หลงเฉินมองไปยังหอพลิกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหน้าสายตาด้วยความรู้สึกสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม “หอพลิกสวรรค์มีทั้งหมดเก้าชั้นไม่ใช่หรือ? ที่อยู่ตรงนั้นไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นเพียงห้องเล็กกระจ่อยร่อยห้องหนึ่งเท่านั้นเอง”
“เจ้าโง่ เก้าชั้นที่ว่าอยู่ใต้ดินลงไปต่างหากเล่า ไม่รู้ความแล้วยังกล่าววุ่นวายอีก ไม่เห็นหรือว่ากำลังมีคนมองเจ้าด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่น่ะ?” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หลงเฉินถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นสายตาทุกคู่มองมาคล้ายกับไม่ได้หวังดี อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทาย เหตุใดในสถานที่แห่งนี้ถึงได้มีคนโง่งมมากมายถึงเพียงนี้กัน และข้าก็ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้นเสียหน่อย
“เหอะ หมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วปฐพี แล้วเหตุใดเจ้าขยะที่มีพลังอยู่เพียงขอบเขตก่อโลหิตระดับเจ็ดคนหนึ่งถึงเข้ามาได้กัน ช่างน่าผิดหวังเสียจริงเชียว” ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
ในขณะนี้ผู้คนโดยส่วนใหญ่ต่างก็ทราบถึงพลังการฝึกยุทธ์ของหลงเฉินจนแทบจะทั้งหมดแล้ว ฉะนั้นหลงเฉินจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บซ่อนบรรยากาศบนร่างกายของตัวเองเอาไว้อีกต่อไป
อีกทั้งเหล่ายอดฝีมือในที่นี้ต่างก็ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นด้วยกันทั้งสิ้นแล้ว เช่นนั้นหากจะกล่าวว่าเป็นเจ้าขยะที่อยู่ในขอบเขตก่อโลหิตระดับเจ็ดก็สมควรแล้ว
ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินคนผู้นั้นกล่าวออกมา ทว่าในขณะที่กำลังจะเอื้อยเอ่ยวาจาออกไปก็ได้ถูกหลงเฉินกระชับร่างเข้าไปใกล้ “อย่าได้ไปเสวนากับขยะเหล่านั้นเลย มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์อันสง่างามของเจ้าแปดเปื้อนไปก็เท่านั้น”
หลงเฉินคร้านที่จะสนใจกับผู้คนเหล่านั้น ผู้คนที่พยายามจะมีตัวตนต่อหน้าคนมากมาย อีกทั้งโดยมากแล้วก็มักจะมีพลังการต่อสู้ที่ไม่เก่งกาจเท่ากับฝีปากมากนัก ฉะนั้นหากยิ่งไปให้ความสนใจ พวกเขาก็จะยิ่งได้ใจ
หลงเฉินเป็นบุคคลเช่นไรนั้น เคยผ่านประสบการณ์ความเป็นตายมามากเท่าใดนั้น ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ อีกทั้งยังมองออกถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ตั้งแต่แรกแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่ควรให้คนโง่เขลาเหล่านั้นมาทำให้เสียการใหญ่และเวลาอันมีค่าของตัวเองเลย
เมื่อดวงตาคู่งามเห็นว่าหลงเฉินไม่มีโทสะเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าอันงดงามหมดจดจึงยิ้มกริ่มขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็รีบเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมา หากเทียบอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองกับหลงเฉินแล้วสามารถเรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลกันมาก ไม่แปลกใจเลยที่หลงเฉินเอาแต่บอกว่านางยังเป็นเด็กน้อยผู้หนึ่งอยู่
“พวกเราเข้าไปกันเถิด” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยความยินดี ภายในห้วงสมองก็ได้ลืมเลือนเรื่องราวเมื่อครู่นี้ไปจนหมดจด ภายในจิตใจก็คล้ายกับอยากจะเป็นคนที่สงบนิ่งจนไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนได้เฉกเช่นหลงเฉิน
หลงเฉินพยักหน้ารับแล้วเดินติดตามถังหว่านเอ๋อไปทางหอพลิกสวรรค์ในทันที ทว่าเพียงจะเยื้องย่างต่อได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ที่เบื้องหน้าของพวกเขาก็ได้มีคนเข้ามาขวางทางเอาไว้
คนผู้นั้นก็คือชายหนุ่มที่กล่าววาจาเย้ยหยันต่อหลงเฉินเมื่อครู่นี้ เขายืนขวางอยู่ในท่ากอดอก สายตามองไปทางถังหว่านเอ๋อและหลงเฉินสลับกัน อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาและเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด “ข้าจะไม่ยอมหลีกทางให้กับเศษขยะเช่นเจ้าอย่างแน่นอน”
บริเวณโดยรอบมีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่กำลังมุ่งหน้าไปทางหอพลิกสวรรค์เช่นเดียวกัน และในช่วงเวลาที่คนผู้นี้ได้กล่าวเย้ยหยันหลงเฉินขึ้นมาก็ได้ทำให้พวกเขาจ้องมองเข้ามาด้วยความสนุกสนาน ทว่าเมื่อเห็นว่าหลงเฉินสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ จึงเกิดความรู้สึกว่าหลงเฉินช่างเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
และในขณะนี้คนผู้นั้นก็ได้กล่าวท้าทายขึ้นมาอีกครั้ง ผู้คนมากมายต่างก็หยุดฝีเท้าแล้วส่งสายตามองมาคล้ายกับว่าหากในครั้งนี้เจ้ายังอดทนเอาไว้ได้อีกก็ถือเป็นที่ขายขี้หน้าเกิดไปแล้ว มีหรือที่ยอดฝีมือผู้หนึ่งจะให้ชาวบ้านรังแกได้ถึงสองครั้งสองครา
“ข้าคิดว่ากลับกันน่าจะเหมาะสมกว่า”
หลงเฉินแสยะยิ้มแล้วดึงถังหว่านเอ๋อให้หลบไปอีกทาง ถังหว่านเอ๋องุนงงขึ้นมาไม่น้อย ทว่าไม่นานนักนางก็เข้าใจได้ อีกทั้งยังกลั้นหัวเราะเอาไว้
ผู้คนทั่วทั้งบริเวณต่างก็ทอสีหน้าสงสัยขึ้นมาไม่หยุด ทว่าทันใดนั้นเองก็เริ่มเข้าใจในความพูดของหลงเฉินขึ้นมา พลันก็ได้ทอสีหน้าประหลาดมองไปยังคนผู้นั้นในทันที
คนผู้นั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นมาไม่น้อย ทว่าเมื่อเห็นสายตาแปลกประหลาดมองมาที่ตัวเอง ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยากลับคืนมา
“เจ้าขยะ!”
คนผู้นั้นตะเบ็งเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราดยกใหญ่ พร้อมทั้งยกกำปั้นข้างหนึ่งมุ่งตรงไปทางหลงเฉิน กำปั้นนั้นหอบสายลมพวยพุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรง เสียงหวีดร้องกังวานจนน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว ฉะนั้นภายในจิตใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองผองตัวยิ่งนัก
“เพี๊ยะ”
มือข้างหนึ่งสวนกลับไปด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด ในขณะที่คนผู้นั้นกำลังส่งหมัดออกมา ที่ใบหน้าของเขาก็ได้ถูกกระแทกอย่างรุนแรง เหล่าผู้คนที่ยืนมองอยู่โดยรอบต่างก็ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ พลันก็รีบแหวกทางให้กับเงาร่างหนึ่งที่กำลังลอยกระเด็นมา
หลังจากที่คนผู้นั้นกระเด็นออกไปไกลราวสิบจั่ง ศีรษะของเขาก็กระแทกเข้ากับกำแพงศิลาที่แข็งแรงอย่างไร้ที่เปรียบ กำแพงศิลาแผ่นนั้นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทว่าคนผู้นั้นกลับสลบเหมือดคล้ายกับตายไปอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นมุมที่เหมาะมาก ลงมือก็รวดเร็วทันใจ อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างปราดเปรื่องประดุจสายน้ำ ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งอย่างไร้ที่ติ หลงเฉิน….เจ้าทำได้อย่างไรกัน?” ถังหว่านเอ๋อถามหลงเฉินด้วยอาการลิงโลด
แม้ว่าถังหว่านเอ๋อจะเคยเห็นกระบวนท่านี้ของหลงเฉินมาหลายครั้งแล้ว และล่าสุดก็เพิ่งจะใช้กับศิษย์พี่ที่มาจากศาลาการแพทย์ผู้นั้นไป ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็ลงมือได้อย่างหมดจดและลื่นไหลจนผู้คนไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงไปได้
ภายในจิตใจของนางจึงยกย่องให้กระบวนท่านี้เป็นทักษะขั้นเทพชนิดหนึ่ง และหากหลงเฉินกระตุ้นพลังของวงแหวนแห่งเทพขึ้นมาด้วยก็คงจะสามารถสังหารผู้คนได้อย่างง่ายดายเพียงพริบตาเดียวแน่นอน
“นี่เป็นหนึ่งในทักษะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ หากเจ้าอยากจะเรียนรู้ให้เชี่ยวชาญ ความจริงก็ไม่ได้ยากเย็นเลย ขอเพียงมีตัวโง่งมลงมือต่อเจ้า เจ้าก็แค่ฟาดมือสวนกลับไปก็เท่านั้น ขอเพียงเจ้าขยันฝึกฝนก็ย่อมใช้ออกมาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวดับได้แม้กระทั่งเพลิงลุกโชนแล้ว” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาพร้อมกับทอสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าสอนข้าได้หรือไม่” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“อย่าเลย การกระทำเช่นนี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าแปดเปื้อนได้ บุคคลเฉกเช่นนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการเองจะดีกว่า ข้ามีหน้าที่เก็บกวาด ส่วนเจ้าก็มีหน้าที่เป็นดอกไม้งดงามก็พอแล้ว” หลงเฉินกล่าว
เมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น ถังหว่านเอ๋อก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเป็นสาย ใบหน้างดงามราวกับดอกไม้บานสะพรั่งในยามเช้า ทำให้จิตใจของผู้คนเกิดอาการสั่นไหวไปตามๆ กัน ลืมเลือนแม้กระทั่งความเป็นตัวของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
“บังอาจ ผู้ใดกล้ามีเรื่องกันต่อหน้าหอพลิกสวรรค์ เอ๊ะ เป็นเจ้าหรอกหรือ?”
เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นมาจากที่ที่ไกลออกไปเล็กน้อย ชายหนุ่มที่สวมอาภรณ์สีขาวกลุ่มหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา คนที่ยืนอยู่หน้าสุดและเป็นเจ้าของเสียงตะโกนนั้นก็สามารถจดจำหลงเฉินขึ้นมาได้ในทันที
หลงเฉินและถังหว่านเอ๋อหันไปยังกลุ่มคนที่เพิ่งจะปรากฏตัว ภายในจิตใจของพวกเขาต่างก็อยากจะร่ำร้องออกมาว่าแย่แล้ว คนผู้นั้นไม่ใครอื่นไกล เขาก็คือศิษย์พี่หวู่ที่หลงเฉินเคยพบเจอในระหว่างการทดสอบนั่นเอง
ในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในแผนที่การทดสอบ ถังหว่านเอ๋อและเหร่ยเชียนซังก็ได้เปิดศึกช่วงชิงใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์กันยกใหญ่ และก็เป็นช่วงเวลาที่หลงเฉินได้สังหารจ้าวหวู่จนตายตกลงไปจนเกือบที่จะถูกไล่ออกจากหมู่ตึกไปเสียแล้ว
และศิษย์พี่หวู่ผู้นี้ก็เห็นว่าหลงเฉินขัดหูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหลงเฉินเองก็ตอบกลับเขาด้วยวาจาหยาบกระด้างจนทำให้ศิษย์พี่หวู่เกิดโทสะขึ้นมายกใหญ่
ศิษย์พี่หวู่ผู้นี้เป็นหนึ่งในสภาผู้คุมกฎแห่งหมู่ตึก คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของทางหมู่ตึก ถึงแม้ว่าทางหมู่ตึกจะสนับสนุนให้เกิดการแย่งชิงกันของเหล่าศิษย์ ทว่าไม่ได้สนับสนุนให้มีการต่อสู้จนเกิดความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างภายในสถานที่แห่งนี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรหมัดเท้าก็ไร้ซึ่งนัยน์ตา หากคุกคามต่อสิ่งปลูกสร้างอันล้ำค่าของทางหมู่ตึก เช่นนั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่ย่ำแย่อย่างถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้นบริเวณภายในหมู่ตึกทั้งหมดจึงเป็นพื้นที่หวงห้ามในการใช้วรยุทธ์
หากเกิดความเสียหายไม่มากก็ยังสามารถใช้แต้มคะแนนมาลบล้างหรือชดเชยได้ หรือไม่ก็รับภารกิจของหมู่ตึกไปทำเพื่อเป็นการชดเชยความผิด ทว่าหากเป็นสิ่งของที่อยู่รายล้อมหอพลิกสวรรค์ที่เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า ต่อให้ทำงานให้หมู่ตึกไปตลอดชีวิตก็ยังไม่อาจชดใช้ได้หมด
ด้วยเหตุนี้ทางหมู่ตึกจึงจัดตั้งสภาผู้คุมกฎขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบบทลงโทษสำหรับศิษย์ที่ฝ่าฝืนกฎเหล่านี้ และในขณะเดียวกันก็ต้องคอยจัดการกับปัญหาความขัดแย้งของศิษย์ด้วยกันเองอีกด้วย
ทันทีที่ศิษย์พี่หวู่เห็นหลงเฉิน ดวงตาทั้งคู่ก็ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมา พร้อมทั้งชี้นิ้วมาที่หลงเฉินแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู ครั้งที่แล้วข้าเตือนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าได้เผลอมาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า หึหึ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ”
ถังหว่านเอ๋อสะดุ้งตัวโยนขึ้นมา ภายในจิตใจร่ำไห้อย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียงขึ้นมาเป็นสาย เกรงว่าในครั้งนี้ศิษย์พี่หวู่คงจะได้ล้างแค้นจนสาแก่ใจเป็นแน่แท้ ต่อให้ไม่ได้กระทำอันใดผิดก็คงจะกลายเป็นความผิดขึ้นมาอย่างแน่นอน
“เจ้าจะผิดหวังหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวอันใดกับข้า” หลงเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฮาฮา ลงมือในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์ก็คือการท้าทายต่อกฎระเบียบของหมู่ตึก เจ้าเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎ ฉะนั้นข้าจึงสามารถจับกุมเจ้าได้ ยังไม่รีบยื่นมือออกมาอีก?” ศิษย์พี่หวู่หัวเราะด้วยความสะใจ
ในขณะที่กล่าวอยู่นั้น ภายในมือของเขาก็มีโซ่ยาวปรากฏขึ้นมาเส้นหนึ่งซึ่งถูกเรียกกันว่าโซ่ตรวนจับกุม เป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับผนึกผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของหมู่ตึกนั่นเอง
เหล่าผู้ที่ฝ่าฝืนกฎก็จะถูกพวกเขาผนึกเอาไว้ประดุจโซ่คล้องสุนัข จากนั้นก็เดินรอบหมู่ตึกหนึ่งรอบเพื่อไปสู่ตำหนักของผู้ฝ่าฝืน หากผิดกฎระเบียบขั้นรุนแรงก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการลงโทษในแต่ละขั้นต่อไป
บทลงโทษไม่ได้มีเพียงการกักบริเวณเท่านั้น ทว่ายังคงมีอีกหลายรูปแบบที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสอันใดมากนัก เช่น หากเกิดการทะเลาะวิวาทของศิษย์ที่ไม่ถึงกับเป็นภัยต่อชีวิตก็ไม่ต้องลงโทษหนัก ขอเพียงไม่โหดเ**้ยมจนทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาก็จะลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าแม้จะเป็นการลงโทษที่ไม่ได้หนักหนามากนัก ทว่าก็ทำให้คนผู้นั้นขายหน้าได้อย่างถึงที่สุด เพราะไม่ว่าอย่างไรในที่แห่งนี้ต่างก็มีแต่การคงอยู่ของผู้มีพรสวรรค์ทั้งสิ้น จะมีผู้ใดบ้างที่ห้าวหาญรับการลงโทษเช่นนี้ได้อย่างภาคภูมิใจ
และศิษย์พี่หวู่ผู้นี้ก็เป็นคนที่กระตุ้นอารมณ์เดือดดาลขึ้นมาได้ง่ายดายที่สุด เมื่อใดที่เขามีโทสะขึ้นมาก็จะเข้าจัดการกับคนผู้นั้นในทันที ครั้งที่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับหลงเฉิน แม้ว่าตัวเขาเองจะเพิ่งพ้นโทษมาได้เพียงสองวันเท่านั้น
ดวงตาของศิษย์พี่หวู่จ้องเขม็งมาที่หลงเฉิน พร้อมกับนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นขึ้นมาเป็นสาย มือข้างหนึ่งก็ได้แกว่งโซ่ตรวนจับกุมหมายจะครอบลงไปที่ศีรษะของหลงเฉิน
ขวับ!
หลงเฉินยื่นมือออกไปจับโซ่ตรวนจับกุมเอาไว้ทันควัน ดวงตาคู่คมมองไปที่ศิษย์พี่หวู่อย่างเย็นชา ส่วนถังหว่านเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างกายของหลงเฉินนั้นก็ได้ขยับฝีเท้าออกมาก้าวหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการลงมือ
ถึงแม้ว่านางจะทราบดีว่าการประมือกับผู้คุมกฎนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม ทว่านางก็ไม่อาจปล่อยให้หลงเฉินถูกลงโทษเช่นนี้ได้ แม้แต่ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในภายหลังก็แทบจะไม่นึกถึงเลยด้วยซ้ำไป
“หือ? กล้าปะทุพลังขึ้นมาเพื่อฝ่าฝืนอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นอย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินจับโซ่ตรวนจับกุมเอาไว้จนแน่น ศิษย์พี่หวู่ก็บีงเกิดความเกรี้ยวกราดขึ้นมาภายในจิตใจ หลงเฉินถึงกับกล้าขัดขืนต่อบทลงโทษอย่างนั้นหรือ? และต่อให้เขาทำให้หลงเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่จำเป็นจะต้องรับบทลงโทษแต่อย่างใด
“ช้าก่อน”
หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา สายตายังคงจ้องมองไปที่ศิษย์พี่หวู่ “หากคิดจะแก้แค้นบัญชีเก่า เจ้าก็ควรจะกล่าวออกมาให้กระจ่างแจ้งเสียก่อนว่าข้านั้นทำผิดกฎของทางหมู่ตึกอย่างไรบ้าง”
ศิษย์พี่หวู่หัวเราะขึ้นมาแล้วตอบกลับไปว่า “ชิ ผู้ที่ลงมือภายในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์จะต้องถูกทัณฑ์บนคือการกักบริเวณสามวัน เจ้าไม่ทราบอย่างนั้นหรือ?”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้าว่าเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์แบ่งเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ในหมู่ตึกแห่งนี้แบ่งเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์ออกเป็นเจ็ดบริเวณ นอกจากห้ามปะทุพลังขึ้นมาภายในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์ทั้งหมดแล้ว ยังรวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่อยู่โดยรอบในระยะร้อยจั่งด้วย เหอะ จะให้ข้าอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้อีกหรือไม่?” ศิษย์พี่หวู่ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา
“เช่นนั้นเจ้าก็คำนวณให้ดีว่าตำแหน่งที่ข้ายืนอยู่นี้เป็นเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์หรือไม่?” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ศิษย์พี่หวู่ทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันก็ได้คิดคำนวณอย่างรวดเร็ว และก็พบว่าตำแหน่งที่หลงเฉินยืนอยู่นั้นไม่ได้อยู่ภายในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์
“เหอะ จะอยู่หรือไม่นั้นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าเป็นคนตัดสิน หากวัดดูก็ทราบแล้ว” ศิษย์พี่หวู่ปรายตามองไปยังพวกพ้องที่ยืนอยู่ข้างกาย
คนผู้นั้นจึงล้วงเอาเครื่องวัดที่ทำจากหนังสัตว์ออกมาม้วนหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่ปากทางเข้าหอพลิกสวรรค์ แล้วทำการวัดระยะทาง คนผู้นั้นยืดเครื่องวัดออกมาช้าๆ แล้วลากไปยังทางที่หลงเฉินยืนอยู่ เมื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นแล้ว หลงเฉินก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา นี่เรียกได้ว่ารังแกผู้คนมากเกินไปแล้ว!
ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าหลงเฉินจะอยู่ในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์ หากเมื่อครู่นี้แอบถอยออกไปครึ่งก้าวก็คงจะไม่มีความผิดแล้ว
หลงเฉินปรายสายตามองไปที่คนผู้นั้นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำได้ไม่เลว”
คนผู้นั้นจึงจ้องมองกลับไปที่หลงเฉิน แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างไม่แยแส “เป็นแค่เด็กใหม่ก็อย่าได้เหิมเกริมมากนัก หมู่ตึกแห่งนี้ไม่ใช่บ้านของเจ้า ทางที่ดีจงว่าง่ายเสียหน่อยก็ดี”
“ที่ศิษย์พี่สั่งสอนออกมานั้น ผู้น้องจะน้อมรับเอาไว้ เช่นนั้นผู้น้องจึงอยากจะให้ศิษย์พี่ชมบางอย่างเสียหน่อย” ทันทีที่กล่าวจบ หลงเฉินก็กางแขนออก
“หมายความว่าอย่างไร?” คนผู้นั้นทอสีหน้าฉงนสงสัยขึ้นมา หลงเฉินกำลังจะเล่นตลกกับเขาหรืออย่างไรกัน
“ในเมื่อมองไม่เห็น ก็จงรับสัมผัสไปก็แล้วกัน”
“เพี๊ยะ”