เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 164 ปลุกขวัญกำลังใจ

“พี่น้องทั้งหลาย โปรดหันมาทางนี้” หลงเฉินปรบมือครั้งหนึ่งแล้วตะโกนขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง

 

 

 

 

 

การแสดงออกทางร่างกายของหลงเฉิน ทำให้จิตใจของถังหว่านเอ๋อรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายหรือคับขันอันใดขึ้น หากหลงเฉินได้ลงมือแล้วย่อมกลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

“ทุกคนคงเห็นกันแล้วว่าภายในถ้ำเหล่านั้นมีมารร้ายอยู่เต็มไปหมด เพื่อปลุกจิตวิญญาณในการต่อสู้ของทุกคน คุณหนูหว่านเอ๋ออันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราจึงให้สัญญาว่าหากผู้ใดสามารถผ่านด่านการทดสอบไปได้จะได้รับจุมพิตอันหอมหวานหนึ่งครั้ง……โอย!”

 

 

 

 

 

เมื่อกล่าวมาถึงประโยคหลัง ที่ขาของหลงเฉินก็ได้มีความเจ็บปวดแปลบแล่นเข้ามา เพราะถังหว่านเอ๋อผู้ที่ถูกพาดพิงได้เตะเข้ามาเต็มแรง ก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ากำลังพูดไร้สาระอันใดอยู่! ข้าเคยบอกเช่นนี้กับเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

 

 

 

 

 

หลงเฉินตอบกลับไปด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ออ ข้าจำผิดเอง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

 

 

 

 

 

จากนั้นเขาก็หันหน้าไปบอกกล่าวต่อทุกคนอีกครั้งว่า “เมื่อครู่นี้ข้ากล่าวผิดไป ขอเปลี่ยนเป็นผู้ใดที่สามารถผ่านด่านการทดสอบไปได้จะได้รับจุมพิตอันหอมหวานสองครั้ง!……โอย เจ้าเตะข้าด้วยเหตุใดกัน?”

 

 

 

 

 

“เจ้าตัวบัดซบ ข้าไม่ได้บอกเช่นนั้น เจ้าเหลวไหลเกินไปแล้วนะ” ถังหว่านเอ๋อปะทุโทสะขึ้นมาอย่างรุนแรงจนใบหน้าแดงก่ำ ภายในจิตใจแทบอยากจะทุบตีหลงเฉินให้ตายตกไปเสียตอนนี้

 

 

 

 

 

“เอาเถิด ขออภัยเหล่าพี่น้องทั้งหลายด้วย คุณหนูหว่านเอ๋อผู้นี้ขี้เหนียวไปเสียหน่อย เช่นนั้นข้าจะขอเปลี่ยนเป็นวิธีสักเล็กน้อย หากสาวงามใดผ่านด่านไปได้ก็ให้มาหาข้า แล้วรับจุมพิตไปก็แล้วกัน” หลงเฉินตะโกนขึ้นมาอย่างขึงขัง

 

 

 

 

 

เหล่าขุมกำลังที่ทั้งหมดพรวดเสียงหัวเราะครืนออกมาเป็นสาย บรรยากาศที่เคยตึงเครียดอยู่ก็ได้ถูกทำลายลงไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

 

 

 

 

 

เมื่อผู้คนตอบสนองกลับมาเช่นนั้น ถังหว่านเอ๋อจึงค่อยๆ มีปฏิกิริยากลับคืนมา อีกทั้งยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าหลงเฉินผู้นี้จะมีนิสัยประหลาด ทว่านางกลับมองเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มผู้ห้าวหาญเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่หาญกล้าเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ประหลาดอย่างชีซิ่งและเหร่ยเชียนซังได้หลายต่อหลายครั้ง ในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นหยอกเย้าผู้คนจนหัวเราะขึ้นมาได้ นี่ถือเป็นการแสดงออกถึงความเสียสละในอีกแบบหนึ่งของเขา

 

 

 

 

 

“ฮาฮา พวกเจ้าก็หัวเราะเกินไป เช่นนั้นข้าจะเถือว่าพวกเจ้าเห็นก็แล้วกัน และแน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถเชื่อใจข้า เมื่อพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ” หลงเฉินฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาแล้วหันไปกล่าวกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นเองหญิงสาวหลายนางที่ถูกจ้องมองอยู่ก็ได้เกิดความเขินอายจนไม่อาจปิดบังได้ ถึงแม้ว่าจะทราบดีว่าหลงเฉินกำลังกล่าววาจาหยอกล้อ ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะคิดจริงจังและมีใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา

 

 

 

 

 

“ฮาฮา ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาที่ข้าจะเปิดประเด็นหลักแล้ว ในครั้งนี้พวกเรามารวมตัวกันในที่แห่งนี้ก็เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายและความฝัน

 

 

 

 

 

ความมุ่งมั่นที่จะเป็นยอดฝีมือ เป็นเสาหลักให้แก่สำนัก ฉะนั้นพวกเราจะต้องแสดงให้เห็นว่าความสามารถของพวกเรานั้นเหนือกว่ารุ่นก่อนๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่คนรุ่นหลังได้จดจำชื่อเสียงเรียงนามของพวกเราเอาไว้ตลอดไป!” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดันจนทำให้โลหิตภายในร่างกายของผู้คนที่กำลังรับฟังอยู่ต่างก็เดือดพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

 

 

 

 

ถู่ฟางมองไปยังแววตาที่มีความฮึกเหิมอันแรงกล้าลุกโชนขึ้นมาของผู้คนเหล่านั้นด้วยความรู้สึกชื่นชมต่อหลงเฉินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นี้สามารถใช้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคมัดใจของลูกหลานจากตระกูลผู้มั่งคั่งเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นความเข้าอกเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้คนเหล่านั้นเป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

เพราะว่าลูกหลานจากตระกูลผู้มั่งคั่งเหล่านี้ย่อมมีจิตใจที่เย่อหยิ่งทระนงตนอย่างถึงที่สุด ความสามารถที่พวกเขาได้มาย่อมส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาหลงเหลือเอาไว้ให้ หลงเฉินจึงปลุกเร้าขึ้นมาว่าพวกเขาจะต้องเหนือกว่าบรรพบุรุษ จนทำให้ลูกหลานรุ่นต่อไปต้องจดจำชื่อเสียงของพวกเขาไปตลอดกาล

 

 

 

 

 

เพียงครู่เดียวคำพูดเหล่านั้นก็ได้เข้าไปดังก้องอยู่ภายในหัวสมองของเหล่าผู้คนจนอยากจะลุกขึ้นสู้ อีกทั้งยังได้ลืมเลือนความหวาดกลัวที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมไปจนหมดสิ้น

 

 

 

 

 

ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังฮึกเหิมอยู่นั้น หลงเฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาในทันที “แล้วพวกเจ้ากันทราบหรือไม่? คุณหนูหว่านเอ๋อที่เป็นเสมือนนางฟ้าในดวงใจของพวกเจ้า ที่พวกเจ้านั้นแสนจะเคารพรักนั้นไม่ได้มีเพียงใบหน้าที่งดงาม ทว่าจิตใจของนางกลับงดงามเสียยิ่งกว่า อีกทั้งยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดที่มีพลังฝีมืออันสูงล้ำประดุจเทพเซียน

 

 

 

 

 

แล้วพวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าภายในจิตใจของนางกลับไม่ใช่นางเซียนอย่างที่พวกเจ้าเห็น นางเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญเฉกเช่นพวกเจ้า เจ็บปวดเป็น ทุกข์ทรมานเป็น และอับจนปัญญาจนทำอะไรไม่ได้ก็เป็น ถึงแม้ว่าภายนอกของนางจะดูเข้มแข็ง ทว่าหัวใจดวงนั้นกลับบอบบางเป็นอย่างยิ่ง”

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อน้ำตาคลอขึ้นมาเล็กน้อย พลันก็รีบหันกายไปด้านหลังเพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นว่าหยาดน้ำตากำลังไหลอาบทั้งสองแก้มอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

แม้จะเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด ทว่าอีกด้านหนึ่งของนางนั้นก็ไม่ต่างอันใดจากคนทั่วไป ตั้งแต่เดินทางสายนี้นางต้องคงสภาวะแข็งกร้าวเช่นนี้เอาไว้ตลอดเวลา แม้ว่าความเป็นจริงแล้วนางกลับรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

เจ้าตัวบัดซบผู้นี้ล่อลวงผู้คนเก่งเกินไปแล้ว ถังหว่านเอ๋อปาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้คนในทันที

 

 

 

 

 

ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็นที่จับจ้องของผู้คนทั้งหมดไปแล้ว พวกเขาจึงทราบได้ทันทีว่านางคงจะทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่เคยนึกคิดมาก่อนเลยว่านางฟ้าของพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่อ่อนแอด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

“นางไม่เคยคิดว่าพวกเจ้าเป็นลูกน้อง ทว่ากลับมองว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่น้องของนาง หากพวกเจ้าคนใดตายตกลงไป นางเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน ฉะนั้นหากพวกเจ้าไม่ต้องการเป็นน้ำตาของนางฟ้าผู้นี้ พวกเจ้าก็จงบอกกล่าวต่อข้าว่าจะต้องมีชีวิตกลับมาจากการทดสอบในครั้งนี้ให้ได้!”

 

 

 

 

 

หลงเฉินจงใจเน้นเสียงหนักไปที่คำพูดประโยคสุดท้าย เสียงของเขาดังและหนักแน่นประดุจอัสนีบาตฟาดลงมาภายในจิตใจของผู้คนจนสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณของพวกเขาขึ้นมาได้ทั้งหมด

 

 

 

 

 

“พวกเราจะมีชีวิตรอดกลับมา!”

 

 

 

 

 

เสียงขานรับดังขึ้นมาจนก้องกังวานไปทั่วทั้งบริเวณ เรียกได้ว่าแทบจะลืมความรักตัวกลัวตายไปจนหมดสิ้น อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อนางฟ้าของพวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

ถู่ฟางและผู้อาวุโสอีกสิบกว่าคนต่างก็มองมาที่หลงเฉินเป็นสายตาเดียว บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก แม้แต่พวกเขาเองก็ยังรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย วาจาของเจ้าหนูผู้นี้เรียกได้ว่าสามารถปลุกให้คนตายตื่นฟื้นคืนขึ้นมาได้เลยทีเดียว เป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!

 

 

 

 

 

“เหอะ ลมปากสุนัข เพียงยืนยันว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาจะสำคัญไปกว่าพลังฝีมืออย่างนั้นหรือ?” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

ขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อทอสายตาอาฆาตไปยังต้นเสียงที่ทำลายบรรยากาศอันดี และพบว่าตรงที่แห่งนั้นมีร่างกายกำยำของเหร่ยเชียนซังยืนอยู่

 

 

 

 

 

“เหวยเหวยเหวย ตั้งใจฟังข้าก่อน เสียงเมื่อครู่ก็แค่สุนัขกำลังเห่าหอนท่านั้น พวกเจ้าอย่าได้บั่นทอนกำลังใจลงไป หากเป็นเช่นนี้ในวันข้างหน้าจะยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน?” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนสามารถกระตุ้นประกายดวงตาอันเจิดจ้าของเหล่าผู้คนคืนกลับมาได้อีกครั้ง

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้ากำลังหาที่ตาย” เหร่ยเชียนซังปะทุเพลิงโทสะขึ้นมายกใหญ่ แล้วชี้นิ้วไปที่หลงเฉิน

 

 

 

 

 

หลงเฉินแสร้งทำเป็นไม่สนใจต่อคนผู้นั้นคล้ายกับว่าเป็นเพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้บรรยากาศอันดีที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากต้องถูกทำลายลงไปเพียงเพราะลมปากของคนผู้นั้น

 

 

 

 

 

จากนั้นก็ได้กล่าวต่ออีกว่า “มีคำพูดประโยคหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวต่อพวกเจ้า: ไม่ว่าจะกระทำการอันใดก็ตามย่อมต้องมีสุนัขคอยเห่าหอนให้พวกเจ้าหวาดกลัว และตอนนี้ก็ได้มีสุนัขตัวหนึ่งกำลังจ้องมองพวกเจ้าอยู่ทางด้านนั้น

 

 

 

 

 

หากพวกเจ้าทำให้ตัวเองมีแรงกดดันมากขึ้น หากเข้าสู้แล้วตายตกไป ไม่เพียงแต่คุณหนูห่วานเอ๋อจะเจ็บปวดรวดร้าว ทว่าสุนัขตัวนั้นก็จะหัวเราะเยาะพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้ายืนยันที่จะกระทำเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ขอพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว แยกย้ายได้”

 

 

 

 

 

ผู้คนเหล่านั้นจ้องมองไปที่เหร่ยเชียนซังอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกทั้งยังปะทุเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างท่วมท้น มากมายเสียจนก่อเกิดเป็นพลังอันแรงกล้า

 

 

 

 

 

“คุณหนูหว่านเอ๋อ วางใจได้ พวกเราจะผ่านด่านนี้ไปให้ได้”

 

 

 

 

 

“คุณหนูหว่านเอ๋อ พวกเราจะไม่ทำให้ท่านต้องเจ็บปวดใจแน่นอน”

 

 

 

 

 

“คุณหนูหว่านเอ๋อ อย่าได้เจ็บปวดใจไปเลย พวกเราจะทำให้เจ้าลิงยักษ์ตัวนั้นหุบปากลงไปเอง”

 

 

 

 

 

“……”

 

 

 

 

 

ในขณะที่ผู้คนเหล่านั้นกำลังจะเดินผ่านถังหว่านเอ๋อไป ต่างก็กล่าววาจาปลอบโยนจิตใจขึ้นมามากมาย จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอย่างไม่ลังเล จนถังหว่านเอ๋อสามารถสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันแรงกล้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

 

 

 

 

 

มืออันขาวผ่องยกขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ ความรู้สึกขาดหายได้ถูกเติมเต็มจนล้นปรี่ นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้คนเป็นห่วงเป็นในนางอย่างแท้จริงเช่นนี้ ภายในจิตใจปรากฏความรู้สึกความอบอุ่นขึ้นมาเป็นสาย พร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

ผู้คนเหล่านั้นเรียงแถวกันเข้าไปที่บริเวณหน้าผาศิลา ผู้อาวุโสหลายสิบคนแทบจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นระวิงเพื่อที่จะส่งตัวพวกเขาเหล่านั้นขึ้นไปยังปากทางเข้าถ้ำที่ตัวเองเลือกเอาไว้ และหลังจากนั้นเสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นมาจากภายในถ้ำอย่างไม่ขาดสาย

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน จริงหรือที่ข้า……ดีอย่างที่เจ้ากล่าวออกมา?” เมื่อเห็นว่าบริเวณโดยรอบไม่หลงเหลือผู้คนแล้ว ถังหว่านเอ๋อจึงได้หันไปกล่าวต่อหลงเฉิน

 

 

 

 

 

หลงเฉินหัวเราะฮาฮาออกมาแล้วตอบกลับไปว่า “คนอย่างข้า มีหรือที่จะพูดความจริง เจ้าอย่าได้จริงจังถึงเพียงนั้นเลย”

 

 

 

 

 

“เจ้า……เจ้าตัวบัดซบ เจ้านี่ช่างไม่รู้จักเอาใจผู้อื่นเสียเลย” ถังหว่านเอ๋อตะเบ็งเสียงดังด้วยความขุ่นเคือง แล้วเตะไปที่หลงเฉินครั้งหนึ่ง ทว่าในครั้งนี้หลงเฉินสามารถหลบรอดไปได้ จึงเปลี่ยนไปกระทืบเท้าเพื่อระบายความโกรธแค้นแทน

 

 

 

 

 

“ฮาฮา ก็แค่การแสดงเท่านั้น ในเมื่อไม่มีผู้ชมแล้ว เจ้าจะร้องไห้ฟูมฟายไปก็ไม่มีคนเห็นอยู่ดี” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

“แล้วเจ้าไม่ใช่คนหรืออย่างไร?” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยความเขินอายและโกรธเคืองในเวลาเดียวกัน

 

 

 

 

 

หลงเฉินมองไปที่ใบหน้าของถังหว่านเอ๋อ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างอดสู

 

 

 

 

 

“เจ้าถอนหายใจทำไมกัน?” ถังหว่านเอ๋อเอ่ยถามขึ้นมา

 

 

 

 

 

“เจ้าไม่เหมาะที่จะฝึกยุทธ์” หลงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

 

 

 

“เพราะเหตุใด?” ถังหว่านเอ๋อถามด้วยความตกใจ

 

 

 

 

 

“ความรู้สึกของเจ้านั้นสมบูรณ์และมากจนเกินไป เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากผู้คนเหล่านี้ตายลงไปทั้งหมด เจ้าจะเป็นเช่นไร?” หลงเฉินถาม

 

 

 

 

 

“เพ่ย อย่าได้กล่าวเหลวไหลเช่นนั้น” ถังหว่านเอ๋อแผดเสียงดังขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง นี่ไม่ต่างอันใดจากการสาปแช่งผู้อื่นอยู่หรอกหรือ!

 

 

 

 

 

หลงเฉินยังคงทอสีหน้าเคร่งขรึม “ตอบข้ามา”

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อเกิดอาการตกตะลึงไปในทันที ริมฝีปากบางเผยอขึ้นช้าๆ ทว่ากลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

 

“ถ้าตอบไม่ได้ ข้าก็จะเป็นคนบอกก็แล้วกัน ความรู้สึกเจ็บปวดใจนั้นจะเกิดขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องปกติ ทว่าหากเจ้าปล่อยให้จิตใจของเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป แล้วคิดจะเข้าไปในถ้ำระดับจิตใจ โอกาสที่เจ้าจะตายอยู่ในที่แห่งนั้นมีมากกว่าเก้าส่วนไปแล้ว” หลงเฉินกล่าว

 

 

ถังหว่านเอ๋อก้มหน้าก้มตามองพื้นเพราะไม่อาจยอมรับความจริงได้ สถานการณ์เช่นนี้ถือว่าโหดร้ายต่อจิตใจของนางเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นความจริงอย่างไร้ที่เปรียบที่ไม่อาจหลีกหนีไปได้อีกด้วย

 

 

 

 

 

“เส้นทางของการฝึกยุทธ์ไม่มีวันหวนกลับ อย่าได้คิดจะใช้กำลังของตัวเองเพียงคนเดียวนำพาผู้คนทั้งกลุ่มให้ไปถึงฝั่ง หากเจ้ากระทำเช่นนี้ เจ้าก็จะพบว่าคนที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้าจะค่อยๆ หายไปทีละคน….ทีละคน จนกระทั่งเหลือเพียงเจ้าคนเดียว และในที่สุดเจ้าก็จะเข้าสู่เส้นทางที่มืดมิด”

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อกัดริมฝีปากแน่นแล้วถามด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี?”

 

 

 

 

 

“ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่สวรรค์กำหนด อย่าได้ใส่ใจต่อความรู้สึกของผู้คนมากนัก ไม่เช่นนั้นจะมีเพียงเจ้าที่เจ็บปวดมากขึ้น” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

“ข้าต้องสลายขุมกำลังอย่างนั้นหรือ?”

 

 

 

 

 

“จะสลายขุมกำลังไปเพื่อสิ่งใดกัน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ในเมื่อสร้างขุมกำลังขึ้นมาเพื่อแย่งชิงทรัพยากรมาให้ทุกคน ทำให้พวกเขาพัฒนาพลังฝีมือให้แข็งแกร่งขึ้นในภายภาคหน้า อีกทั้งยังเป็นการทำเพื่อตัวเองไปด้วย เรื่องเช่นนี้ย่อมถือเป็นความสำเร็จอีกรูปแบบหนึ่ง

 

 

 

 

 

ข้าเพียงต้องการให้เจ้ายอมรับความโหดร้ายของโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า อย่างน้อยก็เพื่อเตือนสติเจ้าเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอย่างเช่นที่แล้วมา” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้าเข้าใจได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเจ้าเคยประสบกับความเจ็บปวดมาก่อนแล้วหรือ?” ถังหว่านเอ๋อทอแววตาเป็นประกายจ้องมองไปที่หลงเฉิน

 

 

 

 

 

ภายในดวงตาคู่คมแผงเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย พลันก็ได้ถูกเก็บซ่อนลงไปอย่างรวดเร็ว “มีหรือที่คนอย่างข้าจะเจ็บปวดกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ตอนนี้ข้าเป็นตัวบัดซบที่มีความสุขที่สุด และในภายภาคหน้าจะต้องหลายเป็นสุดยอดแห่งตัวบัดซบที่แท้จริง แน่นอนว่าจะไม่ยอมให้ผู้ใดในใต้หล้าแห่งนี้เทียมทัดได้”

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เมื่อครู่นี้คล้ายกับจะเห็นบางอย่างที่อยู่ภายในจิตใจของหลงเฉินปรากฏขึ้นมาเพียงครึ่งลมหายใจ ชายหนุ่มที่เอาแต่หัวเราะและกล่าววาจาไร้สาระตลอดทั้งเช้าค่ำผู้นี้ แท้ที่จริงแล้วกำลังเก็บซ่อนสิ่งใดเอาไว้อยู่กันแน่? อีกทั้งยังมีความคิดที่ไกลห่างจากวัยของตัวเองไปมาก ที่ผ่านมาเขาได้เจอกับเรื่องราวเช่นไรมาบ้างนะ?

 

 

 

 

 

ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อกำลังจะเอ่ยปากถามต่อไป ทว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจนกระทบโสตประสาท

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset