เหล่าผู้คนมากมายที่รอคอยการกลับมาของหลงเฉินต่างก็จับจ้องไปที่ปากทางเข้าถ้ำอย่างเคร่งเครียด ทว่าหลังจากที่หลงเฉินเข้าไปแล้วกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเฉกเช่นปกติ อีกทั้งยังเงียบสงัดจนน่าหวาดหวั่น จนทำให้ผู้คนทั้งหมดต้องก็หันหน้าสบตามองกันอย่างวุ่นวาย
“คงจะไม่ตายไปแล้วหรอกนะ เหตุใดถึงไร้ซึ่งซุ่มเสียงถึงเพียงนั้นได้?” คนผู้หนึ่งเอ่อขึ้นมาด้วยความสงสัยอย่างถึงที่สุด แม้จะได้ผ่านพ้นไปกว่าสิบลมหายใจแล้วก็ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากถ้ำแห่งนั้น
เพราะตั้งแต่เริ่มต้นการทดสอบด่านนี้ต่างก็เข้าไปไม่ถึงสองลมหายใจก็เกิดเสียงดังปะทุขึ้นมายกใหญ่แล้ว อีกทั้งยังเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสาย
“อาจจะไม่ใช่เช่นนั้น เพราะต่อให้ตายไปก็ต้องมีเสียงกรีดร้องเล็ดรอดออกมาบ้าง” คนผู้หนึ่งตอบกลับไป
ถู่ฟางเหม่อมองไปที่ปากทางเข้าถ้ำแห่งนั้นด้วยแววตาเบื่อหน่าย หากเขานึกเอะใจตั้งแต่แรกก็คงพอจะขัดขวางเอาไว้ได้ ทว่าในตอนนี้เขาเพียงแต่นึกถึงสิ่งที่ท่านจ้าวสำนักบอกล่าวมาก่อนที่จะกลับไปเก็บตัว เช่นนั้นเขาจึงเลือกที่จะปิดปากไว้
“ราวกับว่าถ้ำแห่งนั้นไม่ได้ผู้ใดอยู่เลย นั่นเขาก็เข้าไปนานมากแล้วนะ และหากข้าจำไม่ผิด ถ้ำแห่งนั้นถือว่าลึกที่สุดเลยก็ว่าได้”
ถู่ฟางถอนหายใจออกมา ที่ผู้คนเหล่านั้นยังไม่ทราบก็คือหากหลงเฉินประมือกับกุ่ยซาแล้วย่อมไม่อาจได้ยินเสียงปะทะกันได้ เพราะว่าถ้ำแห่งนั้นลึกจนเกินไป อีกทั้งยังถูกสร้างขึ้นจากศิลาที่มีลักษณะพิเศษกว่าถ้ำใด สามารถลดทอนเสียงไปได้ส่วนหนึ่งจนแทบจะไม่อาจเล็ดรอดออกมาได้เลย
“มีคนออกมาแล้ว”
เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังขึ้นมาจากกลุ่มผู้คน เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นภายในถ้ำแห่งนั้นก็ได้เลือนหายไป เงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาหยุดอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ
“ถังหว่านเอ๋อ!”
เส้นผมถูกปล่อยยาวสยายอย่างเป็นธรรมชาติ ตามร่างกายคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของโลหิตสีแดงชาด สภาพที่แทบจะดูไม่ได้ทำให้ผู้คนไม่น้อยหัวใจสลายไปเลยทีเดียว
ใบหน้าที่งดงามถอดสีหน้าเป็นขาวซีดอย่างรุนแรง ทว่าภายในดวงตาคู่งามนั้นเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก ในมือถือศีรษะลูกหนึ่งเอาไว้
“ยอดไปเลย”
ขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อร้องเสียงหลงขึ้นมาด้วยความปราบปลื้มใจ หญิงสาวหลายคนร้องร่ำไห้ออกมาด้วยความปิติยินดีอย่างถึงที่สุด ชิงยวูใช้มือทั้งสองข้างปาดเช็ดหยาดน้ำตาไปไหลอาบแก้ม พร้อมทั้งสะอึกสะอื้นออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
และสิ่งที่ยากจะเห็นนั่นก็คือใบหน้าที่เคร่งเครียดของถู่ฟางกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ศิษย์สายตรงของหมู่ตึกได้กำเนิดขึ้นมาแล้วผู้หนึ่ง
ทันทีที่ถังหว่านเอ๋อลอยะล่องลงจากผาศิลา คนผู้หนึ่งก็เข้ามามอบแผ่นป้ายประจำตัวให้กับนาง แล้วนำศีรษะในมือไป แทบจะไม่ต้องให้นางจัดการด้วยตัวเองเลยแม้แต่น้อย นี่ก็คือสิทธิพิเศษของศิษย์สายตรงนั่นเอง
มืออันเรียวยาวของถังหว่านเอ๋อลูบไปที่ป้ายประจำตัวอย่างทะนุถนอม ภายในจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างถึงที่สุด ในที่สุดนางก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้แล้วขั้นหนึ่ง นับตั้งแต่นี้ต่อไปสภาวะจิตใจของนางจะแปรเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็งขึ้น
ทั้งหมดนี้คงจะต้องขอบคุณเจ้าตัวบัดซบผู้นั้นที่คอยเตือนสติเอาไว้ ถังหว่านเอ๋อเหยียดยิ้มขึ้นมาแล้วมองไปยังขุมกำลังที่อยู่ในลานกว้าง พวกเขาทั้งหมดกำลังส่งเสียงสรรเสริญดังขึ้นมาไม่ขาดสาย สายตาคู่งามกวาดไปโดยรอบเพื่อหาเงาร่างสายหนึ่งทว่ากลับหาไม่พบ
“หลงเฉิน?” ถังหว่านเอ๋อเอ่ยถามออกไป
ผู้คนมากมายแผ่วเสียงร้องลงในทันทีที่ชิงยวูกล่าวว่า “ยังอยู่ในการทดสอบ”
“เขาเลือกการทดสอบระดับใด?” ถังหว่านเอ๋อรีบเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“เลือก……ระดับจิตใจ” ชิงยวูถอดถอนลมหายใจออกมาคำหนึ่งแล้วตอบกลับไป
“เจ้าตัวบัดซบ!”
ถังหว่านเอ๋อถอดสีหน้าซีดเผือดเสียยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่ผ่านการทดสอบเพื่อเข้าเป็นศิษย์สายตรงมาแล้ว นางจึงเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของซากศพผู้ชั่วร้ายที่อยู่ภายในนั้นได้เป็นอย่างดี
มีอยู่หลายครั้งที่นางเกือบต้องไปพบกับเทพแห่งความตาย ทว่าด้วยพลังที่มีอยู่ทั้งหมดก็ทำให้สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างหวุดหวิด ท้ายที่สุดก็มีแต่จะต้องหยิบยืมความมุ่งมั่นและแน่วแน่ของจิตใจจึงจะสามารถสังหารอีกฝ่ายลงไปได้
อีกทั้งนางยังเป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของตระกูล ฉะนั้นภายในร่างกายย่อมมีสิ่งลี้ลับที่คอยปกปักษ์รักษาชีวิตเอาไว้มากมาย ทว่าแทบจะทั้งหมดต่างก็ถูกใช้ออกไปจึงได้รับชัยชนะมา ทว่าหลงเฉินกลับต่างออกไป เช่นนั้นการมีชีวิตรอดจึงเรียกได้ว่าริบหรี่เป็นอย่างยิ่ง
ถังหว่านเอ๋อกระทืบเท้าไปมาด้วยความโมโหโกรธาอย่างถึงที่สุด จากนั้นหยาดน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมา “เจ้าตัวบัดซบ! เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังกันบ้าง”
เมื่อเห็นว่าถังหว่านเอ๋อคร่ำครวญด้วยความเสียใจ ชิงหยวูจึงรับดึงร่างบางของถังหว่านเอ๋อเข้ามาโอบกอดเอาไว้พร้อมกับปลอบประโลมขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “วางใจเถิด หลงเฉินไม่ใช่เด็กทารกแล้ว เขาจะต้องมีชีวิตกลับมาได้แน่นอน”
“เหอะ คนอย่างเขาหรือ? แม้แต่กระดูกก็คงจะไม่หลงเหลือแล้วล่ะ พวกเจ้าเลิกเสียใจไปได้เลย……”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เป็นขุมกำลังของชีซิ่งกล่าวขึ้นมาด้วยความเย้ยหยันเป็นอย่างยิ่ง ทว่ายังไม่ทำที่จะได้กล่าวจนจบ จู่จู่สายตาของเขาก็เกิดพร่ามัวขึ้นมา พร้อมทั้งมีคมวายุสายหนึ่งกวาดเข้ามาที่ลำคอของเขาอย่างเอาเป็นเอาตายจนไม่อาจกล่าววาจาต่อได้
“ลองพูดต่อสิ”
ถังหว่านเอ๋อกัดฟันกรอดแล้วจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นด้วยจิตสังหารอันรุนแรง คมวายุที่อยู่ตรงคอค่อยๆ กรีดลงไปบนผิวหนังของคนผู้นั้นจนเกิดเป็นรอยแยกเผยให้เห็นสายโลหิตไหลรินออกมาทีละน้อย
ชายหนุ่มผู้นั้นเกิดอาการแตกตื่นตกใจจนใบหน้าขาวซีด ในเวลานี้ถังหว่านเอ๋อผู้งดงามได้กลายเป็นเทพแห่งความตายไปเสียแล้ว อีกทั้งยังแสดงท่าทีราวกับกำลังจะพิพากษาชีวิตของเขาอีกด้วย
“หว่านเอ๋อ”
ชิงยวูเองก็แตกตื่นตกใจขึ้นมาไม่น้อย พลันก็รีบฉุดรั้งถังหว่านเอ๋อเอาไว้ เพราะในสถานที่แห่งนี้ไม่อาจที่จะสังหารผู้คนได้ หากกระทำเช่นนั้นมีแต่จะต้องได้รับบทลงโทษที่แสนสาหัสอย่างแน่นอน
“เจ้าฟังเอาไว้ให้ดี จงภาวนาให้หลงเฉินไม่เป็นอะไรไป เพราะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ข้าจะจับเจ้ามาสับให้แหลกเป็นหมื่นชิ้นเอง” เมื่อพูดจบ ถังหว่านเอ๋อก็ผละออกจากร่างของเด็กน้อยผู้นั้นจนต้องรีบถอยหนีออกไป
ถังหว่านเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่งเพื่อข่มโทสะภายในจิตใจเอาไว้ แล้วหันไปจ้องมองยังถ้ำอันมืดมิดที่หลงเฉินเลือกเข้าไป: หลงเฉิน เจ้าจะต้องกลับมาให้ได้นะ!
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เหร่ยเชียนซังและยวี่จื่อเฟิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่ปากทางเข้าถ้ำของตัวเอง ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลหลายแห่ง ทว่าก็ยังสามารถผ่านมาได้ด้วยดี
ต่อจากนั้นเงาร่างของเยี่ยจื่อชิวก็ปรากฏตัวขึ้นมาติดๆ อาภรณ์สีขาวของสาวงามถูกชโลมไปด้วยคราบโลหิตสีแดงสด ทว่าใบหน้านั้นกลับเรียบเฉยและเยือกเย็นดังเดิม มีเพียงลำคอยาวระหงที่มีร่องรอยลึกยากจะปกปิดเอาไว้ได้
ยอดฝีมือทั้งสามคนกลับไปรวมกับขุมกำลังของตัวเอง อีกทั้งยังถูกต้อนรับราวกับเป็นวีรบุรุษ หลังจากที่เยี่ยจื่อชิวกลับมาแล้วก็ได้เหลือบมองไปที่ถังหว่านเอ๋อแล้วเอ่ยถามว่า “หลงเฉินเล่า?”
ถังหว่านเอ๋อถอนหายใจแล้วชี้ไปยังปากทางเข้าถ้ำที่หลงเฉินเลือกเข้าไป
เยี่ยจื่อชิวจึงกล่าวปลอบใจขึ้นมาว่า “วางใจเถิด หลงเฉินจะต้องปลอดภัย ข้ารู้สึกมาโดยตลอดว่า ความแข็งแกร่งของหลงเฉินผู้นี้อยู่เหนือกว่าที่พวกเราจะคาดเดาได้”
ถังหว่านเอ๋อพยักหน้าไปมา แน่นอนว่าเยี่ยจื่อชิวเพียงแค่ปลอบใจนางเท่านั้น หากยังไม่เห็นหลงเฉินจะวางใจได้อย่างไรกัน
แม้ในช่วงเวลาที่หลงเฉินอยู่ด้วยจะเอาแต่กล่าววาจาไร้สาระจนนางต้องโกรธขึ้นมาทุกครั้ง ทว่าในขณะนี้ที่เขาไม่ได้อยู่ข้างกายกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนกับขาดบางอย่างที่สำคัญไป
“ชีซิ่งออกมาแล้ว”
เสียงของผู้คนดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่ปากทางเข้าถ้ำ ทว่ากลับอยู่ในสภาพที่อเนจอนาถยิ่งนัก โลหิตสีแดงชาดเปียกโชกไปทั่วทั้งอาภรณ์ แขนข้างหนึ่งมีแผลลึกจนเกือบจะขาดสะบั้น ใบหน้าไร้สภาวะใดใดราวกับสูญเสียขวัญเสียไปจนสิ้นแล้ว บาดแผลลึกมากมายปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ช่างเป็นสภาพที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด
แม้ว่าจะสะบักสะบอมกลับมา ทว่าภายในมือของเขาก็มีศีรษะลูกหนึ่งติดมาด้วย นั่นก็แสดงว่าเขาทำสำเร็จแล้ว เหล่าขุมกำลังของชีซิ่งตะโกนร้องขึ้นมาด้วยความยินดีอย่างไม่เสื่อมคลาย
ทันทีที่ชีซิ่งกลับลงมาก็ได้กลืนโอสถรักษาบาดแผลเข้าไปยกใหญ่ อาการบาดเจ็บของเขานั้นช่างหนักหนาสาหัสยิ่งนัก ถือได้ว่าอนาถที่สุดเมื่อเทียบกับเหล่ายอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดอีกสี่คน
เพราะด้วยพลังวารีของเขาแทบจะไม่อาจคุกคามต่อศัตรูได้เลย คล้ายกับว่าพลังของเขานั้นช่างเปล่าประโยชน์อย่างถึงที่สุด จนเกือบจะพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่ไปแล้ว
หลังจากที่ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดทั้งหมดผ่านการทดสอบของศิษย์สายตรงไปได้แล้ว ถู่ฟางก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบาใจ ทว่าเมื่อเหม่อมองไปยังถ้ำที่หลงเฉินเข้าไปกลับต้องถอดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสหลี่เฉียว เจ้าเป็นผู้บันทึกการทดสอบของแต่ละปีใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” เฒ่าชราผู้หนึ่งพยักหน้ารับแล้วขานตอบกลับไป
“เช่นนั้นเจ้าทราบหรือไม่ว่าถ้ำที่พวกเขาเข้าไปนั้นมีอายุมากน้อยเพียงใดกัน?” ถู่ฟางถามต่อ
เฒ่าชราผู้นั้นพยักหน้าอีกครั้ง พร้อมดึงสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา “อายุถ้ำที่เหร่ยเชียนซังเข้าไปนั้นเท่ากับสามร้อยสิบเจ็ดปี
ส่วนของเยี่ยจื่อชิวนั้นเท่ากับสามร้อยหกสิบห้าปี ยวี่จื่อเฟิงเท่ากับสามร้อยเก้าสิบหกปี ชีซิ่งเท่ากับสองร้อยเก้าสิบแปดปี และถังหว่านเอ๋อนั้นเท่ากับสี่ร้อยเจ็ดสิบแปดปี”
ผู้คนมากมายเกิดความสงสัยขึ้นมาเป็นอย่างมาก อายุถ้ำ? มีความหมายว่าอย่างไรกัน? พวกเขากำลังบอกช่วงเวลาที่สร้างถ้ำเหล่านั้นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
ถู่ฟางหันไปบอกกล่าวต่อผู้คนมากมายที่บังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าอาจจะยังไม่ทราบ มารร้ายที่พวกเจ้าเพิ่งจะเข้าท้าทายมานั้น เป็นเพียงแค่ร่างศพที่ถูกใส่จิตวิญญาณของยอดฝีมือเข้าไปจนสามารถทำการต่อสู้ได้
และร่างศพเหล่านั้นต่างก็สามารถฝึกยุทธ์ได้เฉกเช่นเดียวกับพวกเจ้า ฉะนั้นหากเวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าใด จิตวิญญาณของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นพลังการต่อสู้ก็ย่อมเพิ่มขึ้นไปด้วย
ถึงแม้ว่าแรกเริ่มพวกเขาจะมีระดับความแข็งแกร่งของร่างศพเท่าเทียมกัน ทว่าการคงอยู่ของจิตวิญญาณนานกว่ากลับทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาต่างชั้นกันไป ข้าจึงเรียกการเริ่มต้นนับอายุขัยของพวกเขาว่าอายุถ้ำ
ยิ่งอายุถ้ำมากขึ้น จิตวิญญาณภายในนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น การทดสอบของศิษย์สายนอกเป็นร่างศพที่จัดอยู่ในระดับต่ำสุด โดยส่วนมากแล้วต่างก็มีอายุถ้ำอยู่ในช่วงสามสิบขนถึงห้าสิบปี ส่วนการทดสอบของศิษย์สายในนั้นจะอยู่ในช่วงหกสิบปีไปจนถึงร้อยกว่า
ฉะนั้นแม้ว่าจะเป็นการทดสอบระดับเดียวกัน ทว่าบางคนก็อาจจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างง่ายดาย และมีบางคนต้องตายอยู่ภายในนั้น นั่นถือว่าเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้คนไม่น้อยต่างก็ส่งเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่บางคนแม้จะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่ากลับไม่อาจผ่านด่านไปได้
“คิดจะเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง นอกจากพรสวรรค์ ความขยันหมั่นเพียร และไหวพริบปฏิภาณแล้ว เรื่องของโชคชะตาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน หากผู้ใดหันหลังให้กันสิ่งเหล่านี้ย่อมถือว่าเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการเป็นยอดฝีมือ
การทดสอบของศิษย์สายตรงนั้นมีอายุถ้ำอยู่ระหว่างสองร้อยปีไปจนถึงห้าร้อยปี ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทั้งสองระดับนั่นก็คือร่างศพเหล่านั้นถูกผนึกขึ้นมาจากจิตวิญญาณของสุดยอดฝีมือสายมารทั้งหมด เรียกได้ว่ามีพลังฝีมืออยู่ในขั้นยากที่จะต่อกรด้วย
ภายในร่างศพของพวกเขาคือผู้อาวุโสพรรคมารที่ชั่วร้ายและเลื่องชื่อในแต่ละยุค พลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาจึงแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้คนปกติหลายร้อยเท่า
ถึงแม้ว่าร่างศพเหล่านั้นจะถูกจำกัดพลังการต่อสู้ที่แท้จริงเอาไว้บางส่วน ทว่าก็ยังคงถือว่าน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ” ถู่ฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ฟังจนจบ ผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีว่าผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดทั้งห้าคนต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากเพียงใด ไม่แปลกใจเลยที่พลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งของพวกเขายังต้องออกมาด้วยสภาพที่สะบักสะบอมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชีซิ่งที่เกือบจะต้องตายตกไปแล้วก็ว่าได้
ทางด้านชีซิ่งที่ได้ฟังจนจบก็ทอสีหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาอย่างรุนแรง คล้ายกับว่ากำลังตบหน้าเขาอยู่ไม่ใช่หรือ? ถ้ำที่เขาเข้าไปกลับมีอายุน้อยที่สุด ทว่าเขากลับออกมาด้วยสภาพที่อเนจอนาถที่สุด นี่เฒ่าชราผู้นั้นกำลังใช้เขาเป็นตัวอย่างในการสั่งสอนผู้คนหรือ?
ผู้คนทั้งหมดต่างก็กวาดสายตามองไปยังศิษย์สายตรงทั้งห้าคน ภายในจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรงกลัวและยอมรับอย่างเต็มปรี่ โดยเฉพาะกับถังหว่านเอ๋อที่น่ายำเกรงอย่างถึงที่สุด นางสมควรเป็นอันดับหนึ่งในหมู่สัตว์ประหลาดทั้งห้าเลยก็ว่าได้
ทันใดนั้นถังหว่านเอ๋อก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าอยากจะทราบว่าอายุถ้ำที่หลงเฉินเข้าไปนั้นมากน้อยเพียงใดกัน?”
เฒ่าชราที่ถือสมุดบันทึกพยักหน้ารับแล้วมองไปยังถ้ำที่อยู่บนผาศิลา จากนั้นก็พลิกสมุดเพื่อตรวจสอบสถานะอย่างรวดเร็ว
ทว่าจู่จู่ใบหน้าของเฒ่าชราผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเมื่อเห็นตัวเลขที่บันทึกเอาไว้
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”….