ขนคิ้วเรียงสวยประดุจภาพวาด ผิวพรรณขาวผ่องประดุจหิมะ อาภรณ์พลิ้วไหวไปตามสายลม ให้ความรู้สึกประดุจเทพเซียนลงมาจุติอยู่บนโลก ทว่าใบหน้าอันงดงามนั้นกลับเย็นชาเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
สาวงามแห่งน้ำแข็งเยี่ยจื่อชิว นางเยื้องย่างฝีเท้าเข้ามาอย่างช้าๆ จนมาถึงริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่ แน่นอนว่านางเองก็ต้องข้ามแม่น้ำสายนี้ไปให้ได้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่นางได้ปรากฏตัวขึ้นมา บริเวณแห่งนั้นก็เงียบสงัดลงราวกับเป็นป่าช้าแห่งหนึ่ง ทุกสายตาของยอดฝีมือจับจ้องไปยังสาวงามที่เพิ่งมาเยือน เพราะพวกเขาเองก็อยากจะทราบว่ายอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดอย่างเยี่ยจื่อชิวจะข้ามแม่น้ำสายนี้ไปได้อย่างไร รอคอยเพื่อจะเก็บเกี่ยววิธีไปใช้กับตัวเอง
ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของผู้คนทั้งหลายจะหวาดหวั่นกับสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ ทว่าความน่าหวาดกลัวเช่นนั้นย่อมไม่อาจขัดขวางเยี่ยจื่อชิวผู้ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน
เยี่ยจื่อชิวเหม่อมองไปยังน้ำที่ขุ่นมัวของแม่น้ำสายใหญ่ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ค่อยๆ ละลายตาหันกลับไปมองผู้คนที่จับจ้องมา ทันใดนั้นเองสายตาคู่งามก็ได้พบกับเงาร่างของหลงเฉิน จากใบหน้าขาวผ่องที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนอารมณ์ใดใดมาก่อน กลับเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย
“จะไปด้วยกันไหม?” เยี่ยจื่อชิวมองไปที่หลงเฉินแล้วเอ่ยถามออกไป
“ไม่ล่ะ ขอบคุณมาก ข้ามีวิธีที่จะข้ามแม่น้ำแล้ว” หลงเฉินยิ้มน้อยๆ แล้วตอบปฏิเสธกลับไป
หลงเฉินมีความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยต่อสาวงามแห่งน้ำแข็งผู้นี้ เขายอมเผชิญหน้ากับถังหว่านเอ๋อผู้มีนิสัยแปลกประหลาดยังจะดีเสียกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับเยี่ยจื่อชิวเช่นนี้ ถังหว่านเอ๋อยังพอที่จะหยอกเย้าอยู่ได้บ้าง ทว่าเวลาที่อยู่ต่อหน้าเยี่ยจื่อชิวแล้วกลับเกิดความรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นเยี่ยจื่อชิวชักชวนหลงเฉินไปด้วย ผู้คนที่มองอยู่ก็ได้แต่หอบหายใจรัวแรงด้วยความอิจฉาตาร้อนขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เจ้าหนูผู้นี้ทำบุญด้วยอะไรกันถึงได้รับการดูแลจากสาวงามแห่งน้ำแข็งผู้เย็นชาได้
ทว่าหลังจากที่ได้ยินหลงเฉินปฏิเสธคำเชิญชวนของเยี่ยจื่อชิว พวกเขาต่างทอดวงตาโง่งมไปที่หลงเฉินในทันที ทว่ากลับมีผู้คนไม่น้อยเลยที่เลื่อมใสในความหยิ่งผยองของหลงเฉิน เรียกได้ว่าองอาจอย่างยิ่งยวด
เยี่ยจื่อชิวทอสายตาเย็นชาไปที่หลงเฉินแล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปใกล้ริมแม่น้ำมากขึ้น
“คุณหนูเยี่ย อย่าได้ทำเช่นนั้น ในน้ำมี……”
คนผู้หนึ่งขานขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด เขาคิดว่าเยี่ยจื่อชิวจะว่ายน้ำเพื่อข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ทว่าหลังจากที่ร้องขึ้นมาได้ครึ่งประโยค เขาก็ได้หุบปากลงในทันที เมื่อเห็นว่าเยี่ยจื่อชิวเหยียบย่างไปตามผิวน้ำโดยที่ไม่จมลงไป
พวกเขารีบค้นหาความลับของการเคลื่อนไหวของเยี่ยจื่อชิวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็พบว่าบริเวณใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยจื่อชิวนั้นคล้ายกับถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งอยู่ชั้นหนึ่ง
เยี่ยจื่อชิวย่างฝีเท้าไปเรื่อยๆ อย่างไร้ซึ่งอุปสรรคกีดขวาง การเคลื่อนไหวของนางอรชรอ้อนแอ้นประดุจนางเซียนกำลังโบยบินอยู่เหนือน้ำอย่างไรอย่างนั้น
สายลมที่พัดผ่านมากระทบอาภรณ์อันงดงามจนพลิ้วไหวไปมาเล็กน้อย ผู้คนที่ยืนมองอยู่ก็รู้สึกได้ถึงจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ราวกับว่าเบื้องหน้าสายตาของพวกเขาเป็นภาพวาดอันงดงามจากจิตรกรผู้โด่งดัง
ในขณะที่เยี่ยจื่อชิวเดินออกไปได้สิบเซียะ ผิวน้ำที่อยู่ด้านหลังก็ได้กระเพื่อมขึ้นมาอย่างรุนแรง ปลาปากเสือจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนคล้ายกับจะกระโจนเข้าหาเยี่ยจื่อชิว
เหล่าผู้คนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำต่างร้องเสียงหลงขึ้นมาตามๆ กัน ทว่าเยี่ยจื่อชิวที่เป็นผู้ประสบภัยกลับไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ฝีเท้าอันบางเบายังคงก้าวเดินต่อไปทางด้านหน้า ทว่าเป็นปลาปากเสือเหล่านั้นที่แน่นิ่งไปอย่างกะทันหัน
ใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยจื่อชิวแผ่น้ำแข็งออกมาปกคลุมมากเสียยิ่งกว่าเดิม เกล็ดน้ำแข็งตีแผ่ออกไปในระยะหลายเซียะจนทำให้ปลาปากเสือเหล่านั้นถูกแช่แข็งไปทั้งหมด
ฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ทำให้ผู้คนเกิดความแตกตื่นอย่างถึงที่สุด สายตาจ้องมองไปที่เงาร่างบางสายนั้นด้วยความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย นี่คือฝีมือของยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาด อันเลื่องชื่ออย่างนั้นหรือ ช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ในสายตาของพวกเขามองว่าการข้ามแม่น้ำสายใหญ่แห่งนี้แทบจะไม่ต่างอันใดไปจากการปีนขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ทว่าเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยจื่อชิวแล้วกลับง่ายดายประดุจเป็นถนนหนทางที่ราบเรียบและแข็งแรงเส้นหนึ่ง
แม้แต่หลงเฉินเองก็เกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาไม่น้อย เขาทราบดรว่าพลังของเยี่ยจื่อชิวก็คือน้ำแข็ง ทว่ากลับเป็นพลังที่สามารถใช้ออกมาได้ตามใจนึกเช่นนี้ หากได้ปะทะกันย่อมเป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
สายตาทุกคู่มองตามหลังของเยี่ยจื่อชิวไปจนสาวงามเหยียบขึ้นไปอีกฟากหนึ่งได้สำเร็จ จากนั้นเงาร่างอันบอบบางของนางก็ได้หายลับไปจากสายตาพวกเขา จึงทำให้ต้องรีบคืนสติกลับมาที่ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นเองคนผู้หนึ่งก็ได้กระทืบเท้าครั้งหนึ่งแล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนผิวน้ำแข็งของเยี่ยจื่อชิว หวังที่จะหยิบยืมเส้นทางการเดินของสาวงามเพื่อข้ามไปอีกฟากนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่
คนผู้นั้นวิ่งตะบึงหน้าตั้งออกไปไกลหลายเซียะ ทว่าจู่จู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เกิดเสียงดังกร่อบขึ้นมาเป็นสาย น้ำแข็งที่เคยปกคลุมผิวน้ำเอาไว้แตกแหลกลานออกมาเป็นแนวยาว คนผู้นั้นกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะร่วงลงไปยังใจกลางของแม่น้ำสายนั้น
หลังจากที่ตกลงไปแล้วนั้น คนผู้นั้นก็ไม่ได้รีรอแต่อย่างใด เขารีบจ้วงน้ำเพื่อว่ายกลับเข้าฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าในขณะที่กำลังว่ายไปได้สองสามครั้งก็ได้กรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
หลงเฉินขว้างเชือกยาวที่อยู่ในมือออกไป แล้วตะโกนเสียงดังว่า “คว้าเอาไว้”
คนผู้นั้นรีบคว้าไปที่ปลายเชือกและจับเอาไว้จนแน่น เชือกนั้นคล้ายกับมีพลังมหาศาลดึงเขาขึ้นมาจากน้ำอย่างง่ายดาย ร่างของเขากลายเป็นเส้นโค้งลอยกลับเข้าสู่ชายฝั่งในทันที
ผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบเข้ามาช่วยเหลือคนผู้นั้นอย่างร้อนรน เนื้อหนังบนร่างกายของคนผู้นั้นถูกกัดกินไปแล้วบางส่วน มีทั้งรอยเขี้ยวฝังเอาไว้ มีทั้งถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรงจนโลหิตไหลรินออกมาไม่หยุด
“ยังดีที่ไม่โดนจุดตาย” หนึ่งในกลุ่มคนกล่าวขึ้นมาด้วยความยินดี
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้” คนผู้นั้นกลืนโอสถลงไปเม็ดหนึ่ง แล้วกล่าวขอบคุณหลงเฉินด้วยความตื้นตันอย่างถึงที่สุด
หากไม่ได้หลงเฉินช่วยเอาไว้ เขาคงจะไม่สามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งกลับมาได้เลย อีกทั้งยังต้องถูกปลาปากเสือฉีกกระชากร่างกายจนกลายเป็นอาหารอันโอชะไปแล้วอย่างแน่นอน
“อย่าได้เกรงใจไป แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
หลงเฉินยิ้มเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ได้เป็นทั้งมิตรและศัตรู เขาจึงไม่อาจทนมองดูผู้อื่นต้องตายตกไปเป็นอาหารของปลาต่อหน้าต่อตาได้
“ศิษย์พี่หลง พวกเราจะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำได้อย่างไรกัน ขอท่านโปรดชี้ทางสว่างให้พวกเราด้วย” คนผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาหลงเฉิน พร้อมกับกล่าววาจานอบน้อมออกมา
หลงเฉินส่ายหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “แม่น้ำสายนี้เป็นหนึ่งในการทดสอบของหมู่ตึก ข้าว่าพวกเจ้าคงต้องพึ่งพาตัวเองแล้วล่ะ”
ผู้คนมากมายเกิดความผิดหวังขึ้นมาหลังจากที่ได้ฟังคำตอบของหลงเฉิน บททดสอบในครั้งนี้ช่างหนักหนาเกินไปแล้ว พลันก็ได้มีคนผู้หนึ่งหาท่อนซุงขนาดใหญ่เพื่อลอยข้ามฝั่งไป
ทว่าในขณะที่ลอยห่างออกไปได้เพียงไม่กี่เซียะก็ต้องถูกปลาปากเสือโจมตีไปที่ท่อนซุง ด้วยฟันอันแหลมคมของมันก็ได้กัดเซาะเนื้อไม้จนเกือบหมดโดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
ทว่าคนผู้นั้นคงจะมีการเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ในขณะที่ท่อนซุงกำลังถูกกัดกร่อนอยู่นั้น คนผู้นั้นก็ได้กระโดดกลับมาที่ฝั่งอย่างรวดเร็วและคล่องตัว ผู้คนที่มองอยู่ริมฝั่งได้แต่ถอนหายใจกันไปตามๆ กัน
ไม่อาจใช้สิ่งใดข้ามสายน้ำแห่งนี้ไปได้เลย หากพวกเขามีปีกบินก็คงจะง่ายดายกว่านี้นัก การทดสอบของพวกเขาจะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ?
ตลอดระยะทางที่ผ่านมานี้ช่างไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะรวบรวมแผ่นป้ายมาได้จนครบ ทว่าในขณะที่กำลังจะถึงเส้นชัยกลับต้องถูกส่งตัวกลับด้วยอุปสรรคเช่นนี้หรือ ช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจยิ่งนัก
ผู้คนทั้งหมดจึงเปลี่ยนความสนใจมาที่หลงเฉินในทันที พวกเขาก็ใคร่รู้เช่นเดียวกันว่าหลงเฉินจะข้ามแม่น้ำแห่งนี้ไปได้อย่างไร
หลงเฉินส่ายหน้าไปมาอย่างเหลืออด เจ้าพวกลูกหลานของตระกูลผู้มั่งคั่งเหล่านี้ช่างไม่รู้จักการเรียนรู้เพื่อเอาชีวิตรอดเสียเลย พลันก็ได้สอดสายตามองไปทั่วทุกสารทิศแล้วก็พบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีความสูงกว่าร้อยเซียะ หากมองจากตรงนี้ก็สูงขึ้นไปจนเสียดฟ้าเลยทีเดียว
หลงเฉินเดินไปหยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปแล้วควักเชือกเส้นหนึ่งออกมาผูกกับกิ่งของต้นไม้ใหญ่
เมื่อมัดจนแน่นหนาแล้ว หลงเฉินก็กระโดดลงมาแล้วเดินไปยังศิลาก้อนที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เขาออกแรงเหนี่ยวปลายเชือกจนต้นไม้ใหญ่ขนาดสิบคนโอบค่อยๆ โค้งงอลงมา คล้ายกับสามารถดีดคนข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้
ต้นไม้ใหญ่ถูกง้างให้มีลักษณะโค้งงอประดุจคันศรอันหนึ่ง หลงเฉินผูกปลายเชือกเส้นนั้นเอาไว้ที่ศิลาก้อนใหญ่ จากนั้นก็ได้กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกโน้มลงมา แล้วใช้กระบี่ตัดไปที่กิ่งของต้นไม้ใหญ่จนถูกโยนออกไปในทันที
“ซวบ”
ทันทีที่คมกระบี่ถูกฟันลงไป ต้นไม้ใหญ่ก็คล้ายกับเป็นคันศรที่ถูกดีดออกจนเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง เงาร่างของหลงเฉินลอยละล่องสู่ท้องนภาสีครามเพื่อมุ่งตรงไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
หลงเฉินร้องเสียงหลงขึ้นมาหลังจากที่ลอยกระเด็นออกไปประดุจกระสุนความเร็วสูง ผู้คนที่มองดอยู่ด้านล่างต่างก็แตกตื่นตกใจกับวิธีการอันบ้าบิ่นเช่นนั้น
“ไอ้หยา ให้ตายเถิด”
“ตูม”
เงาร่างของหลงเฉินฝ่าแมกไม้ไปยังภูเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้นมาต่อเนื่อง ก้อนศิลาจากหินผาร่วงหล่นลงมามากมายนับไม่ถ้วน นกกาต่างๆ ร้องแตกตื่นอีกทั้งยังแตกรังออกมาจนหมด
ผู้คนที่อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำทอใบหน้าปากอ้าตาค้างมองไปยังเขม่าควันที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาจากบนภูเขา
“คงไม่ได้กระแทกเข้ากับหินผาจนร่างแหลกลานไปแล้วหรอกนะ” คนผู้หนึ่งพึมพำขึ้นมา ด้วยแรงกระแทกอันรุนแรงเช่นนั้น แน่นอนว่าไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ต้องกลายเป็นเนื้อบดไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตูม”
ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็ได้โผล่ขึ้นมาจากกองศิลาที่ทับทมลงมาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ยืนหยัดได้ เขาก็ได้คายน้ำลายที่เต็มไปด้วยเศษดินออกมา มือใหญ่ปัดฝุ่นผงที่ติดอยู่ตามร่างกายเป็นพัลวัน จากนั้นก็ได้เดินลับหายไปจากสายตาของผู้คนอย่างรวดเร็ว
เมื่อพบว่าหลงเฉินได้จากไปแล้ว ผู้คนมากมายต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดสู พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง แล้วต่อจากนี้ไปพวกเขาจะทำอย่างไรกันเล่า
“สวรรค์ ศิษย์พี่หลงเฉินได้ชี้แนะพวกเราแล้ว” จู่จู่ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ได้ตะโกนเสียงดังขึ้นมาด้วยความปราบปลื้มใจ
“เหอะ ชี้แนะอะไรกัน หากพวกเราข้ามแม่น้ำไปด้วยวิธีเช่นนั้น รับรองได้เลยว่าจะต้องกลายเป็นเนื้อบดกันไปหมดอย่างแน่นอน” คนผู้หนึ่งกล่าวพร้อมกับกรอกตาขาวมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ จะให้เขาเลียนแบบวิธีการของเฉินได้อย่างไรกัน?
“ไม่ใช่ พวกเจ้าลองมองไปที่กิ่งของต้นไม้ต้นนั้นสิ” ชายหนุ่มผู้นั้นชี้นิ้วไปยังกิ่งของต้นไม้ใหญ่ของหลงเฉินด้วยรอยยิ้มกว้าง
ผู้คนที่อยู่โดยรอบขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าก็มองไปตามทิศทางที่นิ้วของชายหนุ่มผู้นั้นชี้ไป กิ่งของต้นไม้ใหญ่คือจุดที่หลงเฉินเคยเดินอยู่ก่อนหน้านั้น คล้ายกับจงใจดึงรั้งเอาไว้ ทว่าก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้าใจหมายความของสิ่งนั้นได้อยู่ดี
“เหม็นเหลือเกิน…” คนผู้หนึ่งเดินเข้าไปใกล้จุดที่สร้างความสงสัยให้กับผู้คน พลันก็ได้ปิดจมูกเมื่อได้กลิ่นเหม็นอย่างไร้ที่เปรียบโชยมาเตะจมูกของตัวเอง
ขณะที่กำลังบีบจมูกของตัวเองอยู่นั้น มืออีกข้างหนึ่งก็ได้ยกกิ่งของต้นไม้ใหญ่ขึ้นจากพื้น ของเหลวข้นสีเหลืองไหลออกมาเป็นสาย นี่คือต้นเหตุของกลิ่นเหม็นที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั่นเอง
“ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่หลงเฉินได้บอกวิธีข้ามแม่น้ำให้กับพวกเราแล้ว” คนผู้นั้นร้องขึ้นมาด้วยความดีใจเสียยกใหญ่
ผู้คนที่เหลือยังคงทอสีหน้าโง่งมไปตามๆ กัน คนผู้นั้นตัดกิ่งไม้นั้นออกมาแล้วนำไปผูกกับเนื้อย่างชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็โยนลงไปยังใจกลางของแม่น้ำสายใหญ่
เดิมทีปลาปากเสือคงจะต้องกัดกินเนื้อย่างชิ้นนั้นจนไม่เหลือซากไปแล้ว ทว่าไม่ว่าจะรอไปนานเท่าใดที่ผิวน้ำก็ยังไม่มีวี่แววการโจมตีอันบ้าคลั่งของปลาปากเสือเลยแม้แต่น้อย นี่ปลาปากเสือกลัวกลิ่นเหม็นฉุนอย่างนั้นหรือ
ฉะนั้นหากพวกเขาใช้เนื้อไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ทำเป็นตะเกียบแล้วผูกติดกับร่างกายเอาไว้ก็จะสามารถรอดพ้นจากการถูกปลาปากเสือโจมตีแล้วสินะ
ผู้คนที่อยู่ริมฝั่งน้ำเกิดอาการดีใจขึ้นมายกใหญ่ อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมหลงเฉินขึ้นมาไม่หยุด การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ดีใจกันจนหนำใจแล้วพวกเขาก็ได้แยกย้ายกันไปเสาะหาต้นไม้ที่มีกลิ่นเหม็นฉุน แล้วตัดให้เป็นรูปตะเกียบขึ้นมา
ความเป็นจริงแล้วบททดสอบนี้ช่างง่ายดายสำหรับผู้คนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้ว ต้นโชวโล่วจางขึ้นชื่อในเรื่องของการกำจัดปลาปากเสืออยู่แล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นคุณชายและคุณหนูจนแทบทั้งสิ้น พวกเขาจึงไม่ทราบถึงความข้อนี้
ด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเช่นนี้กลับต้องทำให้ผู้มีพรสวรรค์มากมายต้องทิ้งอนาคตของตัวเองไป ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ฉะนั้นหลงเฉินจึงได้บอกใบ้ให้พวกเขา
หากพวกเขายังไม่เข้าใจถึงคำใบ้ของหลงเฉินอีก แน่นอนว่าความโง่เขลาเช่นนั้นสมควรที่จะไม่ต้องฝึกยุทธ์อีกต่อไปแล้ว โดดลงไปเป็นอาหารอันโอชะของปลาปากเสือให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปยังดีเสียกว่า
หลังจากที่ข้ามแม่น้ำสายใหญ่ไปได้แล้ว หลงเฉินก็ออกเดินทางสู่หุบเขาที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์มากมายเพื่อเสาะหาสมุนไพรที่เป็นสมบัติล้ำค่าอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้กลับคล้ายว่าโชคของเขาได้ใช้ไปจนหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น ตลาดเส้นทางที่เดินมาจึงไม่มีสิ่งของล้ำค่าแม้แต่ชิ้นเดียว
เวลาแห่งการเดินทางไปผ่านพ้นไปกว่าครึ่งเดือน หลงเฉินเยื้องย่างฝีเท้าไปตามจุดที่ระบุเอาไว้ในแผนที่ เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่จุดสิ้นสุดของการทดสอบ
ในขณะที่กำลังเดินทางต่อไปอย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น จู่จู่พื้นดินที่เหยียบอยู่ก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเป็นวงกว้าง พร้อมกับมีบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวชวนขนหัวลุกแผ่ซ่านออกมาอย่างมหาศาล….