เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากถ้ำที่อยู่บนผาศิลา กึกก้องจนดึงดูดความสนใจจากทุกสายตาที่อยู่เบื้องล่าง พลันก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาที่ปากทางเข้าถ้ำ
“ถ้ำระดับชั้นในสำหรับศิษย์สายในเลยนะนั่น” ผู้คนมากมายร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตกใจ
“หลิงเฮ่า”
ถังหว่านเอ๋อใช้มือข้างหนึ่งดึงไปที่แขนของหลงเฉินแล้วเขย่าไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ใบหน้าอันงดงามของนางปรากฏรอยยิ้มกว้างที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ดวงตาคู่งามทอประกายเจิดจ้าไปที่เงาร่างสายนั้น
“เหอะเหอะ ใช่ ยินดีด้วย ยินดีด้วย”
หลงเฉินลูบไปที่มืออันขาวผ่องของถังหว่านเอ๋อ ในเมื่อสบโอกาสอันดีแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ฉกฉวยเอาไว้
“เจ้าตัวบัดซบ เจ้า……” ถังหว่านเอ๋อมีปฏิกิริยากลับคืนมาในทันทีจนแทบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป อีกทั้งยังรีบชักมือกลับ
ในขณะที่หลงเฉินกำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสอันอ่อนโยนเมื่อครู่อยู่นั้น หลิงเฮ่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกาย “คุณหนูหว่านเอ๋อ ข้าทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ได้แล้ว ข้ามีชีวิตกลับมาแล้ว”
“เยี่ยม เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด” ถังหว่านเอ๋อพยักหน้าไปมาแล้วกล่าวออกไป
ร่างกายของหลิงเฮ่าถูกชโลมไปด้วยโลหิตสีแดงชาด ที่แขนถูกแทงทะลุจนเห็นกระดูกโผล่ให้เห็นได้จากภายนอกส่งกลิ่นคาวตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
“ขอบคุณในความห่วงใยของคุณหนู ข้าขอตัวก่อน”
หลิงเฮ่าโค้งกายแล้วรีบจากไปยังจุดแลกเปลี่ยนแผ่นป้าย จากนั้นก็เข้ารักษาตัวพร้อมกันกับกัวเหริน
“ยอดเยี่ยม หลิงเฮ่าเป็นแบบอย่างที่ดีมาก เป็นเสมือนการเปิดตัวที่ดีอย่างยิ่ง” หลงเฉินพยักหน้าแล้วกล่าวชมเชยขึ้นมา
ถังหว่านเอ๋อจึงกล่าวเสริมอีกว่า “หลิงเฮ่าผู้นี้มีคุณสมบัติชั้นเลิศ ทว่าก็ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด ถึงกระนั้นก็ยังสามารถผ่านเข้าไปเป็นศิษย์สายในได้ ช่างน่าประทับใจอย่างยิ่งยวดทีเดียว”
“พลังฝีมือนั้นไม่ใช่ทุกอย่างที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ ยังมีจิตใจ ความพยายาม โชคชะตา และไหวพริบที่มีส่วนสำคัญจนสามารถที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนผู้นั้นได้เลย” หลงเฉินกล่าว
เพราะแม้แต่หลงเฉินเองก็ไม่ได้มีพลังฝีมือมากมายแต่อย่างใด แม้แต่เส้นรากปราณก็ยังไม่มี ฉะนั้นที่เขามายืนอยู่ในจุดนี้ได้นั้นย่อมไม่ใช่เพราะพลังฝีมือเพียงอย่างเดียวแน่นอน
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้มีเด็กน้อยผู้หนึ่งวิ่งตะบึงหน้าตั้งเข้ามาพร้อมกับร่างกายสะบักสะบอม ทว่าใบหน้าของเขานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความยินดีจนหลงลืมอาการบาดเจ็บของตัวเองไปทั้งหมด “คุณหนูหว่านเอ๋อ ข้าทำสำเร็จแล้ว”
หลังจากที่คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมา ก็ได้มีผู้คนอีกมากมายวิ่งตามมาด้วย ในมือของพวกเขาต่างก็ถือศีรษะของมนุษย์เอาไว้ ดวงตาทุกคู่ทอประกายเจิดจ้าแล้วจ้องมองมาที่ถังหว่านเอ๋อ
ที่พวกเขาทำสำเร็จนั้นก็เพราะปรารถนาที่จะทำตามคำมั่นสัญญาของตัวเองที่มีต่อถังหว่านเอ๋อ จนทำให้ถังหว่านเอ๋อเกิดความปราบปลื้มขึ้นมาอย่างถึงที่สุด พลันก็ได้แอบมองไปยังหลงเฉินที่ทอสีหน้าเย็นชาราวกับว่าคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ไปเสียแล้ว
หลังจากที่ผ่านพ้นไปหนึ่งชั่วยาม เหล่าขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อก็รับการทดสอบจนครบทุกคนแล้ว ผู้คนที่ได้เป็นศิษย์สายในมีอยู่ด้วยกันสามคน และเป็นศิษย์สายนอกอีกหกคน
เดิมทีแล้วขุมกำลังที่ผ่านเข้าสู่รอบนี้มีทั้งหมดร้อยคน ผู้คนที่ไม่อาจผ่านการทดสอบและต้องตายอยู่ภายในถ้ำที่อยู่แปดคน
ทว่าผลลัพธ์เช่นนี้กลับเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง นับได้ว่าห่างจากเกณฑ์ปกติที่เคยเป็นมา แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสเองก็ยังประหลาดใจไม่น้อย นี่ถือว่าเป็นบันทึกที่ดีที่สุดของขุมกำลังหนึ่งเลยก็ว่าได้ การที่เข้ามาร้อยคนแล้วมีผ่านการทดสอบเกือบเก้าสิบคน ช่างเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างถึงที่สุด
“คุณหนูหว่านเอ๋อ ท่านอย่าได้ลำบากใจอีกเลย พี่น้องที่ไม่ได้กลับมาต่างก็ได้ใช้หยาดโลหิตที่มีทั้งหมดทุ่มเทออกไป เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าความกล้าหาญของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้ผู้ใด
หากไม่ตายไปตอนนี้ก็ย่อมต้องมีสักวันหนึ่งที่ตายตกลงไป แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ทว่าความรู้สึกเช่นนั้นถือได้ว่างดงามและน่าจดจำอย่างถึงที่สุด” ชิงยวูกุมไปที่มือของถังหว่านเอ๋อเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
ในหมู่ศิษย์สายในทั้งสามคนมีเพียงชิงยวูที่เป็นสตรีเพศ ฉะนั้นย่อมไม่อาจดูแคลนต่อพลังการต่อสู้ของนางได้เลย
เมื่อเห็นว่าขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อนั้นผ่านการทดสอบเป็นจำนวนมาก เหล่าขุมกำลังอื่นจึงไม่รีรออีกต่อไป พลันก็ได้มุ่งหน้าไปยังถ้ำศิลาเพื่อเข้ารับการทดสอบ
ส่วนเยี่ยจื่อชิวก็มุมกำลังที่มีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย นางจึงได้ลักจำวิธีการของหลเฉินไปเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้คน ทว่าด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดใดของนางกลับทำให้การสร้างขวัญกำลังใจเป็นไปอย่างกระอักกระอ่วน แม้แต่หลงเฉินที่มองดูไม่ไกลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเช่นนั้นไปด้วย
เยี่ยจื่อชิว…เจ้าน่าจะเห็นแก่ผู้อื่นบ้างนะ หากเจ้าไม่อาจแสดงละครออกไปได้ ก็แค่ใช้มือปกปิดใบหน้าเอาไว้ก็ยังดี อย่างน้อยก็ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกแย่ลงไปกว่าเดิม
ทว่าราศีของนางเซียนย่อมมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง แม้ผู้คนจะไม่อาจเข้าถึงอารมณ์ของนางได้ ทว่าก็ยังมีพลังใจเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่หวาดกลัวเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
“หลงเฉิน เจ้าก็ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์สายในเถิด” ถังหว่านเอ๋อกล่าวต่อหลงเฉินหลังจากที่ขานรับผู้คนภายในขุมกำลังทุกคนแล้ว
หลงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างรุนแรง ทว่าทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าถังหว่านเอ๋อคงจะเป็นห่วงเขาอยู่ เพราะการทดสอบระดับชั้นในและชั้นนอกก็ถือว่าเป็นการทดสอบที่โหดร้ายเป็นอย่างมาก นางจึงไม่อยากให้หลงเฉินเข้าไปเสี่ยงอันตราย
การทดสอบระดับจิตใจนั้นถือเป็นการทดสอบสูงสุดของหมู่ตึก ฉะนั้นความยากเย็นนั้นย่อมไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบได้ อีกทั้งยังอยู่เหนือความคิดของพวกเขาไปไกล
หากเลือกที่จะเป็นศิษย์สายตรงแล้วขาดสติไปเพียงวูบเดียว แน่นอนว่าคงจะต้องตายตกไปอย่างไม่ทันรู้ตัว ถึงแม้ว่าพลังการต่อสู้ของหลงเฉินนั้นจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีโอกาสที่จะไม่สำเร็จสูงยิ่งนัก
“คนอย่างข้านั้นกลัวตายอย่างถึงที่สุด ข้าคิดว่าจะเลือกระดับชั้นนอก” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไป
“เจ้าตัวบัดซบ ข้ากำลังคุยแบบจริงจังกับเจ้าอยู่นะ” ถังหว่านเอ๋อตบไปที่ไหล่ของหลงเฉินเต็มแรง
“เช่นนั้นก็ต้องลองดูกันก่อน” หลงเฉินละสายตาจางสาวงามไปที่หน้าผาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เขาทราบดีว่าระดับจิตใจนั้นเรียกได้ว่ายากจนถึงขั้นวิกฤต ทว่าภายในจิตใจกลับไม่มีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเชื่อมั่นที่แน่วแน่อย่างถึงที่สุดเท่านั้น
ความเชื่อมั่นที่เกิดจากการผ่านประสบการณ์ความเป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน จนทำให้จิตใจที่มุ่งมั่นของเขาไร้ซึ่งผู้ต้านทาน หากผู้อื่นเคยผ่านไปได้ แน่นอนว่าเขาก็ย่อมต้องทำได้
เดิมทีเขาเพียงแค่อยากเข้ามาอยู่ภายในหมู่ตึกเพื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถแปรแสง ทว่าหลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสแล้ว ความคิดของเขาก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะทรัพยากรภายในหมู่ตึกแห่งนี้เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือจากที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก
ตั้งแต่ที่ได้เข้ารับการทดสอบมาแรมเดือน เขาก็สามารถเสาะหาสิ่งของมีค่ามากมายมาได้ จึงทำให้ภายในจิตใจเกิดความว้าวุ่นขึ้นมาไม่น้อยเลย คล้ายกับว่าภายในหมู่ตึกแห่งนี้จะต้องมีสมบัติซ่อนอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่อีกแน่นอน
และหากเข้าได้เป็นศิษย์สายตรงแล้วก็คงจะสามารถรวบรวมทรัพยากรได้มากขึ้นและง่ายดายขึ้น ทว่าหากกระทำเช่นนั้นก็แสนจะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยความลับของเคล็ดกายานวดาราจนกลายเป็นที่หมายตาของผู้อื่นอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นอย่างท่วมท้น ทว่าก็ไม่ได้สูงส่งจนไร้ผู้เทียมทาน หากเลือกเฒ่าชราผู้หนึ่งในที่แห่งนี้มาต่อสู้ตัวด้วย แน่นอนว่าเขาคงจะถูกบีบจนตายคามือคนเหล่านั้นไปอย่างง่ายดายคล้ายกับเป็นเพียงแมลงวันตัวหนึ่ง
หลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ทางหมู่ตึกก็มีศิษย์ที่ผ่านการทดสอบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ทว่าผู้ที่ถูกฆ่าตายและไม่ผ่านการทดสอบก็มีมากขึ้นด้วยเช่นนั้น บริเวณแห่งนั้นตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวของโลหิตอย่างรุนแรง
หลงเฉินจึงตระหนักขึ้นมาได้ในทันทีถึงความหมายในการจัดการทดสอบอันเ**้ยมโหดของหมู่ตึก นับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาสังหารเด็กน้อยผู้ที่แอบอ้างบัตรเทียบเชิญไปหลายคน เพื่อสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้คนว่าที่หมู่ตึกแห่งนี้ไม่ใช่บ้านและไม่เหมือนที่ที่พวกเจ้าจากมา
ส่วนในช่วงที่อยู่ในแผนที่การทดสอบก็ได้มีการจัดเตรียมสัตว์มายาระดับสองเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อทำให้ผู้คนตระหนักว่าการทดสอบในครั้งนี้ไม่ใช่การละเล่นของเด็กน้อย ทว่ากลับเป็นการทดสอบถึงขั้นเอาชีวิตกันเลยทีเดียว
และเมื่อเดินทางเข้ามาเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบว่ามีผู้คนตายตกไปมากขึ้น เพื่อเป็นการบอกว่าแม้จะใกล้จุดหมายทว่าความเสี่ยงก็คงอยู่ หากปรารถนาที่จะได้รับสิ่งที่ดีเยี่ยมก็ต้องแลกกับความเสี่ยงที่มากขึ้น
จนในที่สุดก็เข้ามาสู่การทดสอบสุดท้ายที่เรียกได้ว่าโหดเ**้ยมจนเกินบรรยาย อีกทั้งยังเป็นการนองเลือดโดยสมบูรณ์แบบอีกวิธีหนึ่ง ทว่าการทดสอบนี้จัดขึ้นเพื่อท้าทายจิตใจของผู้คน
ด้วยการคัดกรองอย่างแสนสาหัสนี้จะทำให้ทางหมู่ตึกได้รับศิษย์ที่มีทั้งพลังฝีมือ จิตใจ ไหวพริบที่สุกงอมแล้ว ผู้คนเหล่านี้ย่อมมีคุณสมบัติเพียงพอที่พวกเขาควรให้การสนับสนุน
ทว่าก็ยังมีช่วงเวลาหนึ่งที่การทดสอบยังคงมีศิษย์ที่โง่งมปรากฏขึ้นมาจนต้องตายตกไปอย่างอเนจอนาถ แม้แต่ผู้อาวุโสถู่ฟางก็ยังต้องด่าทอขึ้นมาอย่างไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้
หลงเฉินจึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการคัดเลือกศิษย์ของสำนักพลิกสวรรค์ช่างโหดร้ายและแสนสาหัสเป็นอย่างยิ่ง ทว่าถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็จะรับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบของวิธีการ ด้วยการลงมืออันเ**้ยมโหดเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสมกับทุกสำนักอย่างแน่นอน
การทดสอบดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการทดสอบ บริเวณโดยรอบเริ่มเงียบสงบลงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เพราะว่าผู้คนโดยส่วนใหญ่ต่างก็ทยอยเข้ารับการทดสอบจนเกือบจะครบทั้งหมดแล้ว
ส่วนบางคนก็ได้ถอนตัวออกไปก่อนโดยการคืนแผ่นป้ายที่รวบรวมมา นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ ทว่าเป็นเพราะยังไม่อาจเข้าสู่ประสบการณ์แห่งการนองเลือดเช่นนี้ไปได้
บ้างก็ทำการซื้อขายแผ่นป้ายที่ตัวเองรวบรวมขึ้นมาได้ และทางหมู่ตึกก็ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพียงเล็กน้อยเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะบนโลกใบนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรม คิดที่จะหาความยุติธรรมให้ตัวเองก็ต้องไปแย่งชิงมาเอง หากกล้าที่จะใช้ชีวิตเข้าแลก ทางหมู่ตึกก็พร้อมที่จะเปิดเส้นทางให้พวกเขาได้เลือกเดิน
การทดสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเพราะว่านี่ไม่ใช่การแสดง ทว่าเป็นการต่อสู้ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ความเป็นตายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
หลังจากเวลาผ่านไปสามชั่วยาม ผู้คนทั้งหมดก็ได้เข้ารับการทดสอบแทบจะทั้งสิ้นแล้ว ยกเว้นเสียแต่เหล่ายอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาด
ขุมกำลังของเหร่ยเชียนซังกับชีซิ่งนั้นหดหายไปเกือบครึ่ง ทว่าภายในขุมกำลังของพวกเขากลับมีผู้ที่ได้รับแผ่นป้ายประจำตัวของศิษย์สายในไปถึงสิบเจ็ดคน
หลงเฉินได้แต่สบถเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วจ้องมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้น พวกเขาช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว ไม่คิดที่จะเก็บออมลูกน้องของตัวเองบ้างหรืออย่างไรกัน ถึงกับให้ทดสอบในระดับที่สูงส่งจนมีจำนวนคนตายสูงถึงเพียงนี้
ในเมื่อหากได้เป็นศิษย์สายนอกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถสอบวัดระดับได้อีกครั้ง ขอเพียงมีพลังการต่อสู้ที่สูงส่งเพียงพอก็ย่อมสามารถแย่งชิงตำแหน่งได้ในภายหลัง
ส่วนทางด้านของยวี่จื่อเฟิงกับเยี่ยจื่อชิวนั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว มีผู้คนผ่านการทดสอบกว่าเจ็ดส่วน ทว่ากลับมีจำนวนศิษย์สายในประมาณหกเจ็ดคน ที่เหลือนั้นต่างก็เป็นศิษย์สายนอกทั้งหมด
และขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อที่ถึงแม้ว่าจะผ่านเข้าไปมากที่สุด ทว่าหากวัดจากระดับความแข็งแกร่งแล้วกลับอยู่รั้งท้าย เพราะมีศิษย์สายในเพียงแค่สามคนเท่านั้น
“ข้าจะไปแล้ว”
ถังหว่านเอ๋อทอแววตาเป็นประกายเจิดจ้าเหม่อมองไปที่หน้าผาอันสูงชันแล้วก้าวเดินออกไปในทันที…