“พลังสภาวะของยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาด?”
หลงเฉินรู้ประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย พลังสภาวะอันแข็งแกร่งพุ่งพล่านผ่านสายลมเข้ามากระทบร่างของเขาอย่างรุนแรง มีเพียงยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่จะมีพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้
ทว่าบรรยากาศในครั้งนี้กลับผันผวนอย่างรุนแรงกว่าครั้งที่มีการต่อสู้ระหว่างเหร่ยเชียนซังกับถังหว่านเอ๋อเสียอีก
“เข้าไปดูหน่อยดีกว่า”
หลงเฉินค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปยังบริเวณที่มีการปะทุพลังขึ้นมาท่วมท้นอย่างระมัดระวัง เขาปะทุพลังไปที่ฝีเท้าเพื่อวิ่งตะบึงออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะสถานที่แห่งนั้นช่างอยู่ไกลเกินไป หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เขาก็ได้มาหยุดลงตรงมุมหนึ่ง
“หือ? คึกคักอะไรปานนั้น”
ฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่ เหร่ยเชียนซัง ชีซิ่ง ยวี่จื่อเฟิง ถังหว่านเอ๋อ และเยี่ยจื่อชิวได้มารวมตัวอันอยู่ภายในที่แห่งนี้กันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลงเฉินยิ่งแปลกใจนั่นก็คือพวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย คล้ายกับกำลังเปิดศึกต่อสู้กันอยู่ เป็นบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวจนสั่นคลอนไปทั่วทั้งผืนฟ้าเลยก็ว่าได้ แม้แต่ผืนแผ่นดินก็ยังต้องสั่นไหวเพราะขุมพลังอันหมาศาลของพวกเขา
ฉากการต่อสู้เบื้องหน้าแบ่งออกเป็นสามต่อสอง ถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวเผชิญหน้ากับเหร่ยเชียนซัง ชีซิ่ง และยวี่จื่อเฟิง
ชายหนุ่มทั้งสามคนปะทุพลังการต่อสู้ทั้งหมดออกมา มีทั้งประกายอัสนีบาต ทั้งสายวารี ผสานกับรังสีกระบี่อันปราดเปรื่องพุ่งทะยานสู่โฉมงามทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินได้เห็นยวี่จื่อเฟิงลงมือ ในมือของชายหนุ่มผู้นั้นมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งกำลังดีดประกายคมกล้าออกมานับสิบเซียะ ตัดผ่านช่องว่างอากาศออกเป็นสองส่วนด้วยความเร็วสูง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังสังหารอย่างเหลือล้นไปทางด้านหน้า
คมวายุนับร้อยสายห่อหุ้มรอบกายของถังหว่านเอ๋อก็ได้ลอยละล่องไปมาไม่หยุด งดงามประดุจบุบผาที่กำลังเบ่งบานขึ้นมา พลันก็ได้พวยพุ่งเข้าต้านทานการโมตีของยวี่จื่อเฟิงอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
เรือนร่างบางที่อยู่ข้างกายของถังหว่านเอ๋ออย่างเยี่ยจื่อชิวยังคงทอสีหน้าเย็นเยียบดังเดิม พลางขยับมืออันขาวผ่องครั้งหนึ่งจนเกิดเป็นชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นมายังใจกลางฝ่ามือแล้วฟาดออกไป สายน้ำแข็งแฝงเอาไว้ด้วยภาพเงามายาชนิดหนึ่งพวยพุ่งออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเงามายาเหล่านั้นผ่านไป บรรยากาศโดยรอบก็คล้ายกับปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกอันน่ากลัว เพียงยืนมองจากตรงนี้ก็ทำให้จิตใจของหลงเฉินเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาอย่างมาก สายขุมพลังอันหนาวเหน็บแผ่นไปปะทะกับร่างกายของชายหนุ่มทั้งสามคนจนไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีก
“ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดแอบหนีมาประลองฝีมือกันในที่แห่งนี้เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในใต้หล้าหรือไรกัน?”
หลงเฉินตระหนักขึ้นมาได้ว่าถึงจะใช้สมองคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด จึงเปลี่ยนเป็นกวาดสายตามองไปยังบริเวณโดยรอบจนพบกับถ้ำภูเขาที่อยู่ในบริเวณถัดออกไปไม่ไกลนัก หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะทอแววตาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาแล้วพึมพำว่า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ภายในถ้ำภูเขาขนาดเล็กมีต้นไม้เล็กๆ สูงประมาณสามเซียะงอกเงยขึ้นมาตรงใจกลางปากทางเข้าถ้ำ ต้นไม้ต้นนั้นออกผลขนาดเท่ากำปั้นออกมาลูกหนึ่ง ผลปราณลี้ลับ! ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาลงทุนลงแรงฟาดฟันกันอย่างห้ำหั่นเช่นนี้
ผลปราณลี้ลับเป็นผลไม้เร้นลับชนิดหนึ่งที่ออกผลมาเพียงหนึ่งลูกในทุกๆ สามปี ทันทีที่เด็ดผลออกมา ต้นของมันก็จะตายลงไปในทันที หากผลของมันสุกงอมได้ที่แล้วยังไม่ถูกเด็ดออกไปก็จะเริ่มเน่าเปื่อยภายในหนึ่งชั่วยาม
ผลไม้อันแปลกประหลาดนี้มีประโยชน์ล้นฟ้าอย่างไร้ที่เปรียบ ผลลัพธ์ของมันทำให้ยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตมีโอกาสทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากผู้ฝึกยุทธ์มีรากฐานที่มั่นคงแล้วย่อมสามารถก้าวหน้าต่อไปได้ยาวไกลอย่างแน่นอน
สายตาคู่คมจ้องมองไปยังลานต่อสู้ที่อยู่ห่างจากกถ้ำแห่งนั้นพอสมควร พลันก็เหลือบไปเห็นอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่หน้าปากถ้ำบรรทัดหนึ่งว่า
“ผู้ที่โค่นต้นไม้นี้ต้องตาย!”
ตัวอักษรบรรทัดนั้นเขียนเอาไว้ด้วยตัวบรรจงเต็มตา ลายเส้นอันสวยงามมีการลงน้ำหนักอย่างชัดเจน เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งการตักเตือนเอาไว้อย่างถึงที่สุด
หลงเฉินจึงเข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีว่าผลปราณลี้ลับต้นนั้นมีความเร้นลับและทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าทั่วทั้งหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์แห่งนี้ก็คงจะมีเพียงต้นนั้นต้นเดียว ด้วยเหตุนี้การคัดเลือกศิษย์จึงเกิดขึ้นทุกสามปี ฉะนั้นหากไม่ให้ความสำคัญถึงเพียงนี้แน่นอนว่าผู้มารายงานตัวคงจะตัดทิ้งไปทั้งต้นจนไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
ถังหว่านเอ๋อและเยี่ยจื่อชิร่วมแรงกันเข้าต่อกรกับบุรุษทั้งสามคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าสองโฉมงามกลับตกเป็นรองตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ กระทำได้เพียงรับการต่อสู้ไปเป็นฉากๆ เพราะกำลังเสียเปรียบทั้งกำลังและจำนวน
หลงเฉินพิจารณาดูสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สนิทสนมกับถังหว่านเอ๋อและเยี่ยจื่อชิวมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว หรือแม้ว่าจะไม่เห็นแก่หน้าของสาวงามทั้งสองคน ก็ใช่ว่าเขาจะต้องเห็นแก่หน้าของเหร่ยเชียนซังและชีซิ่ง
ในเมื่อชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็ปั้นตัวเป็นศัตรูคู่แค้นของเขาเอง หากปล่อยให้คนพวกนั้นได้ผลปราณลี้ลับไปครอบครอง ก็คงจะไม่ต่างอันใดไปจากการหาที่ตายในภายหลังนั่นเอง
“ฮาฮา เด็กน้อยทั้งสามคนนั้นก็ช่างหน้าด้านเสียเหลือเกินนะ กลางวันแสกๆ เช่นนี้ยังกล้ากระทำเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้ได้ลง พวกเจ้ามารังแกสตรีเพศผู้อ่อนแอทั้งสองนางเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ข้ามาปรากฏตัวแล้วยังไม่รีบหยุดมืออีกอย่างนั้นหรือ?”
หลงเฉินก้าวเท้าออกจากมุมลับสายตาไปยืนเด่นเป็นสง่า แล้วตะโกนออกไปด้วยเสียงสูงด้วยท่าไพล่มือไปทางด้านหลัง คล้ายกับจะให้ผู้คนรู้สึกถึงความสง่างามและยิ่งใหญ่ของตัวเอง
ชีซิ่งหันไปมองยังต้นเสียงด้วยสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ร่างกายไม่อาจหยุดอาการสั่นเทาเอาไว้ได้เลย
“หลงเฉิน!”
ชีซิ่งกับเหร่ยเชียนซังขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วเอ่ยนามนั้นขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนถังหว่านเอ๋อนั้นกลับทอสีหน้าปลื้มปริ่มยินดีขึ้นมา
หลงเฉินหันไปขยิบตาให้แก่ถังหว่านเอ๋อครั้งหนึ่ง แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเหร่ยเชียนซังและชีซิ่ง “สีหน้าช่างดุร้ายเสียจริงนะ ดวงตาของพวกเจ้ากำลังกระหายโลหิตอยู่หรือ
คุณชายอย่างข้าชมชอบการผดุงคุณธรรมภายในยุทธภพ ไม่เคยกระทำเรื่องเสื่อมเสียเฉกเช่นนี้มาก่อน หากพวกเจ้ายังไม่หยุดมือก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน เพราะข้าจะจัดการกับตัวชั่วร้ายอย่างพวกเจ้าทั้งสองคนด้วยมือของข้าเอง” หลงเฉินกล่าวเจาะจงไปที่ชีซิ่งและเหร่ยเชียนซัง เพราะยวี่จื่อเฟิงผู้นั้นยังไม่เคยมีปัญหากับเขามาก่อน เขาจึงไม่คิดจะหาเรื่องใส่ตัวก่อนอย่างแน่นอน
เจ้าตัวบัดซบผู้นี้ไม่เคยมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวผู้ใดบ้างเลยหรืออย่างไรกัน? ถังหว่านเอ๋อแสยะยิ้มขึ้นมาแล้วหันไปกล่าวต่อหลงเฉินว่า “เจ้าไม่ต้องลงมือ ไปเฝ้าที่ปากทางเข้าถ้ำเอาไว้ หากผลปราณลี้ลับสุกงอมแล้วก็จงเด็ดมันมา”
ถึงแม้นางจะทราบอยู่แก่ใจแล้วว่าพลังการต่อสู้ของหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งจนน่ากลัวเพียงใด ทว่าก็ยังไม่อาจเทียบกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ เพื่อช่วงชิงผลปราณลี้ลับมาครอบครอง พวกเขาจึงไม่อาจเก็บซ่อนพลังที่มีอยู่เอาไว้ได้อีกแล้ว นางจึงเกรงว่าหลงเฉินจะได้รับผลกระทบจากการปะทะจนบาดเจ็บ
“คิดได้สวยหรูนี่ จงตายไปเสียเถิด”
ชีซิ่งแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมทั้งหอบสายลมโดยรอบออกจากลานต่อสู้ไปยังบริเวณที่หลงเฉินยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในทันที เรื่องน้ำผึ้งในครั้งก่อนหน้านี้ทำให้เขาบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้แล้ว
กว่าจะจัดการกับอุปสรรคต่างๆ ได้ ผลสุดท้ายกลับถูกเจ้าตัวบัดซบผู้นี้แย่งชิงผลประโยชน์ไปเสียง่ายๆ หากไม่ใช่เหว่ยซานตัวจริงได้ปรากฏตัวขึ้นมาภายหลังแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นหลงเฉินมาโดยตลอด
การถูกหลอกลวงเช่นนี้ช่างสร้างความเจ็บใจให้กับผู้คนเป็นอย่างยิ่ง ความแค้นเคืองที่มีอย่างท่วมท้นจุกอยู่ในอกของผู้คนที่อยู่ในขุมกำลังจนแทบอยากจะจับหลงเฉินมากลืนกินลงไปทั้งเป็นเลยก็ว่าได้
“เจ้ามารผจญ คิดจะลงมือกับข้าหรือ ฉะนั้นก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน วันนี้ข้าจะขอทวงความเป็นธรรมจากสวรรค์ให้เจ้าเอง” หลงเฉินชี้นิ้วไปที่ชีซิ่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไปตายซะ”
ชีซิ่งทอสีหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาอย่างรุนแรง ดาบวารียักษ์ที่ปรากฏขึ้นมาในมือก็ได้ฟาดฟันลงไปยังที่หลงเฉินด้วยพลังอันมหาศาล
ยุทโธปกรณ์ที่ถูกผนึกขึ้นมาจากสายวารีย่อมมีความพิศวงชนิดหนึ่งประทับอยู่ ด้านบนคมดาบสลักเสลาด้วยอักขระที่แปลกประหลาดเอาไว้ นั่นก็คงจะเป็นพลังจากต้นกำเนิดของมันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ระวัง!”
ถังหว่านเอ๋อร้องเสียงหลงขึ้นมาด้วยความตกใจ นางไม่คิดว่าชีซิ่งจะใช้กระบวนท่าที่บ้าคลั่งเช่นนั้นออกมาในตอนนี้ อีกทั้งยังชักนำพลังทั้งหมดเข้าจู่โจมหลงเฉิน นั่นเขาคิดจะสังหารหลงเฉินจริงๆ หรือ?
ส่วนเยี่ยจื่อชิวเองก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่านางจะไม่ทราบว่าหลงเฉินกับชีซิ่งมีเรื่องบาดหมางอันใดกันมาก่อน ทว่าการเคลื่อนไหวเช่นนั้น คิดที่จะเข้าไปช่วยก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“หากเจ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วข้าจะตายไปได้อย่างไรกันเล่า”
หลงเฉินดึงหอกยาวสีดำจากแหวนมิติขึ้นมาทันควัน อาวุธชิ้นนั้นมีพลังการต่อสู้อันรุนแรง อีกทั้งยังมีน้ำหนักกว่าห้าพันชั่ง เขาเองก็ไม่อาจเก็บซ่อนพลังของตัวเองได้อีกต่อไป พลันก็ได้ไหลเวียนพลังทั้งหมดจากจุดดารากักวายุออกมา พลังสภาวะขุมใหญ่ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งประดุจราชสีห์ที่ถูกปลุกจากการหลับใหล
“ตูม”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งผืนฟ้าสีคราม พลังอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ จนเงาร่างทั้งสองลอยกระเด็นแยกออกจากกันไปกว่าสิบเซียะ หอกยาวสีดำในมือของหลงเฉินชี้ไปทางชีซิ่งอีกครั้ง
“มาอีก”
เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดที่เหลือต่างก็แตกตื่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็พบว่าเด็กน้อยหลงเฉินได้เก็บงำพลังฝีมือที่แท้จริงมาโดยตลอด
เพราะแน่นอนว่าในการออกกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ชีซิ่งคงจะไม่ออมแรง ฉะนั้นหากหลงเฉินไม่แข็งแกร่งพอก็คงจะไม่อาจต้านกระบวนท่าเช่นนั้นได้ อีกทั้งยังรับได้โดยไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ตัวบัดซบผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ถังหว่านเอ๋อเบิกดวงตาคู่งามขึ้นมาอย่างแตกตื่น หัวใจที่อยู่ภายในอกเต้นระรัวไม่หยุด พลันก็ได้จ้องมองบรรยากาศบนร่างกายของหลงเฉินแบบไม่กระพริบตา ชายผู้นั้นเป็นหลงเฉินที่นางรู้จักจริงๆ หรือ?
ชีซิ่งเองทั้งตกใจและเดือดดาลเสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นยุทโธปกรณ์ที่อยู่ในมือของหลงเฉิน ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดที่จะเอาชนะขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ ชีซิ่งตะโกนออกมาเสียงดังแล้วดาบวารียักษ์ที่อยู่ในมือก็ได้พวยพุ่งไปยังหลงเฉินอีกครั้งหนึ่ง
“เรียกให้เข้ามาก็เข้ามา ช่างเชื่อฟังกันดียิ่งนัก”
หอกยาวสีดำในมือหลงเฉินลอยระบำไปมากลางอากาศ พลังกดดันมหาศาลไหลออกมาไม่หยุด เนิ่นนานมาแล้วที่เขาไม่ได้ปะทุพลังต่อสู้ออกมามากมายเช่นนี้
หลังจากที่เข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตและเลื่อนระดับขึ้นมาเรื่อยๆ หลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลอย่างไร้ขีดจำกัดของตัวเอง ทว่ากลับไม่เคยใช้ออกมา อีกทั้งยังเกิดข้อกังขากับตัวเองว่าพลังสภาวะเช่นนั้นจัดอยู่ในขอบเขตใดกันแน่
ขณะนี้เขาได้พบกับชีซิ่งผู้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน จึงไม่ลังเลที่จะปะทุพลังอันมหาศาลทั้งหมดออกมาประดุจคลื่นมหาสมุทรที่ซัดสู่ชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
“ตูมตูมตูม……”
การต่อสู้ของพวกเขาดำเนินไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ชีซิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะที่จะสับร่างกายของหลงเฉินให้แหลกเป็นเศษเนื้อ ในแต่ละกระบวนท่าของเขาจึงไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนหลงเฉินเองก็ไม่ได้ต่างกัน เขาใช้มือทั้งสองข้างพยุงหอกยาวสีดำเอาไว้ พร้อมทั้งกวัดแกว่งไปมาอย่างคล่องแคล่วและรุนแรงประดุจคนเถื่อนกำลังควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากที่เชยชมการต่อสู้มาได้ครู่หนึ่ง เหร่ยเชียนซังก็ค่อยๆ ปรับอารมณ์จนสงบลงมาเล็กน้อย อีกทั้งยังจับตาดูการเคลื่อนไหวของหลงเฉินไม่ให้คลาดสายตา
ที่น่าประหลาดใจที่สุดเห็นจะเป็นพิษจากอัสนีบาตที่ถูกคลายลงไปแล้ว ต่อให้หลงเฉินได้รับการช่วยเหลือจากถังหว่านเอ๋อ ทว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้
แล้วผู้ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้คือคนที่ต้องพิษจากอัสนีบาตไปเมื่อครั้งก่อนอย่างนั้นหรือ? ร่างกายของหลงเฉินไม่คล้ายกับต้องพิษจากอัสนีบาตของเขาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเป็นมังกรกำเนิดพยัคฆ์คลั่งผู้บ้าบิ่นเช่นนี้ได้ พิษจากอัสนีบาตไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บเลยหรืออย่างไรกัน?
“เพล้ง”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นระลอก สายลมกรรโชกอย่างรุนแรงจนหอบเอาสายฝนพัดกระหน่ำเข้ามาบริเวณนั้นจนไม่อาจมีสิ่งใดหยุดยั้งการต่อสู้ในครั้งนี้ได้
หลังจากที่ปะทะกันมากว่าครึ่งชั่วยาวแล้ว เงาร่างทั้งสองก็ได้ถอยออกจากกันเล็กน้อย พร้อมทั้งจ้องหน้าของศัตรูอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยล้าส่วนหนึ่ง การโจมตีเมื่อครู่นี้รวดเร็วและรุนแรงเกินไปแล้ว
สะใจยิ่งนัก ภายในจิตใจของหลงเฉินร่ำร้องขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาถูกเรียกขานว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าชีซิ่งนั้นแข็งแกร่งจนน่ากลัวเลยทีเดียว
“เหอะ หมดแรงแล้วหรือ?” ชีซิ่งส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วหันปลายดาบวารียักษ์มาที่หลงเฉิน
“เหอะ ที่ผ่านมาเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น ข้ายังสามารถต่อสู้ด้วยพลังเช่นนี้ไปได้อีกสามวันสามคืนเชียวนะ” หอกยาวสีดำในมือถูกกวาดออกไปอย่างไม่แยแสยอดฝีมือที่อยู่ตรงหน้า
“ชิ แล้วเจ้าหอบหายใจทำไม?” ชีซิ่งไม่เชื่อวาจาของหลงเฉินจึงเอ่ยวาจาเหน็บแนมออกไป
“เจ้าโง่ นี่เรียกว่าหอบหายใจหรือ? ข้ากำลังควบคุมลมหายใจอยู่ ความเร็วในการหายใจเช่นนี้จะทำให้ข้ามีพลังปะทุขึ้นมาเพิ่มขึ้น ฉะนั้นคนอย่างเจข้าคงจะไม่ทราบถึงวิชาชั้นสูงเช่นนี้หรอก กล่าวไปก็ไม่รู้ความ” หลงเฉินเอ่ยวาจาเหลวไหลออกมาได้เต็มปาก
แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่าในตอนนี้เขาไม่อาจปฏิเสธได้แล้วว่าร่างกายช่างเหนื่อยล้าจนแทบจะยืนอยู่ไม่ไหวแล้ว ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดผู้นี้แข็งแกร่งสมคำล่ำลือจริงๆ สภาวะพลังของเขาสามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
“กล่าววาจาไร้สาระให้มันน้อยลงหน่อย ต่อให้วันนี้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ก็จะต้องทำให้เจ้าพิการให้จงได้” ชีซิ่งแผดเสียงดังขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วพุ่งไปหาหลงเฉินในทันที
“ความฝันของเจ้าสูงส่งเกินไป ไม่มีวันที่จะเป็นจริงได้หรอก”
หอกยาวสีดำในมือหลงเฉินปะทะกับดาบวารียักษ์ของชีซิ่งอย่างหนักหน่วง เสียงระเบิดดังขึ้นมาจนหอบบรรยากาศโดยรอบให้หมุนวนเป็นพายุโหมกระหน่ำ
ทว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ได้หยุดชะงักลงเมื่อมีกลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกอย่างรุนแรง หลงเฉินเบิกดวงตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจ: ผลปราณลี้ลับสุกงอมแล้ว…