เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 141 พบกับอมนุษย์อีกครั้ง

ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะถอยเท้าออกไปด้านหลัง ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงเรียกขานดังขึ้นมาจนเขาแทบจะล้มทั้งยืนไปในทันที

“หลงเฉิน เจ้ายังไม่เข้ามาช่วยอีกหรือ” ถังหว่านเอ๋อส่งเสียงแข็งกร้าวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจต่อพฤติกรรมของหลงเฉินเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากที่สิ้นเสียงของถังหว่านเอ๋อไปเพียงครู่เดียว สายตาของผู้คนทั้งหมดที่ต่อสู้กันอยู่ก็ได้เบนมาที่หลงเฉินอย่างพร้อมเพรียง

“ข้ากำลังหาสถานที่สำหรับอุ่นร่างกายอยู่” หลงเฉินตอบกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน

สายตาทุกคู่ที่มองมาเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังขึ้นมาในทันที พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลงเฉินมีท่าทีลับๆ ล่อๆ คล้ายกับกำลังจะหลบหนี

“จ้าวหวู่ รีบไปจับตัวเจ้าหนูผู้นั้นมา ขอสั่งสอนเขาเสียหน่อยเถิด” เหร่ยเชียนซังหันไปบอกกล่าวกับชายหนุ่มที่อยู่ในวงต่อสู้

“ขอรับ”

ชายหนุ่มผู้มีนามว่าจ้าวหวู่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย อีกทั้งยังเหยียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาคล้ายกับกำลังมีความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น พลันก็กระโจนตัวออกไปหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

จ้าวหวู่ผู้นั้นเป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตระดับสูงสุด มีพลังการต่อสู้ที่เก่งกาจอย่างยิ่ง ชายหนุ่มผู้นี้ถือเป็นรองจากเหร่ยเชียนซังเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เขาเดินออกมาจากวงต่อสู้ก็ได้ทำให้พลังกดดันในละแวกนั้นลดลงไปไม่น้อยเลย

เมื่อเห็นว่าจ้าวหวู่กำลังมุ่งหน้าไปที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว ถังหว่านเอ๋อจึงรู้สึกร้อนรนขึ้นมา: คิดจะข้ามหน้าข้ามตาอย่างนั้นหรือ เจี่ยเจี่ยอย่างข้าย่อมไม่อาจปล่อยให้เจ้าสมหวังอย่างง่ายดายแน่นอน

“ซูมซูม”

ถังหว่านเอ๋อพลิกมืออันขาวผ่องติดต่อกันหลายครั้งจนใจกลางฝ่ามือมีคมวายุปรากฏขึ้นมาสองสาย กำลังทอประกายคมกริบประดุจกระบี่ยาวสองเล่ม แล้วปลดปล่อยไปทางเหร่ยเชียนซังอย่างรวดเร็ว

ถังหว่านเอ๋อเป็นผู้ที่มีกายาปราณวายุอันหายาก นางกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับพลังแห่งวายุที่แข็งแกร่งและปราดเปรียวเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพลังฝ่ามือแห่งวายุที่ใช้ออกมานี้ย่อมเป็นพลังที่จัดอยู่ในระดับสูงสุดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้

ความสามารถของนางก็คล้ายกับพลังของผู้หลอมโอสถ ฝ่ามือแห่งวายุของนางก็เปรียบเสมือนการใช้เพลิงกาฬ ส่วนคมวายุนั้นก็สามารถใช้เป็นอาวุธสังหารได้เหมือนกับอาวุธเพลิงของผู้หลอมโอสถนั่นเอง

นอกจากคมวายุที่อยู่กลางฝ่ามือทั้งสองข้างแล้ว บนร่างกายของนางก็ได้ถูกปกคลุมด้วยคมวายุขนาดเล็กอีกแปดสาย ถึงแม้ว่าพลังการโจมตีจะไม่ได้มหาศาลเท่าคมวายุที่กลางฝ่ามือ ทว่ากลับสามารถควบคุมได้ตามใจนึกจนทำให้ศัตรูไม่อาจทำลายการป้องกันเช่นนี้ได้เลย

การโจมตีในครั้งนี้ของถังหว่านเอ๋อได้ปะทุพลังฝีมือที่แท้จริงออกมา จากที่ก่อนหน้านี้กระทำเพียงหยั่งความตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องครอบครองใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ให้จงได้

“ตูม”

เหร่ยเชียนซังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากเบื้องหน้า จึงรีบปะทุพลังภายในร่างกายขึ้นมาจนเกิดเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร่างไม่หยุด พลังอัสนีบาตที่เคลื่อนไหวอยู่รอบกายยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาแล้วเข้าปะทะกับคมวายุของถังหว่านเอ๋อในทันที

คมหมัดของเหร่ยเชียนซังที่แข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้าได้ปะทะกับคมวายุของถังหว่านเอ๋อจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาไม่หยุด

การต่อสู้เป็นไปอย่างโหดเ**้ยมอำมหิตอย่างยิ่ง ทว่าใบหน้าของเหร่ยเชียนซังกลับเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีขึ้นมา ความแข็งแกร่งของถังหว่านเอ๋อช่างดุเดือดยิ่งนัก หากเขาสามารถสยบหญิงสาวนางนี้เอาไว้ได้ย่อมเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว

ในขณะที่เหร่ยเชียนซังและถังหว่านเอ๋อกำลังสาดพลังการต่อสู้อันรุนแรงออกมาไม่ยั้ง ทางด้านของจ้าวหวู่ก็ได้พุ่งทะยานมาหาหลงเฉินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เจ้าหนู ตอนนี้เจ้าไม่มีสัตว์มายาระดับสามแล้ว ข้าขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้าจะยังโอหังได้อีกหรือไม่”

หลงเฉินทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ผู้คนทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ต่างก็คิดว่าพลังการต่อสู้ของเขาคือเสี่ยวเสว่ย นี่ทุกคนคิดว่าเขาดูอ่อนแอถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

“หากเจ้ายังรักตัวกลัวตายก็จงรีบคุกเข่าแล้วอ้อนวอนต่อข้าซะ” จ้าวหวู่คล้ายกับเหาะเหินเดินอากาศเข้ามาหาหลงเฉินด้วยท่าทีที่สงบ อีกทั้งยังอยู่ในท่าเอามือไพล่หลังไว้

หลงเฉินจ้องมองไปยังผู้มาเยือนหน้าใหม่พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกที่เป็นลูกหลานของตระกูลผู้มั่งคั่งอย่างพวกเจ้า หากว่าไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำสักครู่หนึ่งจะดิ้นตายกันหรืออย่างไรกัน

อีกทั้งยังไม่ยอมหันกลับไปดูกระดองเต่าที่พวกเจ้ามุดออกมาว่าแข็งพอหรือไม่ จะว่าไปแล้ว คนอย่างพวกเจ้าก็ไม่ต่างไปจากแมลงที่ไม่เคยพบเจอกับโลกภายนอกมาก่อนด้วยเหมือนกัน”

ลูกหลานของตระกูลผู้มั่งคั่งเหล่านี้มักจะคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นทั้งปวง อีกทั้งยังชมชอบการพูดจาใหญ่โตจนทำให้หลงเฉินรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก วันหนึ่งไม่ค่อยทำอันใดนอกจากเดินเชิดหน้าชูคอ ใช้ฝีปากคอยจิกกัดและหาเรื่องผู้คนไปทั่ว

ขณะที่อยู่เบื้องหน้าของเหร่ยเชียนซังกระทำตัวมีมารยาท ทว่าพอมาอยู่เบื้องหน้าของหลงเฉินกลับทำเหมือนตัวเองเป็นมหาราชันผู้สูงส่ง ช่างน่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว

“ปากคอเราะร้ายนัก วันนี้ข้าจะต้องจับเจ้ามาตบปากให้รู้สึกนึกเสียหน่อย”

จ้าวหวู่ขยับเท้าจนกลายเป็นเงาร่างอันเลือนรางสายหนึ่งพุ่งออกมา พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือผ่านอากาศหมายจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของหลงเฉินในทันที

“นี่เป็นคำตอบของเจ้าสินะ”

หลงเฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลันก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไปข้างหนึ่งด้วยเช่นกัน

“ตูม”

ฝ่ามือของหลงเฉินปะทะเข้ากับฝ่ามือของจ้าวหวู่จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ อีกทั้งยังหอบสายลมซ้อนทับกันไปมาอย่างวุ่นวาย

จ้าวหวู่เบิกดวงตากลมโตจนแทบจะถลนออกมา ไม่คิดเลยว่าฝ่ามือของหลงเฉินจะมีพลังล้นทะลักออกมาจนน่าตกใจ ราวกับว่าร่างกายของตัวเองได้กระแทกเข้ากับขุนเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่งจนเกือบจะถูกซัดออกไป

ตลอดทั้งร่างกายรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย มือที่ฟาดออกไปเมื่อสักครู่เกิดอาการชาด้านขึ้นมาจนไม่มีความรู้สึกอื่นใด อีกทั้งภายในจิตใจยังคลุ้มคลั่งขึ้นมาไม่หยุด

จ้าวหวู่ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง น้อยครั้งที่จะได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ นอกจากเหร่ยเชียนซังแล้ว เขาก็ไม่เคยยอมรับพลังฝีมือของผู้ใดมาก่อน

และเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนเหร่ยเชียนซังให้ความสำคัญ ไม่ต่างจากแขนขาของเขาเลย ทว่าตอนนี้กลับต้องมาพลาดท่าเสียทีให้กับคนระดับล่างอย่างหลงเฉินด้วยกระบวนท่าเดียว มีหรือที่จะไม่ตกใจจนลนหลานเช่นนี้

“ถึงทีของข้าบ้าง”

ในขณะที่จ้าวหวู่แตกตื่นอยู่นั้น หลงเฉินก็ได้เร่งฝีเท้าออกไปด้านหน้าในทันที จากนั้นก็ได้ง้างแขนแล้วฟาดฝ่าออกไปอีกครั้ง

“หาที่ตาย”

จ้าวหวู่เกรี้ยวกราดขึ้นมายกใหญ่เมื่อเห็นกระบวนท่าเดียวกันกับเมื่อครู่ ทว่ากว่าจะคิดเคลื่อนไหว ฝ่ามือของหลงเฉินก็ได้ตบเข้าไปเต็มใบหูจนดังอื้ออึงไปทั้งโสตประสาทเสียแล้ว

หลังจากที่รับการโจมตีไปแล้ว จ้าวหวู่ก็ได้ปะทุพลังโลหิตขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังรอบร่างกายหมุนวนขึ้นมา จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งก็ได้กวาดออกไปด้วยพลังอันมหาศาล

“ตูม”

เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง แม้ในครั้งนี้จะไม่ได้ดังมาก ทว่ากลับรุนแรงจนกวาดล้างพื้นที่โดยรอบให้รกร้างจนเป็นที่น่าตกใจ เงาร่างสายหนึ่งพุ่งออกไปจากกลุ่มหมอกควันที่คละคลุ้งไปทั่ว ผู้คนที่หยุดการต่อสู้กันไปเมื่อครู่ก็ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเงาร่างนั้นเป็นของจ้าวหวู่

ผู้คนทั้งวงต่อสู้ต่างก็คิดว่าหลงเฉินจะต้องถูกสั่งสอนจนไม่มีทางตอบโต้ได้อย่างแน่นอน ทว่าบัดนี้กลับเป็นจ้าวหวู่ที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเสียเอง อีกทั้งยังถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล เหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว

ควรทราบว่าในกลุ่มผู้คนที่ต่อสู้กันเมื่อครู่นี้ จ้าวหวู่มีพลังฝีมือมหาศาลจนเป็นหนึ่งต้านถึงสามได้อย่างไม่สะทกสะท้าน จึงเป็นผู้กดดันขุมกำลังของฝ่ายถังหว่านเอ๋อมาโดยตลอด

ในขณะที่ลอยละล่องอยู่ท่ามกลางอากาศ ภายในจิตใจของจ้าวหวู่ก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา เป็นสาย หลงเฉินผู้นี้ช่างยิ่งใหญ่ประดุจขุนเขาลูกหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะพยายามต้านทานเช่นไรก็ยังเป็นได้แค่เม็ดทรายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

“เพี๊ยะ”

ทันใดนั้นเองดวงตาของจ้าวหวู่ก็เกิดอาการพร่ามัวขึ้นมา ที่แก้มข้างซ้ายสัมผัสได้ถึงความแสบที่ยากจะทนไหว ภายในห้วงสมองคล้ายกับกำลังกลับตาลปัตรไปทั้งหมด แล้วร่างกายของเขาก็ลอยกระเด็นออกไปอีกครั้งหนึ่ง

กลางอากาศเบื้องหน้าได้มีสายโลหิตสาดกระเซ็นออกมา อีกทั้งยังมีฟันหลายซี่ประดับประดาอยู่เต็มฟากฟ้า ราวกับว่าช่วงเวลานี้กำลังถูกหยุดเอาไว้ชั่วขณะหนึ่ง

ผู้คนทั้งหมดจดจ้องมายังเงาร่างที่มีใบหน้าบวมเป่ง สลับกับเงาร่างของหลงเฉินที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าประดุจเทพสงครามลงมาจากสรวงสวรรค์ บรรยากาศรอบข้างมีพลังเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ท่าทางของเขาในตอนนี้ช่างแตกต่างไปจากความซุกซนเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด

แม้แต่เหร่ยเชียนซังกับถังหว่านเอ๋อที่กำลังต่อสู้กันอยู่ยังต้องหยุดมือลง พร้อมทั้งมองมาด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ด้วยพลังฝีมือของจ้าวหวู่นั้น พวกเขาย่อมรู้กันดีอยู่แล้วว่าแข็งแกร่งเพียงใด

ถึงแม้ว่าถังหว่านเอ๋อจะสัมผัสได้ว่าหลงเฉินนั้นก็เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจผู้หนึ่งด้วยเช่นกัน ด้วยการสกัดกั้นจากจ้าวหวู่ย่อมไม่เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อหลงเฉินอย่างแน่นอน เช่นนั้นนางจึงสามารถเพ่งพลังสภาวะไปที่ต่อสู้กับเหร่ยเชียนซังได้ทั้งหมด

ทว่านางกลับคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลงไปได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ อีกทั้งจ้าวหวู่เองก็ยังไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าของหลงเฉินได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และการโจมตีของหลงเฉินทั้งสองครั้งนั้นก็ไม่ได้ใช้พลังลมปราณเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าใช้แค่พลังกายเพียงถ่ายเดียวเท่านั้น

ภายในจิตใจของโฉมงามจึงได้เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาไม่น้อย เดิมทีนางต้องการหลอกหลงเฉินให้เข้ามาอยู่ในขุมกำลังของตนเพื่อจะได้สั่งสอนเจ้าหนูผู้เสียมารยาทให้รู้สำนึกก็เท่านั้น ทว่ากลับไม่เคยคิดถึงความสามารถในด้านพลังเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะได้แก้แค้นแล้ว ยังได้ผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมาด้วย ถือเป็นเรื่องที่โชคดีเสียจริงเชียว

ไม่แปลกใจเลยที่เยี่ยจื่อชิวเข้าไปเชิญชวนหลงเฉินด้วย ดูเหมือนว่านางก็คงมองพลังฝีมือของหลงเฉินออกตั้งแต่แรกแล้ว สายตาของเยี่ยจื่อชิวช่างน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว

“เจ้าตัวบัดซบ ข้าจะฆ่าเจ้า”

จ้าวหวู่พอจะทราบว่าใบหน้าของตัวเองบวมเป่งขึ้นมา ทว่ากลับไม่ทราบว่าน่าเกลียดถึงเพียงใด  อีกทั้งยังรู้สึกว่าภายในปากมีเพียงความว่างเปล่าไปทั้งหมดแล้ว เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ชายหนุ่มจึงแผดเสียงร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราดจนแทบจะเป็นลมล้มทับไปในทันที

เขาเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ที่ได้รับการทะนุถนอมมาอย่างดีจากตระกูล จึงไม่เคยถูกแหยียดหยามอย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้มาก่อน

“เจ้าโง่ เจ้ารู้จักการตบหน้าผู้คนแต่เพียงผู้เดียวหรืออย่างไรกัน? แล้วยังคิดว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าตบหน้าเจ้าได้อย่างนั้นหรือ? ช่างโง่เขลานักที่ถูกสอนสั่งมาเช่นนั้น ลูกหลานจากตระกูลผู้มั่งคั่งอย่างพวกเจ้าคิดได้แค่นี้หรือ?” หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ

จ้าวหวู่ปะทะเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นอาภรณ์ที่คลุมร่างกายอยู่ก็ได้ขาดสะบั้นออกเป็นชิ้นๆ หลงเหลือแค่กางเกงตัวยาวเพียงชิ้นเดียว เผยให้เห็นร่างกายส่วนบนที่มีเกล็ดสีดำปกคลุมอยู่เต็มไปหมด

แม้แต่ใบหน้าเองก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำด้วยเช่นกัน เพียงครู่เดียวบรรยากาศบนร่างกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจนน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

“อมนุษย์?”

ผู้คนต่างส่งเสียงออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้จ้าวหวู่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ชนิดหนึ่งรวมเข้ากับโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายา อีกทั้งยังเป็นเพียงพลังแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

หลงเฉินเองก็ตกใจขึ้นมาไม่น้อย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพบเจอกับอมนุษย์ ทว่าเมื่อเทียบกับหว่างซานผู้นั้นแล้วกลับลึกล้ำเสียยิ่งกว่า ทั้งรูปร่างหน้าตาและบรรยากาศบนร่างกาย

“เจ้าตัวบัดซบ ข้าจะฆ่าเจ้า”

จ้าวหวู่คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด แล้วก้าวเท้าข้างใหญ่ย่างกรายเข้ามาหาหลงเฉิน พื้นดินที่ถูกเหยียบย่ำกลายเป็นรอยแตกระแหงและจมเป็นหลุมขนาดใหญ่ มือใหญ่ทั้งสองข้างกำหมัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเกล็ดเอาไว้จนแน่นพุ่งเข้ามาหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

แม้คมหมัดจะยังเคลื่อนที่มาไม่ถึง ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับสั่นสะเทือนเลือนลั่นคล้ายกับไม่สามารถทนรับพลังสภาวะกดดันอันน่าหวาดกลัวเช่นนั้นได้ พลังทำลายอันมหาศาลที่สามารถล้างผลาญได้ทุกสิ่งอย่างพวยพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน

“ช่างเป็นพลังหมัดที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”

ผู้คนทั้งหลายกรีดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวหวู่ได้เป็นถึงมือขวาของเหร่ยเชียนซัง

ถังหว่านเอ๋อขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด แล้วกล่าวออกมาว่า “จ้าวหวู่เข้าสู่ภาวะอมนุษย์แล้ว ฉะนั้นนิสัยและความคิดย่อมต้องแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งด้วยเช่นกัน เจ้าไม่เกรงกลัวว่าพวกเขาจะต่อสู้กันจนถึงขั้นเอาชีวิตหรือ?”

หากมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นระหว่างการทดสอบ คนผู้นั้นจะต้องถูกขับไล่ออกจากหมู่ตึกในทันที การที่สำนักได้วางกฎเอาไว้เช่นนี้ก็เพื่อให้ผู้เข้าทดสอบอยู่อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้ศิษย์สังหารกันเองภายในสถานที่แห่งนี้

เหร่ยเชียนซังเหยียดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาแล้วตอบกลับไปว่า “พวกเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้า”

ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งสบถเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา คมวายุสายหนึ่งถูกฟาดออกไปในทันที จนเหร่ยเชียนซังต้องร่นถอยออกไปอีกทิศทางหนึ่ง

“เจ้าดูตัวเองให้ดีก่อนเถิด”

เหร่ยเชียนซังจ้องเขม็งไปที่ถังหว่านเอ๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย ทันใดนั้นที่ใต้เท้าก็ได้ปรากฏสายอัสนีบาตขึ้นมานับไม่ถ้วน พลันก็ได้พุ่งทะยานร่างเข้าไปขวางหน้าของถังหว่านเอ๋อพร้อมทะลวงหมัดออกไปในทันที

ถังหว่านเอ๋อรีบหยุดกระบวนท่าของเหร่ยเชียนซังจนร่างบางเกิดอาการสั่นเทิ้มไปทั่ว ฝีเท้าถอยหลังออกไปหลายก้าว แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างเดือดดานว่า “แม้แต่ชีวิตของพวกพ้องก็ยังไม่สนใจอย่างนั้นหรือ?”

“คนเช่นนั้นก็เป็นได้แค่องค์ประกอบที่มีไว้ใช้งานเท่านั้น และนั่นถือเป็นชะตาชีวิตของพวกเขา” เหร่ยเชียนซังกล่าวขึ้นมาอย่างไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย

ถังหว่านเอ๋อรู้สึกโกรธแค้นจนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา ดวงตาคู่งามสาดรังสีสังหารอย่างรุนแรง มืออันขาวผ่องค่อยๆ ยกขึ้นมาประสานเข้าด้วยกันที่หน้าอก บรรยากาศบนร่างกายเพิ่มพูนขึ้นมาจนน่าหวาดกลัวกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่าตัว

“เจ้าก็แค่ตัวบัดซบผู้หนึ่ง เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าเป็นองค์ประกอบนั้นต้องรู้สึกอย่างไร”

“ตูม”

เสียงดังสนั่นจนสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดินเกิดขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งที่ถังหว่านเอ๋อยังไม่ทันจะได้ใช้พลังโจมตีออกไป ขุมพลังอันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณจนแม้แต่นางเองก็ยังต้องรั้งร่างกายเอาไว้ พลันก็ได้จ้องมองไปยังบริเวณที่ห่างไกลออกไปด้วยสีหน้าแตกตื่นอย่างถึงที่สุด ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset