เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 20 หยิบยืม

เมื่อมาถึงยังชุมนุมผู้หลอมโอสถ หลงเฉินก็ได้มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสู่ห้องปรุงโอสถของปรมาจารย์หวินฉี แต่ทว่าถูกบางอย่างกันทางเข้าเอาไว้กลางทางลานกว้างด้านใน

ชุมนุมผู้หลอมโอสถแบ่งออกเป็นลานกว้างด้านในและลานกว้างด้านนอก ลานกว้างด้านนอกจะเปิดไว้เพื่อช่วยเหลือจักรวรรดิรวมไปจนถึงผู้ที่เข้ามารับการทดสอบเป็นผู้หลอมโอสถ

และลานกว้างด้านในจะเป็นชุมนุมผู้หลอมโอสถและเป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีกรรมภายใน เมื่อครั้งก่อนหลงเฉินก็ได้เข้ามาทำการทดสอบที่ลานกว้างด้านในโดนมีปรมาจารย์หวินฉีเป็นผู้เบิกทางให้จึงไม่ได้ถูกผู้ใดขัดขวางเอาไว้

“ลานกว้างด้านในของชุมนุม ไม่อาจให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไป”

เมื่อใกล้เข้าสู่ประตูใหญ่ก็มีชายผู้หนึ่งที่ดูราวจะมีอายุไม่ต่างจากหลงเฉินมากนัก เขาสวมอาภรณ์ประจำของผู้ปรุงโอสถ ใบหน้าอันไม่เป็นมิตรได้จ้องมองมาที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลงเฉินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะใช้มือปลดป้ายหยกอันล้ำค่าของตนเองออกมา ศิษย์ปรุงโอสถมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตา พลันก็เปิดทางเข้าเพื่อไปยังภายในลานกว้างด้านในให้แก่หลงเฉิน

เมื่อหันย้อนกลับไปดูทางเข้าที่ได้จากมาเมื่อครู่ หลงเฉินก็พบว่าบัดนี้ใบหน้าของศิษย์ปรุงโอสถดูตื่นตระหนก  ต่างจากเดิมที่ดูเย่อหยิ่งทระนงตน เขาจึงไม่อาจฝืนรอยยิ้มกว้างและรู้สึกได้ใจขึ้นมาอย่างที่สุด

หลงเฉินเดินเข้ามาเรื่อยจนถึงบริเวณที่เรียกว่าลานกว้างด้านใน พลันใช้กำปั้นทุบไปที่ศีรษะอย่างแรงครั้งหนึ่งเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้สอบถามให้แน่ชัดว่าปรมาจารย์หวินฉีนั้นอยู่ในส่วนใดของลานกว้างด้านใน ถ้าหากว่ามาถึงที่แต่กลับหาไม่พบ ก็ไม่ใช่ว่าสูญเปล่าหรอกหรือ?

ในระหว่างที่เขายืนกอดอกเดินวนไปมารอบบริเวณนั้นอย่างไม่คลายสงสัยก็มีสาวน้อยผู้หนึ่งเดินผ่านมา หลงเฉินรีบรั้งสาวน้อยผู้นั้นไว้แล้วถามออกไป “แม่นาง เจ้าพอจะทราบหรือไม่ว่าปรมาจารย์หวินฉีอยู่ที่ใด?”

สาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตรงทางเดินในลานกว้าง ภายใต้ใบหน้าที่มีร่องรอยของคราบน้ำตาซ่อนอยู่ เมื่อถูกหลงเฉินรั้งเอาไว้จึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ นางเห็นชายหนุ่มรูปร่างผอมแห้งกำลังจ้องมาที่นางอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง นางจึงถามกลับไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาหาปรมาจารย์หวินฉีด้วยเรื่องอันใด?”

หลงเฉินหยุดความสงสัยที่ชุลมุนไปชั่วขณะหนึ่ง สาวน้อยผู้นั้นช่างงดงามเหลือเกิน แม้ว่าไม่อาจเทียบเท่ากับฉู่เหยาและม่งฉี แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามที่งดงามประดุจต้นเถาหอมพันลี้

แต่แววตาของนางกลับซ่อนเร้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ความรู้สึกที่ราวกับไม่ว่าจะมองผู้ใดก็คล้ายกับเขาผู้นั้นจะต้องเป็นคนเลวเสียทั้งหมด อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเหย่อหยิ่งและโอหังอันยากจะหยั่งถึง

“ข้าเพียงต้องการทราบถึงสถานที่ที่ปรมาจารย์หวินฉีอยู่ รบกวนแม่นางช่วยบอกให้ข้าทราบที” แม้ว่าหลงเฉินจะไม่ชอบใจนักกับแววตาคู่นั้น แต่ว่าก็ไม่แสดงออกจนเสียมารยาท จึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เจ้าเป็นใครกัน? เหตุใดถึงได้มาขอเข้าพบปรมาจารย์หวินฉี?” หญิงสาวนางนั้นมองไปที่หลงเฉินตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า

หลงเฉินส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับผู้ที่ถามด้วยคำถามเช่นนั้นถึงสองครั้ง เขาละความสนใจจากนางทันที คร้านที่จะถามเพื่อเอาคำตอบอีกต่อไป เขาจึงมุ่งหน้าเข้าไปตามทางเดินต่อ มองไปรอบบริเวณดูว่าพอจะมีผู้ใดให้ความกระจ่างเหล่านี้แก่เขาได้บ้าง

“นี่ ข้าถามเจ้าอยู่ เหตุใดเจ้าถึงได้หยาบคายเช่นนี้” หญิงสาวเกิดโทสะเมื่อหลงเฉินไม่ตอบกลับถึงสองครั้ง

หลงเฉินที่เพิ่งจะเดินห่างออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้หันกลับมาแล้วตอบกับหญิงสาวผู้นั้นว่า “เจ้าดูเหมือนว่าจะป่วยอยู่นะ”

“อะไรกัน?” หญิงสาวสงสัย

“หากสมองมีปัญหาก็อย่าได้ออกมาวิ่งวุ่นวาย”

หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไปนั้นก็ได้มีสายลมวูบหนึ่งพุ่งมายังกลางแผ่นหลังของเขา พร้อมกับเกิดเสียงตะโกนดังลั่นด้วยความโกรธเคือง

“เด็กน้อยหาที่ตาย!!”

หลงเฉินสะดุ้งจนดวงใจลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม หญิงสาวที่มีรูปร่างผอมบางเช่นนั้นกลับมีฝ่ามือที่ฟาดออกมาด้วยแรงลมพวยพุ่งอย่างมหาศาล แผ่บรรยากาศกดดันมาที่เขาอย่างไม่ลดละ คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นถึงยอดฝีมือพลังขั้นก่อรวมในระดับสูงสุด

ฝ่ามือเรียวเล็กแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทรงอานุภาพ หากเทียบกับการรวมพลังปราณเอาไว้อยู่ที่วายุกักดาราของหลงเฉินแล้วคล้ายกับเป็นเพื่อนผู้แก่เรียนที่แสนอ่อนหัดผู้หนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

ฝ่ามือที่ถูกใช้ออกมาจากยอดฝีมือพลังขั้นก่อรวมในระดับสูงสุด มีการผนึกเอาไว้ด้วยพลังที่หนาแน่นอยู่ทุกขุม  หากเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญถูกฟาดเข้าเต็มแรงเช่นนั้นคงจะร่างสลายหายวับไปในพริบตา

“ไสหัวไป!!”

หลงเฉินที่รู้สึกเคืองใจอยู่ไม่น้อยเมื่อก่อนหน้านี้ถูกหญิงสาวผู้นั้นลงไม้ลงมือก่อนคล้ายกับถูกเติมเชื้อเพลิงให้กับเพลิงที่กำลังปะทุ เขาจึงไม่อาจทนได้อีกต่อไป พลันยื่นเท้าออกไปข้างหนึ่ง

ปึก!

ฝ่ามือของหญิงสาวผู้นั้นยังไม่ทันจะถึงตัวของหลงเฉินก็ได้ถูกเท้าข้างนั้นของหลงเฉินเตะตัดไปที่ข้อเท้าน้อยๆ ของนางจนร่างบางนั้นลอยกระเด็นออกไป

“โครม”

หญิงสาวร่างบางลอยไปไกลกว่าสองคืบ ศีรษะพุ่งเข้าชนกับชั้นสมุนไพรที่สูงกว่าสองจาง แล้วชั้นก็ได้เอนล้มลงกระแทกพื้น โอสถสมุนไพรและน้ำที่อยู่บนชั้นก็ได้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้องและหยุดการเคลื่อนไหวของหญิงสาวผู้นั้นเอาไว้ครู่หนึ่ง

“ตูม”

เสียงพุ่งตัวออกมาจากกองสมุนไพรที่ระเนระนาดอยู่เต็มพื้น หญิงสาวแสนงดงามเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว ปรากฏเพียงสาวร่างบางที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนด้วยผงสมุนไพร มองดูเหมือนกับคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้า ไปตายซะ!!”

ดวงตาคู่สวยทั้งสองคล้ายกับเพลิงโทสะปะทุขึ้นมาอย่างลุกโชน เสียงเล็กแหลมตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด! ทั่วทั้งร่างกายปะทุพลังขึ้นมาแล้วผนึกกำลังไว้ที่สองมือ ประกายแสงสีทองได้ปกคลุมทั่วทั้งฝ่ามือของนาง ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ามาประชิดร่างของหลงเฉิน

เมื่อหลงเฉินมองไปยังหญิงสาวปากร้ายนางนั้น พลางก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งคำ เขาสงสัยว่าวันนี้ที่ออกจากจวนมาคงไม่ได้บนบานศาลกล่าวถึงได้มาพบเจอกับคนบ้าดีเดือดเช่นนี้ได้

ฝ่ามือนั้นถูกใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์ พลังทำลายล้างมหาศาล หมายจะเอาชีวิตของเขาเสียให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หลงเฉินเกิดความทุกข์ร้อนใจ สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยอย่างเช่นทุกครั้งไป

เขามีจิตวิญญาณแห่งจักรพรรดิโอสถอยู่ เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน แต่ทว่าก็ยังอยู่ในระดับ “ตื้นเขิน” เพียงเท่านั้น เพราะเขายังไม่ใช่จักรพรรดิโอสถที่แท้จริง

หลงเฉินพบว่าตนเองเป็นได้แค่เพียงกุ้งแห้งตัวหนึ่งเท่านั้น ต่อให้มีประสบการณ์อันโชกโชนเพียงใด แต่อีกมุมหนึ่งของเขากลับไม่ได้มีทักษะยุทธ์ที่พิสดารเลยแม้แต่น้อย การจัดการกับเขานั้นแทบจะไม่ต่างจากการไปซื้อผักตามตลาด

เท้าของหลงเฉินไม่ได้ใช้ออกมาด้วยพลังปราณ อีกทั้งยังไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้นั้นได้รับบาดเจ็บอันใด แต่นางนั้นไม่เพียงแต่ไม่นึกถึงบุญคุณ กลับยังคิดที่จะสังหารเขาอีกครั้ง

หลงเฉินทอแววตาเย็นชาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ค่อยๆ รวมรังสีสังหารปกคุลมทั่วบริเวณ พลันจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการทำร้ายนาง แต่ว่านางช่างหาญกล้าอย่างไม่ลดละ หลงเฉินก็จะทำให้ร่างกายของนางจดจำเอาไว้อย่างไม่อาจลืมเลือนได้เลย

“หยุดมือ”

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงดังตะโกนหยุดการเคลื่อนไหวของหญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาเลยทีเดียว

“อาจารย์”

หญิงสาวนั้นรีบคารวะแล้วกล่าวออกมา

ผู้ที่ทำเช่นนั้นได้ก็คือปรมาจารย์หวินฉี หลงเฉินก็เกิดอาการตกใจไม่น้อย ไม่อาจเชื่อแก้วหูของตัวเอง หญิงสาวผู้บ้าคลั่งผู้นี้เป็นถึงลูกศิษย์ของเขาอย่างนั้นหรือ?

ปรมาจารย์หวินฉีส่ายหน้าแล้วกล่าว “ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้จะไม่รับศิษย์ ถึงเจ้าจะมาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด”

“อาจารย์ ข้าเป็นเพียงหญิงสาวผู้อ่อนแอ ลำบากตรากตรำมาไกลนับหมื่นลี้เพื่อที่จะศึกษาวิชาทักษะการปรุงโอสถ หมกมุ่นอยู่ภายในสภามานานกว่าสามเดือนแล้ว ข้ายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจอีกหรือ?” หญิงสาวนั้นกล่าวออกมาด้วยความไม่ยินยอม

“มาจากแห่งหนใดก็กลับไปยังสถานที่แห่งนั้นเถิด” ปรมาจารย์หวินฉีไม่แสดงอารมณ์ใดใด เขากล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย

“ข้าไม่ไป ท่านไม่รับข้าในวันนี้ ข้าก็จะหมกตัวอยู่แต่ในนี้ทุกวัน รอคอยจนกว่าท่านยอมรับข้า” หญิงสาวผู้นั้นตอบกลับไปอย่างแข็งกร้าว

“ตามใจเจ้า แต่ว่าจงจำเอาไว้ว่าภายในสภาของข้าไม่ให้ใช้วิทยายุทธ์ หากมีครั้งต่อไปข้าจะขับไล่เจ้าออกไปด้วยตัวเอง”

กล่าวจบก็มองไปทางหลงเฉิน “ตามข้ามา”

หลงเฉินเกิดความสงสัยมากมายอย่างไม่อาจหาคำตอบได้ หญิงบ้าผู้นี้คิดที่จะติดตามปรมาจารย์เพื่อศึกษาการหลอมโอสถ แต่ว่ากลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชาและไม่แยแสเลยสักนิดเดียว

เมื่อเขากำลังเดินผ่านก็พบสายตาอาฆาตของหญิงสาวผู้นั้น เขาคิดขึ้นในใจว่าหญิงสาวผู้นี้จะต้องเข้าใจผิดอย่างมหันต์แน่นอน นางคงจะคิดว่าตนอ้อนวอนปรมาจารย์หวินฉีให้รับเป็นศิษย์แล้ว ดังนั้นนางจึงได้ถามกลับตนเองด้วยความไม่พอใจเมื่อก่อนหน้านั้น

แต่เมื่อมานึกคิดดูแล้วความบ้าคลั่งเช่นนั้น ผู้ใดจะกล้ารับเอาไว้เป็นศิษย์กัน? เขาได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ได้ติดตามปรมาจารย์หวินฉีเข้าไปยังห้องที่ดูประณีตภายในลานกว้างด้านใน

เมื่อทั้งสองหยุดอยู่ที่กลางห้อง หลงเฉินก็รีบกล่าวตัดบทก่อนทันที “ต้องขออภัยด้วย วันนี้ผู้น้อยมุทะลุเกินไปแล้ว”

ปรมาจารย์หวินฉีหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ช่างเถิด เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้ เรื่องราวทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของข้าแล้ว

แต่ว่าเจ้าช่างทำให้ข้าตกใจอยู่มากทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พลังปราณแม้แต่น้อยก็สามารถทำให้ยอดฝีมือขั้นก่อรวมระดับเก้าลอยกระเด็นไปได้เพียงเท้าเดียว

อีกทั้งข้ายังมองออกว่า เจ้ายังไม่ได้ใช้พลังถึงครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำไป ไม่เช่นนั้นสาวน้อยผู้นั้นคงจะต้องเจ็บหนักไปแล้ว เจ้าหนู เจ้าเก็บซ่อนความลับเอาไว้อยู่มากเลยนะ”

หลงเฉินกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนว่าเขาจะดูแคลนปรมาจารย์หวินฉีไปแล้ว สุภาษิตที่ว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งเคี้ยวยากเป็นเช่นนี้นี่เอง บัดนี้เขาเองก็ไม่ทราบว่าจะตอบกลับไปเช่นไรดี

“เด็กเอ๋ย ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะแบ่งสมาธิเป็นสองได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพรสวรรค์เฉกเช่นเจ้าคงจะสูญเปล่า ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก” ปรมาจารย์หวินฉีกล่าวออกมาด้วยความหมายที่ลึกล้ำ

หลงเฉินสะดุ้งที่ปรมาจารย์หวินฉีได้ตักเตือน หวังว่าเขานั้นจะตั้งอกตั้งใจในการเข้าสู่เส้นทางผู้หลอมโอสถ

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ตักเตือนข้า หลงเฉินผู้นี้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว”

ไม่ว่าจะอย่างไรปรมาจารย์หวินฉีก็ยังมีแมตตาอยู่ไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะรับฟังหรือปฏิเสธ ความเมตตาเช่นนี้ก็สมควรที่จะรับเอาไว้

“ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้เจ้าได้ใช้เพียงแค่สามดาบสังหารยอดฝีมือที่อยู่ในระดับพลังฝีมืออีกครึ่งก้าวเข้าสู่ระดับก่อโลหิตได้ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยอย่างนั้นหรือ?” ปรมาจารย์หวินฉีกล่าวถาม

“มีเรื่องเช่นนี้อยู่” หลงเฉินพยักหน้าไปมาพร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ในช่วงเวลาที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยพลทหาร หากกล่าวตามเหตุและผลแล้วนั้นไม่น่าจะมีผู้อื่นทราบเรื่องนี้จึงจะถูกต้อง

ราวกับมองลึกไปถึงความสงสัยของหลงเฉินได้อย่างปราดเปรื่อง ปรมาจารย์หวินฉีหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “เมื่อวานมีคนของพระราชวังมาหาข้าถึงที่ในช่วงยามดึก ถามว่าทางสภามีผู้หลอมโอสถนามว่าหลงเฉินอยู่จริงหรือไม่ ข้าก็ตอบกลับไปว่ามี และข้ายังบอกอีกว่าเป็นตี้จื่อ (นักเรียน) ของข้าเอง จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้หายตัวไป”

หลงเฉินอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนหน้านี้เขายังไม่หาญกล้าพอที่จะคิดเป็นตี้จื่อของปรมาจารย์หวินฉี แต่ปรมาจารย์กลับยอมรับขึ้นมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก “ขอบพระคุณเหล่าซือ (คุณครู)”

“เหอะเหอะ ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไร แผ่นป้ายของข้านั้นมีราคา จะใช้มากแค่ไหนก็ใช้ไปเถิด แต่อีกเรื่องหนึ่งคือตี้จื่อกับลูกศิษย์ (ถูตี้) นั้นไม่เหมือนกันนะ” ปรมาจารย์หวินฉีหัวเราะขึ้นมา

หากดูในมุมของปรมาจารย์หวินฉีอาจถือเป็นการปัดเรื่องวุ่นวายให้พ้นไป แต่ว่าในมุมของหลงเฉินนั้นถือได้ว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างเป็นพระคุณอันล้นฟ้าแล้ว

เมื่อได้รับการสนับสนุนของปรมาจารย์หวินฉีก็คล้ายกับมีไพ่ตาย พอที่จะสามารถเบิกทางออกจากความยุ่งยากวุ่นวายได้อีนานาประการ

“เด็กเอ๋ย ข้าก็พอจะทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าอยู่บ้าง ทางสภาเองก็มีกฎเกณฑ์ของทางสภา นั่นก็คือไม่อาจที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัว ข้าสามารถช่วยเจ้าได้มากเพียงแค่นี้” ปรมาจารย์หวินฉีถอนหายใจ

“ท่านทำให้ข้าน้อยอย่างมากมายมหาศาลเกินไปแล้ว ข้านั้นรู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก ในเรื่องส่วนตัวนั้นข้าจะจัดการกับคนเหล่านั้นด้วยตัวข้าน้อยเอง” หลงเฉินยิ้มกลับ

หากเขามีแผ่นป้ายหยกของปรมาจารย์หวินฉีอยู่ก็สามารถดำเนินเรื่องต่างๆ มากมายของเขาได้สะดวกอยู่มากแล้ว อีกทั้งยังคุ้มภัยให้แก่จวนขุนนางเจิ้งหยวนได้อีกด้วย

แม้ว่าชุมนุมผู้หลอมโอสถจะไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการช่วงชิงภายใน แต่หากขอเพียงหลงเฉินไม่ได้เข้าไปหาเรื่องก่อน เขาก็จะได้รับการปกป้องจากทางสภาของผู้หลอมโอสถ

บัดนี้จึงขอเพียงแค่รอจนหลงเฉินเองมีพลังฝีมือที่มากขึ้นเพียงพอที่จะไม่ต้องรับความคุ้มครองจากชุมนุมผู้หลอมโอสถ แล้วเขาก็จะจัดการกับปัญหาอันน่าปวดกบาลของตนเองนี้ให้จบสั้นไปเสียที

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเงื่อนงำที่ต้องการความกระจ่างอยู่อย่างหนึ่ง ทว่าเขาก็ไม่อาจที่จะลงมือด้วยความวู่วามได้ ต้องคิดไต่ตรองอย่างรอบคอบและหาทางเลือกที่ดีที่สุด

“เจ้ามาครั้งนี้มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?” หวินฉีกล่าวถามออกมา

หลงเฉินนึกขึ้นได้ถึงการมาของเขาครั้งนี้เมื่อได้ยินคำถาม “ข้าน้อยมาก็เพื่อที่จะขอหยิบยืมสมุนไพรจากสภาสักส่วนหนึ่งจวบจนตอนที่ข้าน้อยหลอมเป็นโอสถแล้วจะคืนให้”

การที่ผู้หลอมโอสถมาเพื่อหยิบยืมสมุนไพรส่วนหนึ่งเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาอย่างยิ่ง และยังสามารถใช้คืนเป็นโอสถกลับมาได้ หากกล่าวถึงความเกี่ยวข้องกันของผู้หลอมโอสถกับทางสภาต่างก็ถือได้ว่าเป็นคู่ค้าของกันและกันนั่นเอง

และหลงเฉินเป็นผู้ที่มีแผ่นป้ายหยกประจำตัวของผู้หลอมโอสถจึงได้รับการลดหย่อนด้านราคาของสมุนไพร อีกทั้งยังสามารถพัฒนาการฝึกยุทธ์การหลอมโอสถได้ โอสถที่ได้สามารถนำมาขายให้แก่ร้านค้าของทางสภา หากได้ตีตรา ทั้งสองฝ่ายก็จะลงนามทำสัญญาเอาไว้

“เจ้าสามารถปรุงโอสถได้แล้วหรือ?” หวินฉีถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เชื่อ

“คงต้องขอให้อาจารย์ชี้แนะสักเล็กน้อย” หลงเฉินเผยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset