เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 146 ช่วยผายปอดให้ที

“หลงเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหว่านเอ๋อถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง ภายในดวงตาคู่งามปรากฏความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย

เมื่อครู่นี้เป็นเพราะนางได้ใจมากเกินไปจึงทำให้เหร่ยเชียนซังพบช่องโหว่ เป็นนางอีกแล้วที่ทำให้หลงเฉินพบเจอกับความยากลำบากอีกครั้ง

“นางฟ้า ท่านเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ได้เห็นข้าในอีกมุมแล้วเกิดความชื่นชมอย่างนั้นหรือ” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า พร้อมทั้งจ้องมองไปที่ถังหว่านเอ๋อ

เมื่อเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของหลงเฉิน ความปวดร้าวภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อก็ได้สลายหายไปพร้อมกับสายลมในทันที “บัดซบ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย”

“เหอะเหอะ เป็นเช่นนี้จึงจะถูกต้อง ข้าชมชอบเจ้าในสภาพเช่นนี้มากกว่า” หลงเฉินหัวเราะร่าขึ้นมาแล้วตอบกลับไป

“ความจริงข้าก็อ่อนหวานอยู่แล้ว พูดคุยกับเจ้าดีๆ……บัดซบ ผู้ใดต้องการให้เจ้าชมชอบกัน เจ้ากล้ากล่าววาจาล่วงเกินข้าหรือ” ถังหว่านเอ๋อมีปฏิกิริยาตอบกลับไปอย่างรุนแรง พลันก็ได้ใช้มือข้างหนึ่งคว้าไปที่คอเสื้อของหลงเฉิน

“นี่นางฟ้า พี่น้องทั้งหลายกำลังมองดูอยู่นะ เมื่อครู่นี้พวกเราเพิ่งจะต่อสู้เพื่อเจ้าไป ผ่านไปไม่ถึงพริบตาเดียวเจ้ากลับคิดจะฆ่าแกงกันแล้วหรือ ไม่คิดว่าพวกเราจะเจ็บปวดใจบ้างหรืออย่างไรกัน?” หลงเฉินกล่าววาจาหยอกเย้าขึ้นมา

“แค่กแค่ก สิ่งที่พวกเจ้ากระทำในวันนี้ ข้าจะจดจำเอาไว้ เมื่อใดที่ข้าได้รับตำแหน่งศิษย์รักแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ลืมเลือนทุกคนเลย เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว พวกเรายังต้องรวบรวมป้ายหยกกันอีก”

เมื่อถังหว่านเอ๋อกล่าวจบ ผู้คนทั้งหลายก็รีบขานรับในทันที หลังจากที่ผ่านพ้นการต่อสู้ในครั้งนี้ไปแล้ว พวกเขาก็ได้แสดงออกถึงจิตใจที่มั่นคงต่อถังหว่านเอ๋ออย่างเต็มเปี่ยม ในเมื่อช่วยเหลือถังหว่านเอ๋อได้แล้วต่างก็รีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

บัดนี้หลงเหลือแค่เพียงชิงยวู ถังหว่านเอ๋อ และหลงเฉิน ชิงยวูค่อยๆ เด็ดใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ออกมาอย่างระมัดระวังแล้วส่งมอบให้ถังหว่านเอ๋อ

ถังหว่านเอ๋อมองไปยังใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในมือด้วยแววตาเป็นประกายเจิดจ้า อีกทั้งยังเบิกบานอย่างถึงที่สุด

“ชิงยวูเจี่ยเจี่ย เจ้าก็ไปเถิด” ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาหลังจากที่เก็บใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่ชิงยวูกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็ได้ตกใจขึ้นมายกใหญ่แล้วเอ่ยออกไปอย่างรีบร้อนว่า “ชิงยวูเจี่ยเจี่ย เจ้ายังไปไม่ได้นะ”

ชิงยวูหันกลับมามองหลงเฉินด้วยสีหน้างุนงง “ทำไม? มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?”

“แค่กแค่ก ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หวังว่าเจี่ยเจี่ยจะช่วยดูแลไปสักระยะหนึ่ง แน่นอนว่าข้ากับเจ้าก็ได้รู้จักมักคุ้นกันในระดับหนึ่งแล้ว เจ้าว่าใช่หรือไม่”

หลงเฉินทอประกายดวงตาระยิบระยับไปที่ชิงยวู เพราะเขานั้นหวาดกลัวที่จะต้องอยู่กับถังหว่านเอ๋อเพียงสองต่อสอง ถึงแม้ว่าถังหว่านเอ๋อจะแสดงท่าทางที่อ่อนโยนขึ้นมาแล้ว ทว่าหลงเฉินกลับรู้สึกว่าแม่หนูน้อยผู้นี้อันตรายยิ่งนัก

“ชิงยวูเจี่ยเจี่ย ข้าทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นหน้าที่ ‘ดูแล’ ก็สมควรจะเป็นของข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงจะไม่อาจวางใจได้อย่างแน่นอน” ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อีกทั้งบนใบหน้ายังปรากฏความเจ็บปวดอันล้ำลึกอย่างถึงที่สุด

ชิงยวูพยักหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “คุณหนูหว่านเอ๋อ ในที่สุดท่านก็เติบโตขึ้นแล้ว รู้จักดูแลผู้อื่นเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ผู้ฝึกยุทธ์เช่นพวกเราควรตอบแทนบุญคุณ……”

“อา ชิงยวูเจี่ยเจี่ย เจ้าดูอาการบาดเจ็บของหลงเฉินก็แล้วกัน เขาจำเป็นจะต้องรักษาตัวในสถานที่ที่สะอาดสะอ้านเสียหน่อย เจ้าลองไปหาก่อนดีไหม” ถังหว่านเอ๋อยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวขึ้นมา

“วางใจได้เลย”

ชิงยวูพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่าย พลันก็ได้หายลับไปจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่สองเงาร่างและสายลมที่โชยพัดผ่านหุบเขาเข้ามา ความเงียบสงบเช่นนี้ทำให้ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ถังหว่านเอ๋อปรายตามองมาที่หลงเฉินครู่หนึ่งแล้วยิ้มขึ้นมา ใบหน้าที่งดงามนั้นประดุจดอกไม้งามที่เบ่งบานในยามเช้า ทว่ากลับไม่เอ่ยวาจาอันใดออกมานอกจากจ้องมองหลงเฉินอยู่เช่นนั้น

“นางคงไม่ได้คิดจะทำสิ่งที่น่ากลัวอยู่หรอกกระมัง? สายตาเช่นนั้นทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปถึงไขสันหลังแล้วสิ” หลงเฉินบ่นพึมพำกับตัวเอง

แม้จะเป็นถึงสาวงามที่มีความงดงามอยู่ในระดับที่สามารถล้มผู้คนได้ทั้งเมืองกำลังจ้องมองอยู่ ทว่าหลงเฉินกลับไม่ทราบในเจตนาว่าหวังดีหรือหวังร้ายกันแน่ เพราะอย่างนี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกเป็นสุข ทว่ากับเหมือนตกอยู่ในความโชคร้ายอีกแบบหนึ่ง

“เจ้ากล้าหาญถึงเพียงนี้ยังจะมาหนาวสันหลังไปเพื่ออันใดกัน?” ถังหว่านเอ๋อหัวเราะร่า และยังคงจ้องมองไปที่หลงเฉิน พลันก็ได้ขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้หลงเฉินมากขึ้น

หลงเฉินรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่ตั้งใจด้วยเช่นกัน “เจ้าคิดจะทำอันใดต่อข้า? ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลยนะ ต่อให้เจ้าได้ร่างกายของข้าไป ทว่าเจ้าก็ไม่มีทางได้ใจของข้าไปได้”

“บัดซบ”

ถังหว่านเอ๋อคว้าไปที่คอเสื้อของหลงเฉินอีกครั้งหนั่ง พร้อมทั้งระเบิดเสียงดังขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง “ข้า…ถังหว่านเอ๋อเป็นบุคคลเช่นไร เจ้าย่อมรู้ดี เหตุใดจึงต้องชมชอบในตัวเจ้าด้วย? ร่างกาย? ใจ? เจ้ามันก็แค่ตัวบัดซบที่ไร้ยางอายผู้หนึ่งก็เท่านั้น”

หลงเฉินจ้องมองไปที่ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ ใบหน้ารูปไข่อันขาวผ่องประชิดเข้ามาอย่างกระชั้นชิด อีกทั้งยังมีกลิ่นอันหอมหวนของสาววัยแรกแย้มโชยมาเตะจมูกของเขา บรรยากาศเช่นนี้สามารถทำให้คนผู้หนึ่งหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาราวกับม้าพยศได้เลย ต่อให้หลงเฉินจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง ทว่ากลับอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง

“บัดซบ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงใช้สายตาเช่นนี้มองข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถควักลูกตาของเจ้าออกมาได้” ถังหว่านเอ๋อพบว่าหลงเฉินได้มีแววตาทอประกายแปลกประหลาดขึ้นมาจึงแผดเสียงร้องขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง

หลงเฉินรีบหลับตาลงในทันที ภายในห้วงแห่งความคิดเกิดภาพเหตุการณ์อันว้าวุ่นขึ้นมา เขาขอต่อสู้กับเหร่ยเชียนซังยังจะดีเสียกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับถังหว่านเอ๋อเช่นนี้

“บัดซบ เจ้าหลับตาอย่างนั้นหรือ คิดจะท้าทายข้าหรืออย่างไรกัน? แม้แต่มองก็ยังไม่ยอมมองอย่างนั้นหรือ?” ถังหว่านเอ๋อเอ่ยขึ้นมาในเชิงแง่งอน

หลงเฉินอดกรอกตาไปมาเป็นไม่ได้ ถังหว่านเอ๋อถือเป็นนางมารร้ายอย่างสมบูรณ์แล้วเมื่อเทียบกับฉู่เหยาและม่งฉี

“เมื่อวันก่อนก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเจ้าเป็นฝ่ายกล่าวหาผู้อื่นอย่างไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ข้าเติบใหญ่มานั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนด่าทอเช่นนั้น เจ้านี่มันบัดซบเสียจริงเชียว” ถังหว่านเอ๋อระเบิดโทสะขึ้มายกใหญ่

“ซูม”

หลงเฉินกระอักโลหิตไปบนร่างของถังหว่านเอ๋อในทันทีจนทำให้หญิงสาวทอสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างถึงที่สุด พลันก็ได้มองไปยังใบหน้าที่ขาวซีดและเปี่ยมไปด้วยความอ่อนล้าของหลงเฉิน

“ต้องขอโทษด้วย ข้าลืมไปว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่” ถังหว่านเอ๋อรีบกล่าวขึ้นมาอย่างแตกตื่น จากนั้นก็เข้าไปพยุงร่างของหลงเฉินแล้วพาไปนั่งที่ศิลาก้อนหนึ่ง

หลงเฉินต้องกระบวนท่าจากพลังแห่งอัสนีบาตของเหร่ยเชียนซังไปอย่างเต็มแรง ซึ่งพลังขุมนั้นเป็นพิษธาตุหยินอันเข้มข้น ขณะนี้ภายในร่างกายของหลงเฉินจึงคล้ายกับเป็นเกี๊ยวทอดด้วยน้ำมัน ซึ่งยากจะกำจัดออกไปได้

ทัณฑ์แห่งอัสนีบาตรก็คือพลังที่แฝงเข้ามาภายในร่างกายของผู้อื่น โดยทำให้เกิดผลกระทบต่อคนผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทานรับเอาไว้ได้

แน่นอนว่าเหร่ยเชียนซังคงจะถ่ายพลังแห่งอัสนีบาตเข้ามาภายในร่างกายของหลงเฉินด้วยพลังที่มีอยู่แทบจะทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสังหารหลงเฉินให้ตายลงไปได้ ก็ขอเพียงให้ได้รับความเจ็บปวดเสมือนเป็นฝันร้ายก็ยังดี อีกทั้งยังเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะฝึกยุทธ์ได้อีกด้วย

ทว่าเขากลับไม่ทราบเลยว่าหากหลงเฉินกระตุ้นพลังร่างกักวายุทั้งหมดออกมาครั้งหนึ่งก็สามารถสลายทัณฑ์แห่งอัสนีบาตได้ในทันที

และหลงเฉินก็ทราบอยู่แก้ใจดี ทว่ากลับไม่ได้กระทำเช่นนั้น เพราะต้องการทราบว่าเหร่ยเชียนซังผู้นั้นมีพลังชนิดใดซ่อนอยู่กันแน่ แล้วคล้ายกับประสบการณ์จากทัณฑ์แห่งสวรรค์หรือไม่

ทัณฑ์แห่งสวรรค์ในครั้งนั้นคล้ายกับเป็นพลังปราณของยอดฝีมือจากอีกโลกหนึ่ง เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อลดทอนพลังของหลงเฉินลง และแน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมไม่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแน่ หลังจากนี้คงจะต้องเกิดขึ้นอีก และคงจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงเวลาที่เหร่ยเชียนซังได้ถ่ายทอดพลังแห่งอัสนีบาตรเข้ามานั้น หลงเฉินถึงได้เพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือการรับการโจมตีโดยไม่ต่อต้านและไม่หลบหลีก อีกทั้งยังทำการปิดเส้นลมปราณทั้งหมดเพื่อกักขังพลังแห่งอัสนีบาตเอาไว้ในร่างกาย

และที่กระอักโลหิตออกมานั้นก็เพราะเอาแต่ทะเลาะกับถังหว่านเอ๋อจึงหลงลืมที่จะรวมพลังเข้าจัดการกับพลังแห่งอัสนีบาต ผลลัพธ์ก็คือทำให้อวัยวะบางส่วนได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจนต้องกระอักโลหิตออกมา

“คุณหนูหว่านเอ๋อ ความจริง……ต้องขอโทษด้วย ข้านั้นเป็นตัวบัดซบมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว หวังว่าเจ้าจะยกโทษให้แก่ความไร้มารยาทของข้า

ถึงแม้ว่าเจ้าเปรียบเสมือนกับนางเซียนจากสรวงสวรรค์ที่ไม่อาจเอื้อมถึงได้ ทว่าข้าก็หวังว่าเจ้าจะยกโทษให้แก่ข้า ให้ข้าได้จากไปอย่างด้วยสงบเถิด” หลงเฉินเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่คมค่อยปิดลงอย่างช้าๆ

ถังหว่านเอ๋อตกใจขึ้นมายกใหญ่ พลันก็สัมผัสได้ว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินเริ่มลดลงเรื่อยๆ และภายในร่างกายก็เริ่มอ่อนล้าโรยแรงลงไปด้วยเช่นกัน แล้วจากนั้นก็ได้ขาดสติไป นี่ย่อมไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่เขาชื่นชอบกระทำอย่างแน่นอน

“หลงเฉิน เจ้าคงจะไม่ได้สาหัสมากไปหรอกนะ ข้าพอจะมีโอสถอยู่บาง ข้าจะเอาให้เจ้าใช้เอง” ถังหว่านเอ๋อรีบนำโอสถออกมาจากแหวนมิติ

หลงเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เปล่าประโยชน์ เจ้าเองก็คงจะสัมผัสได้ พลังแห่งอัสนีบาตได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายของข้าแล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เหร่ยเชียนซัง! เจ้าตัวบัดซบ! ช่างโหดเ**้ยมเกินไปแล้ว” ถังหว่านเอ๋อกัดฟันแน่นแล้วกล่าวขึ้นมาเพราะนางเองก็สัมผัสได้ถึงสภาวะภายในร่างกายของหลงเฉิน

เมื่อพลังแห่งอัสนีบาตได้ไหลเวียนเข้าสู่ภายในร่างกายแล้วย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของยอดฝีมือ ขอเพียงสามารถควบคุมพลังลมปราณเข้าจัดการได้ก็จะสามารถสลายออกไปในที่สุด ทว่าหากได้ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณเมื่อใดย่อมเป็นเสมือนเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงเข้าไปนั่นเอง หากรุนแรงมากก็อาจถึงขั้นทำลายระบบประสาทไปได้เลย ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็อาจจะต้องพิกลพิการไปตลอดชีวิต

แค่กแค่กแค่ก……” หลงเฉินไอออกมาอย่างรุนแรงจนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา อีกทั้งยังเริ่มหายใจลำบากจนไม่อาจกล่าววาจาใดออกมาได้อีก พลางก็ได้ชี้ไปยังภายในปากของตัวเองพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปที่ถังหว่านเอ๋อ

ถังหว่านเอ๋อปากอ้าตากว้างขึ้นมายกใหญ่พร้อมทั้งกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาว่า

“ให้ข้าผายปอดให้เจ้าหรือ?”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset