หลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปครบสามวัน หลงเฉินก็เดินออกมาจากถ้ำด้วยใบหน้าที่อิดโรย แล้วก็พบว่าที่หน้าถ้ำแห่งนั้นมีผู้คนมากมายกำลังรวมตัวกันอยู่ ไม่เพียงแต่ผู้คนภายในขุมกำลังของเขา ทว่าขุมกำลังของเยี่ยจื่อชิวเองก็อยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีหลี่ฉี ซ่งหมิงเหรียน และศิษย์สายตรงอีกห้าคนที่ได้แสดงจุดยืนอยู่ฝ่ายหลงเฉิน น่าเสียดายที่การสนับสนุนของพวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของทางหมู่ตึกได้ ทว่าไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่หลงเฉินกล่าวและแสดงออกมาทั้งหมดนั้นก็ทำให้พวกเขายังคงชื่นชมและยกย่องเขาด้วยใจจริง
“มาอยู่พร้อมหน้ากันมากมายถึงเพียงนี้ พวกเจ้าคงจะมีของกำนัลมาให้ข้าสินะ” หลงเฉินยิ้มร่าแล้วกล่าวขึ้นมาต่อผู้คนมากมาย
ผู้คนทั้งหมดมองไปยังใบหน้าที่เหนื่อยล้าโรยแรงของหลงเฉินจึงคิดไปว่าหลงเฉินคงจะเคร่งเครียดที่ถูกเนรเทศจนเกิดแรงกดดันตัวเองอย่างมหาศาล ทว่ากลับไม่มีผู้ใดคิดที่จะกล่าววาจาเยาะเย้ยขึ้นมา ถึงแม้จะทราบดีว่าทางเลือกสายนี้มีแต่จะต้องตาย ทว่าพวกเขาก็นับถือในความกล้าหาญของหลงเฉินอย่างถึงที่สุด
อีกทั้งภายในแววตาของหลงเฉินไม่ได้ทอประกายความหวาดกลัวหรือสิ้นหวังขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันกลับยิ้มแย้มให้กับผู้คนอย่างมีความสุข
ถังหว่านเอ๋อเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของหลงเฉิน ดวงตาคู่งามแปดเปื้อนคราบน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด ฝีปากบางเม้มเอาไว้แน่นจนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาได้
หลงเฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “อย่าได้หลั่งน้ำตาอีกเลย ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าหากผู้ใดทำให้เจ้าหลั่งน้ำตา ข้าจะทำให้คนผู้นั้นต้องหลั่งโลหิตเพื่อชดใช้ แล้วตอนนี้เป็นอะไรไป เจ้าเอาดาบพาดคอตัวเองไว้อย่างนั้นหรือ?”
ถังหว่านเอ๋อทราบดีว่าหลงเฉินอยากให้นางหยุดร่ำไห้ ทว่าในขณะนี้นางกลับหัวเราะไม่ออก ถึงแม้ว่านางจะได้ตระเตรียมคำพูดเอาไว้มากมาย ทว่าเมื่อมองไปยังใบหน้าของหลงเฉินราวกับคำพูดทั้งหมดได้เลือนหายไป
“วางใจเถิด ข้าเป็นคนเช่นไรนั้นเจ้าก็คงจะทราบดี การเป็นคนดีมีชีวิตไม่ยืนยาว ทว่าข้านั้นเป็นตัวเลวร้าย เช่นนั้นข้าย่อมไม่เป็นอันตรายหรอก” หลงเฉินกล่าว
“เช่นนั้นจงสัญญาได้หรือไม่?” ถังหว่านเอ๋อจ้องหลงเฉินแล้วเอ่ยออกไป
“ได้ ข้าสัญญา ข้าจะต้องมีชีวิตกลับมา” หลงเฉินยื่นมือออกไปแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น
“ได้ ข้าจะเชื่อเจ้า หากว่าเจ้าหลอกข้า ข้าจะเกลียดเจ้าไปชั่วชีวิต”
เพี๊ยะ!
ถังหว่านเอ๋อยื่นมืออันขาวผ่องออกไปประกบกับมือของหลงเฉิน หลังจากที่หลงเฉินให้คำมั่นสัญญา นางก็รู้สึกราวกับว่าถูกยกภูเขาใหญ่ออกจากอก อีกทางหนึ่งนั้นก็ทราบดีว่าหลงเฉินเป็นคนที่รักษาสัจจะและสัญญาเป็นที่สุด
จากนั้นชิงยวูก็เดินเข้ามาแล้วจัดแจงคอเสื้อของหลงเฉินอยู่ครู่หนึ่ง พลันก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เจ้าจะต้องระวังตัวและดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้หลงระเริงมากนัก เข้าใจหรือไม่?”
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับชิงยวู เขาถึงรู้สึกว่านางเปรียบเสมือนเป็นเจี่ยเจี่ยบังเกิดเกล้าของเขา ภายในจิตใจจึงเกิดความรู้สึกขมขื่นขึ้นมาไม่น้อยที่จะต้องจากไป จึงได้แต่พยักหน้าน้อยๆ
“พี่ใหญ่ ท่านต้องกลับมาให้จงได้ แล้วพวกเราจะไปล้างแค้นด้วยกัน” กัวเหรินกล่าวขึ้นมาอย่างฮึกเหิม ทว่าใบหน้าของเขานั้นกลับสลดหดหู่อย่างยิ่ง
หลงเฉินตบเข้าไปที่บ่าของกัวเหรินแล้วตอบกลับไปว่า “พี่น้องที่ดี ข้าจะต้องกลับมาแน่ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องชดใช้ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้า หากเจ้าอยากจะเป็นยอดฝีมือที่ดี เจ้าจะต้องเข้าใจถึงความหมายของการปกป้องอย่างถ่องแท้
พรสวรรค์ของเจ้านั้นไม่ได้โดดเด่นมากนัก ฉะนั้นหลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคและความพลาดพลั้งอีกมากมายแน่นอน หากคิดที่จะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงจงต้องหาวิธีการอื่นคอยหนุนเสริมด้วย”
กัวเหรินพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาเข้าใจในคำพูดของหลงเฉินได้อย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้งยังเข้าใจดีว่าการฝึกยุทธ์ของเขานั้นแทบจะเรียกว่าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นเขาจะต้องหาหนทางอื่น
“ซูม”
ทันใดนั้นท้องฟ้าเบื้องบนก็มืดครึ้มขึ้นมา อินทรีตัวใหญ่ยักษ์โฉบผ่านมาแล้วค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้นดิน ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่กว่ายี่สิบจั่ง หลังจากที่มันปรากฏตัวแล้วก็ได้ทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าอินทรียักษ์ตัวนี้จะต้องเป็นสัตว์มายาระดับสามแล้วแน่นอน
บนหลังของอินทรีมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาคือหนึ่งในผู้อาวุโสของหมู่ตึก “ใกล้จะได้เวลาแล้ว จงบอกลาต่อสหายของเจ้าเถิด”
หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของอินทรีตัวนั้นแล้วกล่าวว่า “ไม่มีวาจาบอกลา เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องกลับมา”
หลงเฉินมองไปยังใบหน้าเศร้าสลดของเหล่าสหายแล้วตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้ากลับไปฝึกฝนกันต่อเถิด ข้าไปเดินเล่นพักหนึ่ง อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว”
ผู้อาวุโสตบไปที่ลำตัวของอินทรีเบาๆ จากนั้นอินทรีก็เริ่มขยับปีกทั้งสองข้างแล้วหอบสายลมพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที เพียงพริบตาเดียวเงาร่างทั้งสามสายก็หายลับไปจากสายตาของผู้คน
หลังจากที่หลงเฉินจากไปแล้ว ผู้คนมากมายก็ทักทายและสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปที่พักของตัวเอง ในขณะนี้ระยะห่างของพวกเขาเริ่มแตกต่างกันขั้นหนึ่งแล้ว หากไม่ฝึกยุทธ์อีกก็คงจะยิ่งเพิ่มระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ถังหว่านเอ๋อเดินกลับเข้าไปในถ้ำ แล้วก็พบว่าบนโต๊ะใหญ่ในห้องโถงมีขวดมากมายตั้งเรียงรายจนละลานตา อีกทั้งยังมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่
กระดาษแผ่นนั้นเขียนเอาไว้ว่าโอสถเหล่านี้คือโอสถหล่อกล้ามเนื้อ เป็นโอสถสำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นต้น ผลลัพธ์ก็คือช่วยเพิ่มพูนความเร็วในการไหลเวียนลมปราณเข้าสู่กล้ามเนื้อให้ฉับพลันมากยิ่งขึ้นจนทำให้การฝึกยุทธ์ก้าวหน้าได้เร็วขึ้นด้วย
ดวงตาคู่งามมองที่กระดาษกับโอสถเม็ดอวบอิ่มที่อยู่ในขวดสลับกัน แท้ที่จริงแล้วนี่คือสิ่งที่หลงเฉินหลอมขึ้นมาจนต้องอดนอนถึงสามวันสามคืนนี่เอง ถังหว่านเอ๋อจึงได้ร่ำไห้ขึ้นมายกใหญ่จนชิงยวูที่ยืนอยู่ข้างกายต้องกล่าวปลอบประโลมขึ้นมาว่า
“หลงเฉินจะต้องกลับมาแน่ เขาหลอมโอสถเหล่านี้คงเพราะเกรงว่าในช่วงเวลานี้พวกเราคงจะไม่มีแต้มคะแนนมากพอที่จะหนุนเสริมขุมกำลังจนทำให้ระยะห่างแตกต่างจากขุมกำลังอื่นมากจนเกินไป
ฉะนั้นสิ่งที่เจ้าจะต้องทำในตอนนี้ก็คือรีบนำโอสถเหล่านี้ไปแจกจ่าย และเจ้ากับเยี่ยจื่อชิวก็ต้องรีบเพิ่มพูนระดับพลังฝึกยุทธ์ให้เร็วขึ้นด้วย”
ถังหว่านเอ๋อรีบปาดน้ำตา แล้วพยักหน้าน้อยๆ “ชิงยวูเจี่ยเจี่ย ข้าทราบแล้ว ข้าจะต้องทุ่มเท ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ จากนั้นก็จะไปคิดบัญชีกับเจ้าตัวบัดซบเหล่านั้น”
……
ณ ถ้ำที่พักของชนชั้นผู้อาวุโสแห่งหนึ่ง ผู้อาวุโสซุนกำลังนั่งสมาธิอยู่ภายในนั้น ด้านหน้าของเขามีศิษย์หนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ชายหนุ่มผู้นี้คือศิษย์พี่ที่เป็นหนึ่งในผู้คุมกฎนั่นเอง
“เจียงเฮ่า สิ่งที่ข้าบอกเจ้าไป เจ้าจำได้หรือไม่? นำแหวนมิติของหลงเฉินกลับมา จากนั้นก็นำจิตวิญญาณของมันใส่ไว้ในลูกแก้วผนึกวิญญาณอย่างระมัดระวัง อย่าได้หลงลืมเป็นอันขาด” ผู้อาวุโสซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ศิษย์จำได้ไม่มีวันลืม” ศิษย์พี่ผู้นั้นโค้งกายแล้วตอบกลับไป
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นถึงยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลาง ทว่าที่ดินแดนรกร้างศิลาวายแห่งนั้นเต็มไปด้วยสัตว์มายาระดับสามจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และบางครั้งก็อาจจะเจอกับสัตว์มายาระดับสี่
ฉะนั้นข้าจะให้โอสถซ่อนสภาวะแก่เจ้าทั้งหมดสองเม็ด ในขณะที่เจ้าใช้โอสถซ่อนสภาวะก็อย่าได้ปะทุพลังสภาวะของตัวเองออกมาเชียว ไม่เช่นนั้นจะทำให้สัตว์มายาทราบถึงการคงอยู่ของเจ้าได้
เมื่อไปถึงก็ใช้สักหนึ่งเม็ด แล้วหลังจากที่จัดการหลงเฉินได้แล้วก็ค่อยใช้อีกหนึ่งเม็ด และที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าให้ผู้ใดทราบเรื่องนี้เป็นอันขาด” ผู้อาวุโสซุนกล่าวกำชับขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ขอรับ”
“ไปได้แล้ว หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะช่วยให้เจ้าทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายเอง”
“ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส” ศิษย์พี่ผู้นั้นรีบตอบกลับไปด้วยอาการลิงโลด จากนั้นก็ถอยหลังจากไป
ผู้อาวุโสซุนมองตามแผ่นหลังของคนผู้นั้นแล้วทอสีหน้าอันเย็นเยียบขึ้นมา หลงเฉิน ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหนีพ้นได้อย่างไร?
……
อินทรียักษ์กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้ามุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของหมู่ตึก ตลอดรายทางที่ผ่านมานั้นมีมีเพียงผืนป่าลึกลับที่อยู่บนหุบเขาที่สูงชันเป็นอย่างยิ่ง
“รู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่?” ตั้งแต่ออกเดินทางมาหลงเฉินก็อยู่ในท่าทางเงียบสงบมาโดยตลอดจนในที่สุดผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านหน้าตัดสินใจถามไถ่ขึ้นมาก่อน
“ไม่ ต่อให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม” หลงเฉินส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
ผู้อาวุโสจึงหันกลับมามองที่หลงเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสลด “วัยหนุ่มนี่ช่างดีเหลือเกิน เมื่อได้มองเจ้าแล้วทำให้ข้านึกถึงช่วงวันเวลาที่ข้าเพิ่งเข้ามาที่หมู่ตึก หึหึ ผ่านมาเกือบหกสิบปีแล้ว ความมุทะลุที่มีก็ค่อยๆ มอดดับลงไป”
“ออ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องท่านสักเรื่องหนึ่ง” เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสคนนี้มีจิตใจเมตตากรุณา หลงเฉินจึงอยากแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง
“เหวยเหวย อย่าได้พูดโน้มน้าวให้ข้าช่วยเจ้าแหกกฎเชียวนะ” ผู้อาวุโสมองหลงเฉินด้วยสายตาเชิงห้ามปรามตักเตือน
เขาคิดว่าหลงเฉินจะต้องขอให้เขาไปส่งยังสถานที่อื่นแทนอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าหลงเฉินไปอยู่ที่แห่งนั้นจริงหรือไม่ เมื่อถึงกำหนดหลงเฉินค่อยย้อนกลับไปที่หมู่ตึกด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของการถูกเนรเทศแล้ว
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านช่วยแหกกฎ ทว่าข้าอยากให้ท่านช่วยข้าสังหารสัตว์มายาระดับสามสักตัวหนึ่งเมื่อไปถึงดินแดนรกร้างศิลาวายได้หรือไม่” หลงเฉินกล่าว
“หากรบกวนเพียงเท่านี้ย่อมไม่มีปัญหา” ผู้อาวุโสตบปากรับคำในทันที “ทว่าในเวลานี้เจ้าควรพักผ่อนให้มากเข้าไว้ เพราะจุดหมายที่เราจะไปนั้นช่างยาวไกลยิ่งนัก คาดว่าจะใช้เวลาในการบินถึงหนึ่งวันเต็ม”
หลงเฉินพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง สามวันที่ผ่านมาเขาก็เอาแต่หลอมโอสถ หากต้องเข้าไปที่ดินแดนรกร้างศิลาวายด้วยสภาพอ่อนแอเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน
ซูม!
ทันใดนั้นเองที่แผ่นหลังของหลงเฉินก็มีวงแหวนแห่งเทพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา พลันก็ดูดซับพลังปราณฟ้าดินเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งวงแหวนแห่งเทพของเขาก็ไม่ใช่ความลับที่ต้องเก็บซ่อนผู้ใดอีกต่อไป เขาจึงสามารถใช้ออกมาได้ไร้กังวล
ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้เลยว่าวงแหวนแห่งเทพของหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่สามชั่วยามก็สามารถเพิ่มพูนพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายของหลงเฉินจนเต็มอิ่ม
เมื่อหลงเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าทิวทัศน์เบื้องหน้าสายตาของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว พื้นที่ราบเรียบบริเวณป่าด้านล่างเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
บ้างก็เป็นพยัคฆ์ร้ายที่มีเส้นขนเงางาม ทว่ากลับมีขนาดตัวมากกว่าสิบจั่ง บ้างก็เป็นงูเหลือมตัวยาวเท่าแม่น้ำสายหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังมีสัตว์มายาส่งเสียงคำรามขึ้นมาเมื่อเห็นอินทรีที่เขานั่งมากำลังผ่านไป เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังแจ้งเตือนบางอย่างกันอยู่
หลงเฉินเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาภายในจิตใจไม่น้อย สัตว์มายาระดับสามเหล่านี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยยังไม่มีผู้ใดรอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว
พวกมันคงจะอยู่ในสถานที่แห่งนี้มานานมากจนไม่อาบทราบได้ว่านานถึงเพียงใดแล้ว และหากเทียบพลังสภาวะบนร่างกายของพวกมันกับเสี่ยวเสว่ยแล้วคงจะแข็งแกร่งมากกว่าหลายสิบเท่า เพราะถึงแม้ว่าเสี่ยวเสว่ยจะเป็นสัตว์มายาระดับสาม ทว่าก็เป็นเพียงขั้นต้นของระดับสามเท่านั้น
หลงเฉินทราบได้ทันทีว่าสัตว์มายาในสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นการคงอยู่ของระดับพลังตอนกลางไปจนถึงตอนปลายแล้ว ฉะนั้นบรรยากาศบนตัวของพวกมันจึงน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางมาก็ใช่ว่าจะสามารถรอดพ้นจากที่แห่งนี้ได้ทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่
และที่หลงเฉินเลือกให้ถูกเนรเทศก็เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มีสัตว์มายาระดับสามนับไม่ถ้วน ซึ่งเหมาะที่จะเก็บเกี่ยวโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาได้ แล้วจากนั้นก็นำไปเป็นส่วนผสมของโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์
ช่วงเวลาสามวันมานี้ไม่เพียงแต่หลอมโอสถหล่อกล้ามเนื้อขึ้นมาเท่านั้น เขายังสกัดโอสถผงอันเป็นส่วนผสมของโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ขึ้นมาด้วย เพื่อเตรียมเอาไว้ผสมกับโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสาม
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะถูกเนรเทศออกมา หากอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว เขาก็จะสามารถเพิ่มพูนพลังการฝึกยุทธ์ให้สูงขึ้นได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งหากได้กลับไปก็อาจจะไล่ตามผู้อื่นได้ทันแน่นอน
ขณะนี้ถึงช่วงเช้าของวันที่สองแล้ว เบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินปรากฏแนวป่าของดินแดนรกร้างศิลาวายขึ้นมาเป็นสาย อีกทั้งศิลาขนาดใหญ่เรียงรายอยู่จนละลานตา บรรยากาศโดยรอบเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเย็นยะเยือก
สุสานของผู้ถูกเนรเทศ——ดินแดนรกร้างศิลาวาย