“หลงเฉิน ที่นี่คือดินแดนรกร้างศิลาวาย ข้ามาส่งเจ้าได้ถึงตรงนี้ ที่เหลือมีแต่ต้องพึ่งพอตัวเจ้าเองแล้ว ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะสามารถรักษาชีวิตแล้วกลับไปที่หมู่ตึกเมื่อครบกำหนด” ผู้อาวุโสกล่าวแล้วตบไปที่บ่าของหลงเฉิน แล้วกระโดดอินทรีตัวนั้นมุ่งหน้ากลับไปทางหมู่ตึกในทันที
ในขณะที่ผู้อาวุโสกำลังจะจากไป หลงเฉินก็ได้ทอดสายตามองไปที่ใต้ก้อนศิลาขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่าร้อยจั่งด้วยความตื้นตันใจ ตะขาบยักษ์ขนาดห้าจั่งนอนแผ่โดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถูกผ่าออกจนกลายเป็นสองซีก
สถานที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตของตะขาบเงิน และที่เพิ่งจะตายไปนั้นก็คือตะขาบที่ถูกผู้อาวุโสสังหารลงไป จึงทำให้บริเวณแห่งนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หลังจากที่สังหารตะขาบเงินไปแล้ว ผู้อาวุโสก็ได้สังหารสัตว์มายาระดับสองขั้นสูงสุดไปอีกหนึ่งตัว
หลงเฉินเดินเข้าไปที่ซากศพของตะขาบเงิน แล้วล้วงเอาดาบยาวชำแหละร่างกายของตะขาบตัวนั้นจนเจอถุงพิษขนาดใหญ่ทั้งหมดสองอัน นอกจากตะขาบเงินจะมีเปลือกที่หนาและแข็งเป็นอย่างยิ่งแล้ว ภายในยังบรรจุด้วยพิษที่น่าหวาดกลัวที่สุดเอาไว้ด้วย
หากได้พ่นหมอกพิษออกมาแล้วก็จะสามารถกระจายตัวไปได้หลายลี้ภายในพริบตาเดียว อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกัดกร่อนอย่างรุนแรง ถึงแม้จะเป็นสัตว์มายาที่มีเปลือกแข็งเฉกเช่นเดียวกันก็ยากที่จะต้านทานฤทธิ์ของพิษชนิดนี้เอาไว้ได้
เมื่อนำถุงพิษออกมาได้แล้ว หลงเฉินก็นำถังน้ำขนาดใหญ่ออกมาบรรจุโลหิตบริสุทธิ์ของตะขาบเงินลง ทว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งยวดที่สัตว์มายาที่มีเปลือกแข็งเช่นนี้มีโลหิตบริสุทธิ์เพียงน้อยนิด หลงเฉินจึงรวบรวมโลหิตบริสุทธิ์มาได้เพียงร้อยชั่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีน้อย ทว่าหลงเฉินก็ยังยินดีที่เขาได้พิษของมันมาด้วย
ในขณะที่ผู้อาวุโสผู้นั้นลงมือ เขาได้ใช้กระบี่ตวัดไปที่ตะขาบเงินตัวนี้เพียงครั้งเดียวก็สามารถสังหารสัตว์มายาตัวนี้ได้แล้ว ช่างเป็นพลังฝีมืออันแกร่งกล้าที่ทำให้หลงเฉินเกิดความอิจฉาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะได้โลหิตบริสุทธิ์ของตะขาบเงินมาแล้ว ทว่าโลหิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในถัง ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่โลหิตบริสุทธิ์ที่แท้จริง เขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเติมบางอย่างเข้าไปอีกเพื่อกลั่นกรองความบริสุทธิ์ที่แท้จริงออกมา
หลงเฉินล้วงเอาโอสถเม็ดออกมาแล้วหย่อนลงไปในถังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโลหิตบริสุทธิ์ ทันใดนั้นหยาดโลหิตก็เดือดพล่านขึ้นมาจนกลายเป็นฟองฟอดมากมาย กลิ่นของโอสถคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ทว่ากลับเป็นกลิ่นที่ยากจะสูดดมเข้าไปได้
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม โลหิตบริสุทธิ์ก็ยังคงเดือดพล่านไม่หยุด ทว่าฟองที่เคยมีได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว อีกทั้งหยาดโลหิตที่อยู่ภายในก็เรียกได้ว่าเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง
“หึหึ ได้แล้ว”
หลงเฉินยิ้มร่าแล้วล้วงเอาห่อโอสถผงออกมาหนึ่งห่อ สิ่งที่อยู่ในนั้นคือความลับที่หมู่ตึกไม่ยอมเปิดเผยออกไปให้ผู้ใดทราบ——สมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์นั่นเอง
“เพี๊ยะพ๊ะ”
หลงเฉินค่อยๆ เทโอสถผงลงไปในโลหิตบริสุทธิ์ที่เข้มข้น จากนั้นก็ได้เกิดการระเบิดดังเพียะพ๊ะขึ้นมาเป็นสาย ติดตามมาด้วยกลิ่นคาวของโลหิตลอยทะยานขึ้นมาเตะจมูกอย่างรุนแรง
ขั้นตอนนี้คือการกระตุ้นสภาวะชีวิตอันบ้าคลั่งที่อยู่ภายในโลหิตบริสุทธิ์ขึ้นมา และหลังจากนั้นราวหนึ่งชั่วยาม หยาดโลหิตที่เคยเดือดอยู่ก็เริ่มสงบลง
“ได้แล้ว”
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีความทรงจำของจักรพรรดิโอสถอยู่ ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการควบคุมสภาวะของโลหิตบริสุทธิ์ก็ยังทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อยเลย
“ต้องทำให้สำเร็จ นี่เป็นความหวังเดียวของเจ้า หากล้มเหลวไปคงจะไม่อาจอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว”
หลงเฉินภาวนาขึ้นมา พลันก็กัดฟันแน่นพร้อมกับยื่นมือออกไป พลังลมปราณไหลเวียนเข้าสู่โลหิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในถังประดุจวาฬยักษ์กำลังกินน้ำทั้งมหาสมุทรเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น โลหิตบริสุทธิ์ภายในถังถูกพลังลมปราณของหลงเฉินดูดซับเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
“ฮาฮาฮา ได้ผลลัพธ์เฉกเช่นเดียวกันเลย”
ภายในจิตใจของเขาเกิดอาการลิงโลดขึ้นมา การควบคุมโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ในครั้งนี้คล้ายกับตอนที่อยู่ในหมู่ตึกจนแทบจะหมดจด ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแล้ว
“ซูม”
หลงเฉินทำการถ่ายเทสิ่งเจือปนของโลหิตบริสุทธิ์ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเองโลหิตบริสุทธิ์ทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายต่างก็เป็นพลังชีวิตอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็เริ่มทำการดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์เหล่านั้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อครั้งก่อนหน้านี้หลงเฉินเพิ่งจะทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตขั้นที่เจ็ดได้สำเร็จ หากเป็นไปตามความเร็วตามปกติที่เขาคำนวณเอาไว้ อย่างน้อยก็จะต้องใช้เวลาอีกสองเดือนถึงจะทำให้หยาดโลหิตในร่างกายอยู่ในจุดอิ่มตัวแล้วจากนั้นจึงจะสามารถทะลวงพลังขั้นต่อไปได้อีกครั้ง
ทว่าหากเป็นวิธีการเช่นนี้ย่อมทำให้การฝึกยุทธ์ของหลงเฉินก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว ขอเพียงมีโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาเข้ามาเติมเต็มอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ในทันที
“ซูม”
หลงเฉินสำรวจโลหิตบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “หึหึ โลหิตบริสุทธิ์ถังนี้ สามารถหนุนเสริมการฝึกยุทธ์ได้ถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียว”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็ได้ใช้ถ้ำขนาดใหญ่ที่เคยเป็นรังของตะขาบเงินเป็นที่พักอาศัยของตัวเองไปโดยปริยาย เขาทราบดีว่าอาณาเขตของสัตว์มายาระดับสามนั้นกินพื้นที่ขนาดใหญ่โดยรอบกว่าร้อยลี้ ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสัตว์มายาจำพวกอื่นเข้ามากร่ำกรายอย่างแน่นอน
โชคยังดีที่ภายในถ้ำแห่งนี้สะอาดสะอ้านพอที่จะอยู่อาศัยได้ ไม่มีความรู้สึกน่าขยะแขยงเหมือนกับเป็นรังของเหล่าแมลง เหอะ ตะขาบเงินตัวนั้นชื่นชอบความสะอาดอยู่บ้างอย่างนั้นหรอกหรือ
หลังจากที่หามุมพักผ่อนภายในถ้ำได้แล้ว หลงเฉินก็เอากระโจมออกมา สิ่งของชิ้นนี้ได้มาจากคนที่เข้ามาขวางเขาในระหว่างทางที่เข้ากำลังจะเข้าไปยังหมู่ตึกนั่นเอง ส่วนเตียงหรือสิ่งของที่จำเป็นทั้งหลายต่างก็ถูกทิ้งไปทั้งหมดแล้ว
หลังจากที่จัดแจงที่หลับนอนเสร็จแล้ว หลงเฉินก็เหม่อมองไปยังผืนฟ้าสีครามที่มีดวงอาทิตย์เฉิดฉายอยู่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลากลางวัน จากนั้นเขาก็นำหม้อใบใหญ่ออกมาตั้งไว้ด้านนอก แล้วนำถุงพิษของตะขาบเงินออกมาหนึ่งอันใส่ลงไปในหม้อเหล็กใบใหญ่ ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นก็ได้แผ่กระจายออกมา ถึงแม้ว่าจะสูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้รู้สึกได้ว่าร่างกายภายในกำลังเกิดการเน่าเปื่อยอย่างไรอย่างนั้น
หลงเฉินจึงรีบหาสิ่งของมาปิดปากและจมูกเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วจุดเพลิงไปที่ใต้หม้อเหล็กใบนั้นขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็เอาหัวของลูกศรนับร้อยใส่ลงไปในของเหลวข้นที่อยู่ในหม้อ พลันก็วิ่งหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวิ่งหนีออกไปไกลหลายลี้แล้ว หลงเฉินก็ทำการสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปได้อย่างปลอดภัย พิษของตะขาบเงินช่างน่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว และก่อนหน้าที่หลงเฉินจะใส่หัวลูกศรลงไป เขาก็ได้ตระเตรียมฟืนเอาไว้ข้างใต้จนเพียงพอต่อการเพิ่มความร้อนได้ตลอดเวลาครู่หนึ่งแล้ว หัวลูกศรที่ใส่เข้าไปนั้นจะทำให้การดูดซับพิษเป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดายยิ่งขึ้นนั่นเอง
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปจนฟืนมอดไปทั้งหมดแล้ว ก็สมควรแก่เวลาที่พิษอันเข้มข้นหม้อนั้นได้เหือดแห้งไปทั้งหมดแล้วเช่นกัน กลายมาเป็นหัวลูกศรที่มีพิษอันรุนแรงกว่าร้อยกันภายในพริบตาเดียว
ขณะนี้หลงเฉินไม่ต้องการสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังไม่กล้าพอที่จะเดินออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบ เพราะทั่วทุกสารทิศต่างก็เป็นอาณาเขตของสัตว์มายาระดับสามหรือาจจะสูงส่งกว่าสัตว์มายาระดับสามก็เป็นไปได้
หากพบเจอกับสัตว์มายาระดับสามขั้นกลางขึ้นไป แน่นอนว่าเขาในตอนนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะเลยแม้แต่น้อย ทว่าหากให้หลบหนีก็คงพอจะมีโอกาสสำเร็จอยู่บ้าง
หลังจากที่เวลาผ่านไปสองชั่วยาม หลงเฉินก็เห็นว่ากองเพลิงที่ลุกโชติช่วงอยู่เมื่อครู่นี้ได้มอดดับลงไปอย่างหมดจดแล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินกลับไป บรรยากาศบริเวณนั้นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าเปื่อยไปทั่วทุกหนแห่ง
เมื่อมองเข้าไปในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็พบว่าพิษที่ใส่ลงไปตั้งแต่แรกได้เหือดแห้งไปแล้วเช่นกัน อีกทั้งยังเห็นคราบเมือกสีดำเคลือบอยู่บนหัวลูกศรทั้งหมด
หลงเฉินหยิบลูกศรขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วสำรวจดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นหม้อเหล็กก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นมาจนหลงเฉินตกใจยกใหญ่ ถอยเท้ากลับไปด้านหลังแทบจะไม่ทัน หากเขาเคลื่อนไหวช้าไปกว่านี้คงจะต้องถูกศรพิษแทงเข้ามาจนตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน
พิษของตะขาบเงินช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำให้หม้อเหล็กที่มีความหนาหนึ่งนิ้วถูกฤทธิ์กัดกร่อนจนกลายเป็นเนื้ออ่อนธรรมดาไปแล้ว
หลงเฉินจดจ้องไปที่หัวลูกศรสีดำที่กระจายอยู่เต็มพื้นด้วยจิตใจที่เต้นระรัว หลังจากนี้ไปการสังหารสัตว์มายาระดับสามก็จะไม่ยากสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาคู่คมมองไปยังผืนฟ้าที่เริ่มมืดลง หลงเฉินเดินกลับเข้าไปในกระโจมอันหรูหราของเขาเพื่อนอนหลับพักผ่อน ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที แม้แต่จะคิดฝึกยุทธ์ก็ยังคร้านที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งก่อนที่จะเข้ามาก็ได้ใช้ลูกศรพิษทำเป็นกับดักปกคลุมอยู่โดยรอบถ้ำแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นในเวลาเช่นนี้มีแต่จะต้องใช้หัวหนุนแขนแล้วหลับตานอนเท่านั้น
เมื่อยามเช้าตรู่ได้เข้ามาทักทาย หลงเฉินก็ทำการเก็บกับดักที่สร้างเอาไว้แล้วมุ่งหน้าสู่ทางทิศใต้อย่างระมัดระวัง ในขณะที่เขาเดินทางมาที่นี่ก็ได้ทำการสำรวจพื้นที่โดยรอบจากหลังอินทรีตัวนั้นแล้ว จึงล่วงรู้ได้ทันทีว่าบริเวณถัดไปนี้มีสัตว์มายาระดับสามชนิดหนึ่งอาศัยอยู่——นั่นก็คือเสือดาวเงามายา
เสือดาวเงามายาเป็นสัตว์มายาระดับสามที่มีความเร็วเป็นกรด อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าดุร้ายอย่างถึงที่สุด ทว่าที่แตกต่างจากสัตว์มายาที่เป็นเสือชนิดอื่นก็ตรงที่มันชอบออกล่าเหยื่อในเวลากลางวันนั่นเอง
สัตว์มายานั้นมีการเพิ่มพลังการต่อสู้ที่แตกต่างจากมนุษย์ พวกมันไม่ได้ทำการฝึกยุทธ์แต่อย่างใด ทว่าพวกมันจะใช้โลหิตและกายเนื้อเข้าไปเพิ่มพูนความแข็งแกร่งและพลังการฝึกยุทธ์ให้ตัวมันเอง
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเสือดาวเงามายาก็คือเส้นขนของมันเป็นขนหนังที่มีความอ่อนตัวจึงทำให้มันสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาพและบรรยากาศที่อยู่รอบข้างได้จนยากที่จะสังเกตเห็นการอำพรางตัว แม้แต่กอหญ้าหรือก้อนศิลาก็ไม่มีผู้ใดสามารถมองออก และต่อให้เป็นสัตว์มายาด้วยกันเองก็ยังไม่ทราบว่ากำลังพบเจอกันเทพมรณะที่กำลังซ่อนตัวอยู่
หลงเฉินเดินทางมาไกลกว่าร้อยลี้ จู่จู่ก็ลดฝีเท้าลง คอยเยื้องย่างไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง หากเป็นไปตามที่สำรวจมาแล้วก็คงเข้าสู่อาณาเขตของเสือดาวเงามายาแล้ว พลันก็ได้เบิกประสาทสัมผัสอันคมกล้าขึ้นมาแล้วก็พบว่ามีบางอย่างแอบอยู่ที่ศิลา
เงาร่างนั้นกำลังคืบคลานไปตามก้อนศิลามากมาย ร่างกายของมันกลมกลืนไปกับศิลาเหล่านั้นอย่างหมดจด “ระยะนี้คงจะพอดีแล้วล่ะ”
หลงเฉินมองไปทางซ้ายทีไปทางขวาทีแล้วก็สบกับเส้นทางสายน้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทว่ากลับเป็นจุดที่ซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนที่สุดแห่งหนึ่ง
เดิมทีหลงเฉินคิดที่จะวางกับดักไว้บนพื้น ทว่าเมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ล้มเลิกไปในทันที เพราะเสือดาวเงามายานั้นมีร่างกายที่พลิ้วไหวและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจึงไม่ติดกับดักของเขาได้อย่างง่ายดายแน่นอน ฉะนั้นโอกาสในความสำเร็จจึงแทบจะไม่มีเลย และการขุดหลุมวางกับดักก็สิ้นเปลืองทั้งแรงและเวลามากจนเกินไป
หากจะติดตั้งกับดักก็จะต้องใช้ตัวเองเป็นคนชักนำเสือดาวเงามายามาติดกับ ทว่าหากไม่ระวังตัวเองก็อาจจะติดกับดักเสียเอง และหลังจากที่ตายไปแล้วก็คงจะต้องถูกเสือดาวเงามายายิ้มเยาะเย้ยอย่างแน่นอน
หลังจากครุ่นคิดอย่างวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินจึงเอาศรธนูออกมาหกอันแล้ววางไว้อยู่ตามรายทางทั้งหมดหกจุดโดยรั้งให้เป็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว จากนั้นก็นำกริชเล่มหนึ่งกั้นเอาไว้ ขอเพียงกริชเล่มนั้นขยับเบาๆ ก็จะทำให้ศรธนูที่ถูกรั้งอยู่เด้งออกไป
เสือดาวเงามายาตัวนั้นมีขนาดใหญ่โตถึงเจ็ดเซียะด้วยกัน ทว่าขอเพียงผ่านมาทางด้านนี้แล้วต้องกับลูกศรทั้งหกสายก็คงจะต้องมีสักดอกที่โดนจุดตายเข้าพอดี และถึงแม้จะโดนเพียงดอกเดียวก็สามารถทำให้พลังของเสือดาวเงามายาตัวนั้นลดทอนลงไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
หลังจากที่ตรวจสอบศรธนูทั้งหกอันอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลงเฉินก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้กับบริเวณที่เสือดาวเงามายาซุ่มอยู่ หลงเฉินหยุดฝีเท้าลงเมื่ออยู่ห่างจากเสือดาวตัวนั้นราวห้าลี้ เพราะหากเข้าไปใกล้อีกก็คงจะทำให้มันไหวตัวทันและเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว
มือใหญ่คว้าไปที่ศิลาขนาดเท่าไข่ห่าน พลันก็ถ่ายพลังเข้าไปแล้วเล็งที่ศีรษะขนาดใหญ่ของเสือดาวเงามายาตัวนั้น