารถคร่าชีวิตผู้คนเหล่านั้นได้เลย
“ซูม”
ในระหว่างที่หลงเฉินกำลังครุ่นคิดอย่างว้าวุ่นอยู่นั้น งูเหลือมทองคำก็ได้อ้าปากกว้างแล้วพุ่งเข้ามาหาเขาในทันที ปากที่อ้ากว้างของมันมีความสูงเท่ากับช่วงตัวของหลงเฉินอย่างพอดิบพอดี ภายในนั้นมีคมเขี้ยวยาวที่เห็นได้ชัดอยู่สี่ซี่ อีกทั้งยังเคลือบด้วยของเหลวใสที่น่าขยะแขยงอยู่
“โอสถเพลิง”
หลงเฉินปะทุก้อนเพลิงลูกหนึ่งขึ้นมาที่ใจกลางฝ่ามือ ทันทีที่งูเหลือมทองคำเข้ามาถึง มันก็ได้งับก้อนเพลงลูกนั้นแล้วกลืนลงไปในทันที พลันก็ได้เลื้อยถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตูม”
ภายในศีรษะอันใหญ่โตของสัตว์มายาก็ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น ชิ้นเนื้อแตกกระจุยกระจายออกมา อีกทั้งยังบังเกิดเป็นฝนโลหิตปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้า จนบัดนี้หลงเหลือเอาไว้แค่เพียงร่างอันยาวเหยียดของมันที่กำลังดิ้นพล่านอย่างบ้าคลั่ง
หลงเฉินทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปอย่างช้าๆ เขาใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่ซากศพของงูเหลือมทองคำแล้วกระโดดลอยขึ้นไปยังหน้าผาสูงชันอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าดอกเบญจมาสมนุษย์เซียนยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะทำให้ร่างของงูเหลือมทองคำมาตายทับดอกไม้ดอกนี้เสียแล้ว
ดอกเบญจมาศมนุษย์เซียนนี้จำเป็นจะต้องถูกเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หากว่าดอกไม้ได้รับความเสียหายเพียงจุดเดียวก็จะลดทอนคุณค่าของสมุนไพรเป็นอย่างมาก
ความจริงแล้วพลังการต่อสู้ของงูเหลือมทองคำตัวนั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเกล็ดสีทองบนลำตัวอันยาวเหยียดของมันที่หนาและแข็งแรงจึงมีพลังป้องกันสูงส่ง แม้แต่ดาบกระบี่อันคมกล้าก็ยังยากที่จะสร้างบาดแผลให้มันได้
แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ยังไม่อาจทำลายพลังป้องกันของมันได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งหากต้องหมอกพิษของมันเข้ามีแต่จะต้องตายสถานเดียว ต่อให้สกัดกลั้นลมหายใจก็ยังไม่อาจรอดพ้นจากพิษอันเข้มข้นนั้นได้
ทว่าหลงเฉินกลับล่วงรู้ว่ามันมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเฉพาะภายนอกเท่านั้น จึงได้ใช้ก้อนเพลิงส่งเข้าไปในปากของงูเหลือมทองคำจนศีรษะระเบิดเป็นจุล และต่อให้มันมีอีกหลายสิบชีวิตก็ไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของหลงเฉินไปได้
หลงเฉินทำการช้อนลงไปที่รากของดอกเบญจมาสมนุษย์เซียนอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังให้รากที่ดินติดขึ้นมาด้วย จากนั้นก็ได้เก็บลงในขวดขนาดหนึ่งเซียะ แล้วค่อยๆ วางลงไปในแหวนมิติ
หลงเฉินมองดูซากศพของงูเหลือมทองคำอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าท้ายที่สุดแล้วยังได้ปล่อยซากศพเอาไว้อย่างนั้น เพราะงูเหลือมทองคำนั้นมีเพียงเกล็ดที่แข็งแกร่งเท่านั้น ทว่าฤทธิ์ของพิษกลับไม่ได้รุนแรงพอที่จะคร่าชีวิตของผู้คน อีกทั้งยังไม่ได้มีราคาค่างวดมากมายเท่าใดนัก ฉะนั้นหลงเฉินจึงไม่จำเป็นต้องค้นหาสิ่งใดในสัตว์มายาตัวนี้
ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างในกอหญ้า ก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ก้อนหนึ่งกำลังถูกย่างด้วยเพลงโอสถของเขาอยู่ พลันก็ได้ยื่นมือข้างใหญ่ไปหยิบก้อนเนื้อสีสันสดใสที่มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือก้อนนั้นออกมา
ก้อนเนื้อนั้นคือแกนกลางอันงดงามของงูเหลือมทองคำ ภายในเนื้อก้อนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะอันบริสุทธิ์ของงูเหลือมทองคำ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งของมีค่าอย่างยิ่งยวด
สรรพคุณของมันสามารถใช้เป็นโอสถ หลอมโอสถ หรือหลอมเป็นอาวุธก็ย่อมได้ โดยเฉพาะหากใช้หลอมเป็นอาวุธขึ้นมาจะทำให้อาวุธชิ้นนั้นมีอานุภาพในการพลังทำลายล้างที่สูงล้ำ หรือที่เรียกกันว่าเครื่องมือปราณ
เครื่องมือปราณจำเป็นจะต้องใช้ฝีมือของผู้หลอมที่มีพลังงานอยู่ในระดับสูง หากมีการเสริมพลังยันต์อักขระเข้าไปด้วยจะยิ่งกระตุ้นพลังจากแกนกลางของสัตว์มายาได้ดี จึงทำให้เพิ่มพูนพลังในการทำลายขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
ทว่าเครื่องมือปราณกลับมีอยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันที่จะได้พบเจออาวุธอันร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อตรวจสอบดูโดยรอบแล้วก็พบว่าแกนกลางชิ้นนี้อยู่ในระดับต่ำ จึงไม่สามารถนำไปเป็นส่วนผสมในการหลอมอาวุธได้ ทว่าก็ยังพอจะมีค่าให้ใช้ประโยชน์ด้านอื่นอยู่บ้าง
หลังจากที่เก็บแกนกลางสัตว์มายาลงในแหวนมิติแล้ว หลงเฉินก็ได้เดินทางต่อ เขาเลือกเดินไปตามเส้นทางเลียบภูเขา เมื่อเดินตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ก็ได้มาหยุดตรงตรอกขนาดเล็กที่มีภูเขาสองลูกขนาบอยู่ทั้งสองข้างทาง
หลงเฉินทราบได้ในทันทีว่าสถานที่เช่นนี้ย่อมต้องมีแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกล อีกทั้งยังมีสมบัติอันเลอค่าจากธรรมชาติกำเนิดขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากที่ได้ครอบครองดอกเบญจมาสมนุษย์เซียนแล้ว ภายในจิตใจของหลงเฉินก็บังเกิดความรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่าอีกไม่นานจะต้องสมหวังในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้
หลังจากที่ได้เดินเข้าตรอกขนาดเล็กมาได้สิบลี้แล้ว จากตรอกขนาดเล็กก็ได้กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ จนเบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินในตอนนี้มีสายน้ำไหลเอื่อยอย่างสงบอยู่สายหนึ่ง
“ซูมซูมซูม”
เมื่อเดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม สายน้ำที่ไหลนิ่งก็ได้กระเพื่อมอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา อีกทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนหลงเฉินต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ
เบื้องหน้าของเขาปรากฏภาพของน้ำตกที่หลากลงมาจากยอดเขาจนแตกเป็นฟองน้ำกระจายไปทั่วทุกแห่งหนคล้ายกับไข่มุกนับล้านล้านเม็ด ยิ่งได้ต้องแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาแล้วยิ่งเพิ่มความงดงามให้กับน้ำตกเป็นอย่างมาก
น้ำที่ตกลงมานั้นใสสะอาดประดุจกระจก ใสเสียจนเห็นเป็นภาพเงาสะท้อนของพงไพรที่อยู่โดยรอบ หลงเฉินจ้องมองไปยังภาพอันสวยงามจนเกิดความลุ่มหลงอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
“เอ๊ะ ในน้ำมีปลาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นสายตาคู่คมของหลงเฉินก็ได้ประสานเข้ากับเงาร่างที่กำลังแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาทราบว่าเป็นฝูงปลาทว่ากลับไม่อาจระบุได้ว่าเป็นปลาชนิดใด
ทันใดนั้นที่ผิวน้ำก็สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ปลาตัวหนึ่งแอบว่ายขึ้นมาแตะที่ผิวน้ำเพื่อเขมือบผลไม้ลูกเล็กที่ลอยอยู่
“ปลาฉีหลิง?”
หลงเฉินย่อตัวลงแล้วจ้องเข้าไปยังก้นบึ้งของสายธารใสสะอาด ปลาขนาดใหญ่เท่าหนึ่งฝ่ามือที่มีเกล็ดสีสันฉูดฉาดปกคลุมอยู่ทั่วตัวกำลังดำดิ่งลงไปรวมกลุ่มอย่างรวดเร็ว
ปลาฉีหลิงนั้นไม่ใช่สัตว์มายา ทว่าเป็นปลาที่มีรสชาติชั้นเลิศ กล่าวกันว่าผู้มั่งคั่งได้ใช้เงินมากมายทว่ากลับซื้อได้เพียงลิ้นของมันมากิน ในขณะที่กินเข้าไปนั้นก็แทบจะกลืนลิ้นของตัวเองลงไปด้วยอย่างไม่ตั้งใจ
นั่นเป็นเพียงเรื่องที่เล่าขานกันต่อมาเท่านั้น ซึ่งอาจจะเกินเลยจากความจริงไปบ้าง ทว่าความเลิศรสของเนื้อปลาฉีหลิงก็ถือว่าเป็นการคงอยู่ในระดับตำนานเลยก็ว่าได้ เปรียบเสมือนเป็นอาหารของเหล่าทวยเทพบนสรวงสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
ทว่าที่หลงเฉินให้ความสำคัญนั้นกลับไม่ใช่ที่รสชาติ แต่เป็นราคาค่างวดของมันต่างหาก โดยเฉพาะเนื้อส่วนที่อยู่ข้างแก้มของปลาฉีหลิง บริเวณนั้นจะมีเนื้อชิ้นหนึ่งที่เป็นลูกกลมๆ ขนาดเท่าศิลาก้อนเล็กแอบอยู่ภายใน
โดยมากแล้วส่วนนี้มักจะถูกผู้คนมองข้าม เพราะว่าลูกกลมๆ นั้นแข็งเท่ากับกระดูก จึงมักจะถูกโยนทิ้งไป
แต่ภายในความทรงจำของจักรพรรดิโอสถกลับมีเสียงสะท้อนออกมาว่าส่วนนั้นเป็นความบริสุทธิ์ทั้งหมดของปลาฉีหลิง ซึ่งเป็นเสมือนสมบัติที่ใช้พัฒนาพลังแห่งจิตวิญญาณ
เนื้อส่วนนี้ของปลาฉีหลิงก็คล้ายกับโครงกระดูกมายารัตติกาลที่หลงเฉินได้มาจากงานประมูลของหมู่ตึกฮวาหวิน นอกจากจะเป็นแกนกลางแล้วก็ยังมีความบริสุทธิ์ของมายารัตติกาลอยู่ด้วย
หลงเฉินจึงใช้ความบริสุทธิ์ของมายารัตติกาลเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมโอสถบำรุงวิญญาณ ซึ่งภายหลังโอสถเม็ดนี้ก็ได้มอบให้ลู่ซูเอ๋อเพื่อนำไปให้ม่งฉี
ทว่าเขายังไม่ทราบว่าม่งฉีได้ใช้โอสถบำรุงวิญญาณไปแล้วหรือไม่ อีกทั้งหลังจากที่ใช้แล้วได้เกิดความเปลี่ยนแปลงของจิตวิญญาณไปอย่างไรบ้าง ในความคิดของเขานั้นล่วงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้นย่อมสามารถสะเทือนไปทั้งฟ้าดินแน่นอน
เดิมทีพลังแห่งจิตวิญญาณของม่งฉีนั้นมีความพิเศษเฉพาะตัวอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีลักษณะที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่งอยู่ หากได้รับโอสถบำรุงวิญญาณของหลงเฉินไปก็คล้ายกับธนูที่หลุดออกมาจากคันธนู พลังแห่งจิตวิญญาณของม่งฉีจะต้องเพิ่มพูนมากขึ้นจนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งหอวิญญาณวายุเป็นแน่
หลงเฉินมองไปยังภาพสะท้อนที่อยู่บนน้ำด้วยจิตใจที่เกิดความลิงโลดจนมือไม้สั่นไปทั้งหมด ปลาฉีหลิงและโครงกระดูกมายารัตติกาลนั้นต่างกันอย่างมาก
มายารัตติกาลจัดเป็นวัตถุชั่วร้าย เมื่อหลอมความบริสุทธิ์ของมายารัตติกาลเป็นโอสถบำรุงวิญญาณแล้วย่อมต้องรู้จักพลังด้านลบของมันด้วย ในขณะที่หลอมจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพื่อคัดสรรความบริสุทธิ์อันน้อยนิดออกมา ฉะนั้นการหลอมโอสถชนิดนี้จึงทำให้เสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าปลาฉีหลิงนั้นมีชีวิตอยู่แต่ใต้น้ำ ร่างกายของมันสามารถดูดซึมพลังปราณฟ้าดินได้ดี จึงไม่มีความแปดเปื้อนอันใดมาก ฉะนั้นความบริสุทธิ์ของปลาฉีหลิงจึงสามารถสกัดออกมาได้ในทันที อีกทั้งยังไม่จำเป็นที่จะต้องผ่านกรรมวิธีอื่นให้เสียเวลาแต่อย่างใด
“ยอดไปเลย”
หลงเฉินตื่นเต้นขึ้นมายกใหญ่ หมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์แห่งนี้ช่างเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ มีสมบัติอยู่ทุกอณูและทุกหนแห่ง การมาเยือนในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าอย่างถึงที่สุดแล้ว
หลงเฉินสำรวจบริเวณโดยรอบสระน้ำขนาดสิบลี้ พลันก็ได้เกิดความลังเลใจขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง เขาจำเป็นที่จะต้องวัดระดับความลึกของสระแห่งนี้แล้วจึงจะตัดสินใจได้ว่าจะจับปลาขึ้นมาอย่างไร
เขาล้วงอาเส้นไหมสีดำออกมาเส้นหนึ่ง จากนั้นก็ผูกกับก้อนศิลาแล้วโยนลงน้ำไป ปล่อยให้ก้อนศิลาค่อยๆ จมดิ่งลงไปในน้ำ
“เป็นไปได้อย่างไร มีความลึกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เส้นไหมสีดำในมือของหลงเฉินมีความยาวกว่าร้อยกว่าเซียะ ทว่าก็ยังไม่อาจส่งศิลาก้อนนั้นลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่ก้นบึ้งของสระน้ำได้
“ต่อให้กางแหจับปลาก็คงจะเป็นไปได้ยาก ปลาฉีหลิงขึ้นชื่อว่าว่องไวเป็นที่สุด หากใช้วิธีนี้มีแต่จะคว้าน้ำเหลวอย่างเปล่าประโยชน์
หากใช้เบ็ดตกปลาก็คงจะไม่เลว ทว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จต่ำจนเกินไปถ้าไม่เฝ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้ตลอด ฉะนั้นทำกับดักจับปลาเอาไว้ดีกว่า”
หลงเฉินครุ่นคิดอย่างว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจที่จะใช้กับดักจับปลา กับดักจับปลานั้นสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ขอเพียงวัสดุเพียงพอก็สามารถใช้ได้เลย
หลงเฉินใช้เวลาเพียงน้อยนิดค้นหาวัสดุที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาเลือกกิ่งไม้ที่ตรงยาวผูกติดกับกับดักที่มีลักษณะคล้ายถังใบยาว ส่วนที่เป็นปากทางเข้าจะใหญ่ ทว่ายิ่งเข้าไปยิ่งแคบลง ฉะนั้นหากได้หลุดเข้าไปแล้วย่อมหาทางออกมาได้ยากจนถูกขังอยู่ในนั้นตลอดไป
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็สร้างกับดักจับปลาขึ้นมาได้ถึงสองอัน พลันก็ได้นำเตาหลอมออกมาจากแหวนมิติเพื่อหลอมโอสถคั่นเวลา
การหลอมโอสถเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่าสิ่งที่ได้นั้นกลับไม่ใช่โอสถที่แท้จริง หลงเฉินนำสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมผสมเข้าด้วยกัน จนภายในเตาหลอมส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนขึ้นมา โอสถเหล่านี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์แต่อย่างใดนอกจากใช้หลอกล่อปลาก็เท่านั้น
เขานำเส้นไหมสีดำออกมาสองเส้นแล้วตัดให้มีความยาวประมาณสามสิบเซียะ ก่อนจะผูกติดเหนือกับดักเอาไว้ เท่านี้ก็รอคอยเพียงอย่างเดียวก็คือเหยื่อนั่นเอง
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นที่เชือกก็กระตุกขึ้นมาเบาๆ หลงเฉินจึงรีบยกกับดักขึ้นมาช้าๆ ในขณะที่ดึงกับดักขึ้นมาใกล้ผิวน้ำ ภายในนั้นได้มีการเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา
“ฮาฮา ติดกับเข้าแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าภายในกับดักนั้นมีปลาตัวเล็กที่มีสีสันสะดุดตากำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ทั้งหมดสามตัว อีกทั้งยังเป็นปลาฉีหลิงทั้งหมดด้วย
“ส่งปลาฉีหลิงมาซะ”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะยกกับดักขึ้นจากผิวหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังขึ้นมาจากบริเวณที่อยู่ไกลออกไป อีกทั้งน้ำเสียงนั้นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีอยู่เช่นเดียวกัน . .