เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 204 เขี้ยวสังหาร

หลงเฉินลงมืออย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็สามารถปะทุพลังอันรุนแรงออกมา อาวุธเพลิงในมือฟาดเข้าไปที่เฟิงไห่อย่างหนักหน่วง

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ ถึงแม้ว่าบาดแผลที่หัวไหล่จะเป็นเพียงรอยขนาดเล็ก ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นเมือกสีดำขนาดใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังสูญเสียความรู้สึกไปจนหมดสิ้นแล้ว กลิ่นเหม็นคาวลอยคละคลุ้งขึ้นมาเตะจมูกอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีว่าลูกศรดอกนั้นได้เคลือบพิษอันน่าหวาดกลัวเอาไว้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟ่งไห่ทั้งตกใจและเดือดดาลขึ้นมา ดวงตาสบเข้ากับการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของหลงเฉิน พลันก็กวาดกระบี่ยาวที่อยู่ในมือต้านทานกับอาวุธเพลิงของหลงเฉิน

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินเกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่เมื่ออาวุธเพลิงในมือของตัวเองถูกกระบี่ยาวของอีกฝ่ายฟันจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ ไปในพริบตาเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่คือพลังของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางอย่างนั้นหรือ? แข็งแกร่งยิ่งนัก”

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ไม่อาจออมพลังฝีมือของตัวเองเอาไว้ได้อีกแล้วจึงเร่งปะทุพลังต่อสู้ทั้งหมดเข้าจู่โจมหลงเฉิน เมื่อพบว่ากระบี่ยาวของตัวเองทำลายอาวุธเพลิงของหลงเฉินแล้ว เขาก็รีบเปลี่ยนทิศของปลายกระบี่แทงเข้าไปที่หลงเฉิน

 

 

 

 

 

 

 

 

การปะทะกันเพียงครั้งเดียวได้ทำให้ขุมพลังอันมหาศาลแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ แม้แต่หลงเฉินเองก็ไม่อาจหลบได้พ้นจึงมีแต่จะต้องฝืนร่างกายเข้าแลกเท่านั้น ดวงตาคู่คมมองไปยังกระบี่ยาวที่ถูกปกคลุมด้วยประกายแสงสีเขียวอันคมกล้า เห็นได้ชัดว่าคงจะเป็นทักษะยุทธ์ชนิดหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินทราบได้ในทันทีว่าจากนี้ไปคงจะต้องเบิกพลังทั้งหมดออกมาใช้ในการโจมตีเสียแล้ว เพราะว่ายอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางผู้นี้ช่างมีพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวจนเกินไป แล้ววงแหวนแห่งเทพก็ปรากฏขึ้นมาที่แผ่นหลังพร้อมกับการเบิกกายาศึกกักวายุออกมา

 

 

 

 

 

 

 

 

เพลิงกาฬสีฟ้าครามภายในร่างกายถูกกระตุ้นให้ไหลเวียนไปมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็เกิดเป็นอาวุธขนาดใหญ่สีฟ้าครามเล่มหนึ่งที่มีพลังอักขระทอประกายเจิดจ้าพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกับเฟิงไห่

 

 

 

 

 

 

 

 

อาวุธเพลิงและกระบี่ยาวปะทะกันอีกครั้ง เสียงระเบิดดังกึงก้องไปทั่วทั้งฝืนฟ้า หลงเฉินถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบจั่ง ทว่าในครั้งนี้อาวุธเพลิงกลับไม่เกิดความเสียหายเลยแม้แต่น้อย หากว่าอาวุธเพลิงถูกทำลายไป เขาเองก็จะสูญเสียพลังแห่งเพลิงกาฬไปอย่างมหาศาลเพื่อทำการหลอมรวมเป็นอาวุธเพลิงชิ้นใหม่ อีกทั้งยังทำให้สูญเสียลมปราณในการสร้างอาวุธเพลิงขึ้นมาด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เพราะหลงเฉินก็ได้ทุ่มเทพลังที่มีอยู่โจมตีไปในครั้งเดียว เขาจึงลอยกระเด็นถอยออกไปไกลว่าสิบจั่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่าพลังภายในร่างกายของตัวเองกำลังไหลทะลักออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทราบว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของพิษแล้วจึงได้รีบกลืนโอสถถอนพิษลงไปหนึ่งเม็ดในทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าจะทราบดีว่าโอสถถอนพิษเม็ดนั้นไม่อาจแก้พิษที่รุนแรงเช่นนี้ได้ และฤทธิ์ของพิษก็ยังแพร่กระจายไปบริเวณต่างๆ ภายในร่างกายอยู่ดี ทว่าเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

“บัดซบ จงมอบโอสถถอนพิษมา” เฟิงไห่ตะเบ็งเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด

 

 

 

 

 

 

 

 

“หือ? เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลงเฉินเอียงคอแล้วถามขึ้นมาพร้อมกับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าบอกว่าให้มอบโอสถถอนพิษมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” เฟิงไห่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

 

 

“พูดจาให้ชัดเจนหน่อย ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้าตัวบัดซบ อยากตายหรือ!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่เฟิงไห่เดือดดาลขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะล่วงรู้ว่าหลงเฉินจงใจที่จะประวิงเวลาอยู่ เขานั้นก็ไม่ใช่คนโง่งม พลันก็ยกกระบี่ยาวขึ้นมาฟาดเข้าไปที่หลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

อาวุธเพลิงในมือของหลงเฉินลอยระบำไปมากลางอากาศ ทว่ากลับไม่อาจต้านทานการปะทะจากเฟิงไห่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงถูกซัดไปตามแรงกระแทกไม่หยุด หลงเฉินทราบดีว่าในตอนนี้ตัวเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลาง

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกทั้งการใช้เบิกสวรรค์ที่เป็นไม้ตายของตัวเองนั้นก็ควรแน่ใจว่าจะสังหารเฟิงไห่ได้ในครั้งเดียว เพราะไม่เช่นนั้นจะกลับกลายเป็นว่าเปิดจุดอ่อนให้เฟิงไห่สังหารเขาแทน ฉะนั้นในตอนนี้มีแต่จะต้องประวิงเวลาให้พิษไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเฟิงไห่เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจึงต้องสู้ไปถอยไปเพื่อเก็บออมพลังต่อสู้ของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด และนับตั้งแต่เมื่อครู่นี้พวกเขาก็ปะทะกันอยู่อย่างนั้นจนร่นถอยออกไปไกลกว่าพันลี้เห็นจะได้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าคลั่งจนแทบจะบ้าตายแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่แผดเสียงคำรามขึ้นมาอย่างเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าพิษกำลังไหลเวียนไปทั่วกระแสโลหิต อีกทั้งยังเริ่มกัดกินอวัยวะภายในของเขาอย่างบ้าคลั่ง หากไม่ได้รับโอสถถอนพิษตอนนี้คงจะต้องทิ้งชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะเดียวกันก็ลอบด่าทอในความโง่เขลาของตัวอง หากลงมือต่อหลงเฉินไปตั้งแต่แรกก็คงจะไม่ต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าอเนจอนาถเช่นนี้ และที่สำคัญก็คือภารกิจที่ได้รับมอบหมายก็จะถือว่าล้มเหลว ยิ่งทำให้เขาร้อนรนเป็นอย่างยิ่งยวด

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ล้วงเอาโอสถกลืนลงไปอีกเม็ดหนึ่งเพื่อควบคุมให้พิษหยุดกระจายตัวไปชั่วขณะหนึ่ง ทว่าการควบคุมของโอสถนั้นคล้ายกับการสกัดกั้นน้ำป่าที่กำลังไหลหลากอยู่อย่างไรอย่างนั้น เมื่อใดที่หมดฤทธิ์โอสถแล้วก็จะทำให้พิษเหล่านั้นยิ่งถาโถมเข้ามารุนแรงขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หากไม่ได้ถูกกดดันจนไร้สิ้นหนทางเช่นนี้ เฟิงไห่ก็คงจะไม่กลืนโอสถสกัดพิษลงไปอย่างแน่นอน และภายในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ นี้หากว่ายังไม่ได้โอสถถอนพิษมาก็คงจะต้องตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย มีเพียงข้อดีประการเดียวนั่นก็คือตอนนี้เขาก็สามารถใช้พลังการต่อสู้ออกมาได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตายซะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ตะโกนเสียงดังพร้อมกับก้าวเท้าออกไปข้างหนึ่ง เสียงระเบิดดังขึ้นมาต่อเนื่องแล้วพุ่งทะยานไปทางหลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย กระบี่ยาวถูกกวาดออกไปอย่างหนักหน่วง

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินแทบจะมองเห็นการโจมตีไม่ทัน เพียงแต่ยกอาวุธเพลิงคาดเดาทิศทางของกระบี่ยาวเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับไม่อาจต้านทานการโจมตีในครั้งนี้ได้จนอาวุธเพลิงในมือระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ คมกระบี่ของเฟิงไห่เฉือนไปที่ศีรษะของหลงเฉินเล็กน้อย หยาดโลหิตจึงไหลรินออกมาเล็กน้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง แล้วรวบรวมพลังลมปราณทั้งหมดที่เก็บออมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครู่นี้ปะทุขึ้นมาเป็นอาวุธเพลิงอีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

“เบิกสวรรค์”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินตะโกนขึ้นมาเสียงดังกังวานไปทั่วทั้งผืนป่า พลังอันมหาศาลหลั่งไหลผ่านอาวุธเพลิงขนาดใหญ่ฟาดลงไปที่เฟิงไห่อย่างรุนแรงจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่เบิกดวงตาโพลงโตขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าหลงเฉินจะมีกระบวนท่าที่น่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ทว่าเขาก็แน่ใจว่าจะสามารถช่วงชิงชีวิตของหลงเฉินได้แน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตัดผ่าใบไม้”

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ร้องเสียงดังด้วยโทสะ พลันก็แทงกระบี่ยาวหอบสายลมพวยพุ่งไปทางหลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง พลังอันมหาศาลหมุนวนไปทั่วทุกสารทิศอย่างรุนแรง

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

บรรยากาศโดยรอบเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อว หลงเฉินถูกพลังอันมหาศาลซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยจั่งจนกระอักโลหิตออกมาอยู่หลายคำ

 

 

 

 

 

 

 

 

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินรู้สึกว่าตัวเองกำลังไร้ทางสู้ เพราะเขานั้นได้ใช้พลังทั้งหมดทุ่มเทไปกับการโจมตีเมื่อครู่นี้ ทว่ากลับทำให้เฟิงไห่ลอยละล่องไปไกลเท่านั้น ไม่มีแม้แต่บางแผลหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด อีกทั้งยังออกวิ่งตะบึงหน้าตั้งเข้ามาหาหลงเฉินอย่างไม่ลดละ

 

 

 

 

 

 

 

 

“มอบโอสถถอนพิษให้ข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินมองไปยังเงาร่างสายนั้นด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด พิษได้ลุกลามไปถึงขึ้นนี้แล้วยังเอาแต่กล่าววาจาโง่งมออกมาอยู่เรื่อยๆ คิดว่าเขาจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่หลงเฉินคิดจะกล่าววาจาเย้ยหยันขึ้นมาสักสองสามประโยคนั้น จู่จู่เขาก็เหลือบไปเห็น ‘ศิลาผา’ ขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งกำลังสั่นคลอนอยู่เบื้องหลังของเฟิงไห่

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจของหลงเฉินจึงเกิดอาการลิงโลดขึ้นมา พลันก็แสร้งทำเป็นเข้าใจว่า “หากเจ้ากล่าวสัตย์สาบาน ข้าก็จะมอบโอสถถอนพิษให้เจ้า เช่นนั้นอย่าได้คิดหักหลัง ภายในแหวนมิติของข้ามีโอสถอยู่หลายร้อยชนิด กว่าเจ้าจะหาโอสถถอนพิษเจอก็คงจะถูกพิษกัดกร่อนจนกลายเป็นศพไปก่อนแน่นอน”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ได้ ข้าสาบาน หากข้าคืนคำก็ขอให้ข้าไม่ตายดี” เฟิงไห่รีบกล่าวคำสาบานขึ้นมาอย่างร้อนรน

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าภายในจิตใจอยากจะสังหารหลงเฉินมากเพียงใด ทว่าในตอนนี้โอสถถอนพิษกลับสำคัญกว่า เมื่อได้มากแล้วค่อยว่ากันอีกทีหนึ่งก็ย่อมไม่มีปัญหา

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่ได้ คำสาบานของเจ้ายังไม่อำมหิตพอ เจ้าต้องกล่าวด้วยสัตย์สาบานที่รุนแรงกว่านี้” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอกกลับมา ในขณะเดียวกันดวงตาคู่คมก็เหลือบมองไปที่ศิลาก้อนใหญ่ที่กำลังสั่นคลอนอย่างช้าๆ พลันก็มีขายาวที่เต็มไปด้วยเส้นขนทั้งหมดแปดข้างโผล่ออกมา

 

 

 

 

 

 

 

 

แมงมุมร้ายศิลาดินตัวนั้นเป็นสัตว์มายาระดับสาม อีกทั้งยังเป็นเจ้าถิ่นของบริเวณแห่งนี้ ซึ่งลำตัวของมันกลมกลืนไปกับศิลาผาเหล่านั้นจนไม่อาจแยกออกได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือมันสามารถสงบนิ่งต่อศัตรูเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจยืนอยู่บนตัวของมันก็ยังยากที่จะสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวและการคงอยู่ของมันได้ เพราะนิสัยของมันก็คือความอดทนอย่างสูงส่งนั่นเอง พวกมันสามารถหลบซ่อนอยู่บริเวณเดิมได้เป็นหลายเดือนจนถึงขั้นเป็นหลายปี รอคอยให้เหยื่อปรากฏตัวก่อนแล้วค่อยจู่โจมออกไป

 

 

 

 

 

 

 

 

และในขณะนี้แมงมุมร้ายศิลาดินตัวนั้นก็กำลังคืบคลานออกมาจากก้อนศิลาอย่างเชื่องช้า แล้วยืนตระหง่านอยู่หลังเฟิงไห่อย่างไร้ซึ่งวี่แววและซุ่มเสียง แม้แต่เฟิงไห่ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย พลันก็รีกล่าวคำสาบานขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “ข้า…..เฟิงไห่ ขอสาบานว่าหลังจากที่หลงเฉินมอบโอสถถอนพิษให้แล้ว ข้าจะปล่อยเขาไป หากว่าข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าตกนรกหมกไหม้และถูกอัสนีบาตทะลวงร่างจนตายไปอย่างไร้ที่กลบ”

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินกำลังมองมาที่ตัวเองตนเองอย่างตะลึงลาน เฟิงไห่จึงกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรนว่า “ข้าคิดว่าคงจะรุนแรงพอแล้ว รีบส่งโอสถมาเร็วเข้า”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินเหลือบมองไปที่แมงมุมร้ายศิลาดินที่กำลังย่างกรายเข้ามาช้าๆ จึงอดไม่ได้ที่จะด่าทอขึ้นมาอย่างมีโทสะว่าเจ้าช่วยรีบหน่อยได้หรือไม่ ข้าแทบจะถ่วงเวลาเอาไว้ไม่ไหวแล้วนะ!

 

 

 

 

 

 

 

 

“แค่กแค่ก ก็……ก็พอได้อยู่ ถือว่ารุนแรงกว่าเมื่อครู่นี้มาก ทว่าเจ้ามีคำสาบานที่รุนแรงมากกว่านี้หรือไม่ เพราว่าข้ายังไม่วางใจที่จะใช้ชีวิตของตัวเองไปวางเดิมพัน” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างมีหลักการ

 

 

 

 

 

 

 

 

“บัดซบ เจ้าคิดจะถ่วงเวลาไปถึงเมื่อใดกัน? หรืออยากให้ข้ารีบกลายเป็นศพไปอย่างนั้นหรือ? ได้ เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าก่อนแล้วค่อยหาในแหวนมิติของเจ้าเองก็แล้วกัน” เฟิงไห่ระเบิดโทสะขึ้นมายกใหญ่พร้อมกับเตรียมพร้อมที่จะลงมือ

 

 

 

 

 

 

 

 

“เหวยเหวยเหวย ได้ ข้าจะยอมมอบโอสถถอนพิษให้เจ้าก็ได้” เมื่อเห็นแววตาอาฆาตมาดร้ายของเฟิงไห่แล้ว หลงเฉินก็ทราบได้ทันทีว่าเขากำลังเอาจริงจึงไม่อาจถ่วงเวลาต่อไปได้อีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

พลันก็โยนขวดหยกให้เฟิงไห่แล้วกล่าวว่า “ในนั้นมีโอสถถอนพิษอยู่ ทว่าพิษในตัวเจ้านั้นลึกล้ำจนเกินไป และเจ้าเองก็ได้ใช้โอสถสกัดพิษไปอีกจึงทำให้พิษไหลเข้าสู่เส้นโลหิตมากขึ้น เช่นนั้นควรจะใช้แกนผนึกเพื่อทำการแก้พิษทั้งหมดจึงจะได้ผลมากกว่า”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่กล่าวจบหลงเฉินก็โยนแกนผลึกของตะขาบเงินให้เฟิงไห่ เมื่อเฟิงไห่จับไปที่แกนผลึกก็รู้สึกได้ทันทีว่าพิษที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้จู่โจมเข้าสู่อวัยวะภายในอย่างบ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขาเกิดความดีใจขึ้นมายกใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

 

อย่างน้อยพิษที่อยู่ในร่างกายก็คงจะถูกถอนออกไปได้ส่วนหนึ่ง แล้วหลงเฉินก็กล่าวเร่งรัดให้เขากลืนโอสถถอนพิษลงไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้หลอมโอสถ ทว่าก็พอจะทราบมีความรู้อยู่บ้างว่าโอสถเม็ดนั้นเป็นโอสถอนพิษจริง

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจดจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของแมงมุมร้ายศิลาดินอย่างร้อนรน คล้ายกับว่าสัตว์มายาตัวนั้นเป็นดั่งเต่าล้านปีอย่างไรอย่างนั้น ภายในจิตใจจึงด่าทอขึ้นมายกใหญ่ เจ้าช่วยก้าวเร็วกว่านี้อีกได้หรือไม่? เพราะข้าช่างเหน็ดเหนื่อยในการถ่วงเวลาเป็นอย่างมากแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าทันใดนั้นเองศีรษะขนาดมหึมาของแมงมุมร้ายศิลาดินก็ค่อยๆ ยื่นออกมาพร้อมกับปากที่อ้ากว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวพิษยาวเหยียดอยู่สองซี่ค่อยๆ เลื่อนลงไปยังร่างของเฟิงไห่ที่กำลังใช้โอสถอยู่ หลงเฉินจึงรู้สึกผ่อนคลายลงไป ท่านปู่แมงมุมร้ายศิลาดิน ในที่สุดท่านก็ยอมลงมือแล้ว ข้ารู้สึกขอบคุณท่านจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมานองเต็มทั้งสองแก้มแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“สิ่งของชิ้นนี้ใช้อย่างไรกัน?” หลังจากที่กลืนโอสถลงไปแล้ว เฟิงไห่ก็มองไปที่แกนผลึกขนาดใหญ่เท่ากำปั้นด้วยความสงสัย

 

 

 

 

 

 

 

 

“กินไปทีเดียวเลย” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ผายลม สิ่งของชิ้นใหญ่ถึงเพียงนี้จะให้กลืนลงไปได้อย่างไรกัน เจ้าอยากให้มันติดคอข้าตายอย่างนั้นหรือ?” เฟิงไห่ด่าทอขึ้นมายกใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าไม่ได้บอกเจ้า ข้ากำลังบอกท่านปู่ที่อยู่ด้านหลังของเจ้าต่างหาก” หลงเฉินชี้ไปที่เหนือศีรษะของเฟิงไห่แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบเฉย

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฉึก”

 

 

 

 

 

 

 

 

เฟิงไห่ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ในขณะที่กำลังจะหันหลังไปมอง จู่จู่ที่แผ่นหลังของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมา บางอย่างที่คล้ายกับเขี้ยวอันแหลมคมแทงทะลุแผ่นหลังของเขาไป

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset