เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 214 พลังฝีมืออันบ้าคลั่ง

เมื่อทราบว่าหลงเฉินยังคงปลอดภัยดี ถังหว่านเอ๋อก็รู้สึกอุ่นใจ พลันก็เริ่มชักนำพลังเข้าสู่เชือกเพื่อส่งให้ว่าวลอยสูงขึ้นไปทีละนิด ดวงตาคู่งามมองตามว่าวขนาดใหญ่ที่ลอยห่างออกไปราวสามร้อยกว่าเซียะที่บัดนี้กลายเป็นเพียงกระดาษขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือไปเสียแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจของสาวงามก็คอยปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่าให้ระมัดระวังเอาไว้ เพราะถ้าหากหลงเฉินพลัดตกลงมาจากระดับนี้ ต่อให้เขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากก็คงจะต้องแหลกสลายกลายเป็นเศษเนื้อแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“กร่อบ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นประกายแสงสว่างไสวก็สาดลงมาที่ร่างกายของหลงเฉินอย่างรุนแรง พลังแห่งอัสนีบาตขุมหนึ่งหลั่งไหลลงมาตามเชือก มืออันขาวผ่องของถังหว่านเอ๋อเกิดอาการชาด้านขึ้นมาจนเผลอปล่อยเชือกออกไปในทันที ทว่าเพียงไม่นานสาวงามก็มีสติกลับคืนมาหลังจากที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแล้วรีบคว้าเชือกเส้นนั้นเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจของนางก็เกิดอาการแตกตื่นไม่น้อย แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากอัสนีบาตมากถึงเพียงนี้แล้ว ทว่าก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวของมัน

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้าเป็นอย่างไงบ้าง?” ถังหว่านเอ๋อตะโกนเสียงดังด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าบัดนี้หลงเฉินอยู่สูงจนเกินไปจนนางมองไม่เห็นเขาอีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

“ยัง……ยังไหวอยู่”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินส่งเสียงตะกุกตะกัก ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ไม่ใช่เป็นเพราะความหวาดกลัว ทว่าเป็นเพราะพลังแห่งอัสนีบาตอันแรงกล้าที่กำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

พลังแห่งอัสนีบาตเมื่อครู่นี้รุนแรงเสียยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นแล้วคงจะต้องกลายเป็นเนื้อย่างไปตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าภายในจิตใจของเขากลับเกิดความรู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่งที่ได้เก็บกระดูกและหนังของสัตว์มายาเอาไว้ ทำให้พลังแห่งอัสนีบาตรไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของเขาได้ไม่มากนัก

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินใช้เวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจทำการหลอมรวมอัสนีบาตที่เพิ่งได้มาให้เข้ากับพลังแห่งอัสนีบาตดั้งเดิมภายในร่างกาย

 

 

 

 

 

 

 

 

“สูงขึ้นอีก”

 

 

 

 

 

 

 

 

ยิ่งเคลื่อนที่สูงขึ้นไป หลงเฉินก็ยิ่งถูกสายฟ้าฟาดมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้มีสภาพอากาศที่ต่างจากบริเวณอื่นโดยสิ้นเชิง ก้อนเมฆสีดำทมิฬเหล่านี้ไม่อาจสลายหายไปได้จึงทำให้จำนวนของอัสนีบาตที่ฟาดลงมานั้นมีอัตราคงที่ในแต่ละระดับ

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้บนยอดเขาสูงลูกนี้จึงมีประกายแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือลำแสงของสายฟ้าแลบนั่นเอง ฉะนั้นหลงเฉินจึงจงใจจะมาที่นี่เพื่อชักนำพลังแห่งอัสนีบาตเข้าสู่ร่างกายด้วยตัวเอง เมื่อมีขุมพลังอันมหาศาลเช่นนี้ เขาย่อมสามารถกอบโกยได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อหรี่ตาลงเพื่อให้มองเห็นหลงเฉินได้ชัดเจนขึ้น นางทราบดีว่าหลงเฉินคงจะถูกฟ้าผ่าไปหลายครั้งแล้ว ทว่าเขาก็ยังมีสติอยู่และไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

จึงทำให้นางวางใจลงไปได้บ้าง ทว่าในขณะเดียวกันก็แอบร่ำร้องขึ้นมาภายในจิตใจว่าหลงเฉินผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงไปเสียแล้ว เพราะคงจะไม่มีผู้ใดกระทำการที่กล้าบ้าบิ่นเฉกเช่นเขาอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นที่เหนือศีรษะของหลงเฉินก็มีประกายแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นมา ดวงตาคู่งามมองตรงไปด้วยความสงสัย สายฟ้าฟาดเหล่านั้นกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างนั้นหรือ? ถังหว่านเอ๋อจึงรีบคลายมือออกจากเชือกในขณะที่สายฟ้าเริ่มจู่โจมหลงเฉิน และเมื่อแสงสว่างเริ่มจางลงไป นางจึงค่อยคว้าไปที่เชือกนั้นอีกครั้ง หากทำเช่นนี้ก็จะไม่ถูกพลังแห่งอัสนีบาตแล่นเข้ามาหาอีกต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

เพราะถึงแม้สภาวะของพลังแห่งอัสนีบาตรที่ไหลลงมาตามเส้นเชือกจะค่อนๆ อ่อนกำลังลงไปมากแล้ว ทว่าถังหว่านเอ๋อนั้นกลับมีร่างกายที่บอบบางจนเกินไป หากต้องสายฟ้าเหล่านั้นคงจะบาดเจ็บไม่น้อยเลย

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนหลงเฉินที่อยู่บนว่าวขนาดใหญ่ก็ได้หลอมรวมพลังแห่งอัสนีบาตไม่หยุดหย่อน ในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่ากายเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

ทุกอณูของเนื้อเยื่อราวกับว่าเหนียวแน่นกันมากยิ่งขึ้น สิ่งเจือปนที่เคยสะสมอยู่ภายในได้ถูกพลังแห่งอัสนีบาตขับออกสู่ภายนอกร่างกายไปจนหมดสิ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

“อัสนีบาตสามารถแข็งแกร่งได้ยิ่งขึ้นไปอีกอย่างนั้นหรือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินทั้งยินดีและตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เดิมทีเขาคิดที่จะหยิบยืมพลังแห่งอัสนีบาตเพื่อให้ตัวเองสามารถต้านทานต่อพลังแห่งอัสนีบาตของทัณฑ์จากสวรรค์เท่านั้น ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อมากมายถึงเพียงนี้เกิดขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อหลงเฉินเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของตัวเองก็พบว่าหยาดโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายได้กลายเป็นสีทองอร่าม และหลังจากที่หลอมรวมอัสนีบาตเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ สีทองนั้นก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นการค้นพบวิธีการใหม่ในการเพิ่มพูนระดับพลังเลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

ขณะนี้หลงเฉินมีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตขั้นที่สิบเอ็ดแล้ว อีกทั้งหยาดโลหิตภายในร่างกายยังเป็นประกายแสงสีทองระยิบระยับ ถึงแม้ว่ายังมีอยู่น้อยนิด ทว่าหลงเฉินก็สามารถสัมผัสได้ว่าประกายแสงเหล่านั้นแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

“โชคได้เข้าข้างข้าอย่างแท้จริงแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดอาการลิงโลดอย่างถึงที่สุด ต่อให้หลังจากนี้เขาไม่ได้ดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ก็ยังสามารถฝึกยุทธ์ได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสามก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากพลังเหล่านั้นสามารถเพิ่มระดับพลังในการฝึกยุทธ์ได้เชื่องช้ากว่านี้เป็นอย่างมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินสำรวจหยาดโลหิตภายในร่างกายอีกครั้งก็พบว่าฝุ่นละอองสีทองเหล่านั้นเพิ่มความเรืองรองมากขึ้นเรื่อยๆ พลันก็ร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า “ทำให้อัสนีบาตแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมกันเถิด……”

 

 

 

 

 

 

 

 

“บึม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นท่ามกลางอากาศอันมืดมิดก็ได้มีก้อนเมฆรวมตัวกันอย่างหนาแน่นภายในพริบตาเดียว อีกทั้งยังมีแสงสว่างจากอัสนีบาตหลายสิบสายผ่าลงมาที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉินระวัง”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อแตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่เมื่อสังเกตได้ว่าว่าวขนาดใหญ่ได้นำพาหลงเฉินลอยเข้าใกล้ก้อนเมฆเหล่านั้นเป็นอย่างมาก การปรากฏตัวของหลงเฉินคล้ายกับว่าทำให้พลังแห่งอัสนีบาตรพิโรธขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็ชักนำสายฟ้าหลายสิบสายผ่าเข้าไปที่หลงเฉินในทันที

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้า ว่าวขนาดใหญ่เกิดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาจนถูกแผดเผากลายเป็นผุยผงไปในพริบตาเดียว ถังหว่านเอ๋อเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก มืออันขาวผ่องถูกพลังอันน่ากลัวของอัสนีบาตหลั่งไหลลงมาตามเชือก ทว่าครั้งนี้กลับมากมายมหาศาลจนถูกซัดกระเด็นออกไปไกล

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน!”

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ดวงตาคู่งามจดจ้องไปยังอัสนีบาตนับสิบสายด้วยความหวาดกลัว ในขณะนี้ว่าวขนาดใหญ่ถูกทำลายไปจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว อีกทางหนึ่งก็มีเงาร่างกำลังล่องลอยออกไปประดุจก้อนกรวดก้อนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

หากเงาร่างสายนั้นร่วงลงมาจากความสูงนับพันเซียะแล้วกระแทกกับศิลาก้อนใหญ่ที่อยู่เบื้องล่างก็คงจะต้องตายไปในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ถังหว่านเอ๋อจึงรีบวิ่งไปยังบริเวณแห่งนั้นอย่างรวดเร็วหมายที่จะเข้าไปช่วยเหลือหลงเฉิน

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าในขณะที่หลงเฉินลอยห่างจากพื้นดินราวร้อยเซียะ ภายในมือของเขาก็มีร่มขนาดใหญ่คันหนึ่งปรากฏขึ้นมา จึงทำให้เขาค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้นดิน ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับหอบสายลมหมุนวนไปมาอย่างวุ่นวายจนทำให้ร่มคันนั้นหักไปในทันที

 

 

 

 

 

 

 

ร่างของหลงเฉินจึงร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พลันก็มีร่มคันใหญ่ปรากฏขึ้นมาเข้าคลี่คลายสภาวะอันชุลมุนลงไปอีกครั้งหนึ่งจนสามารถลงสู่พื้นดินด้านล่างได้โดยไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจึงดีใจขึ้นมายกใหญ่ อีกทั้งคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเฉินจะเตรียมการมาเป็นอย่างดีถึงเพียงนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“อา”

 

 

 

 

 

 

 

มืออันขาวผ่องของถังหว่านเอ๋อแตะไปที่หลงเฉินหมายจะช่วยพยุงตัวขึ้นมา ทว่าทันทีที่แตะโดนก็ได้ถูกพลังอันน่าหวาดกลัวของอัสนีบาตแล่นเข้ามาภายในร่างกายจนลอยกระเด็นออกไปหลายก้าว

 

 

 

 

 

 

 

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา พลันก็สังเกตเห็นว่าตลอดทั่วทั้งร่างกายของหลงเฉินได้ถูกปกคลุมไปด้วยอัสนีบาตมากมายนับไม่ถ้วน ผิวหนังกลายเป็นสีดำสนิท มีประกายแสงอ่อนระยิบระยับอยู่ อีกทั้งยังเกิดเสียงระเบิดดังเพียะพ๊ะไม่ขาดสาย

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้าตัวบัดซบ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน?”

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าถังหว่านเอ๋อจะไม่ทราบถึงขุมพลังที่ไหลเวียนภายในร่างกายของหลงเฉินอย่างกระจ่างแจ้ง ทว่านางก็พอที่จะสัมผัสได้ว่าพลังเหล่านั้นกำลังปะทุอยู่ภายในร่างกายของหลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังดิ้นรนที่จะออกมา ทว่าหลงเฉินก็ไม่ยอมปล่อยให้มันออกมา

 

 

 

 

 

 

 

ถึงกับใช้ร่างกายของตัวเองเป็นกรงขังพลังแห่งอัสนีบาตอันมหาศาลเอาไว้อย่างนั้นหรือ? นี่แทบจะไม่ต่างอันใดไปจากการคนบ้าผู้หนึ่งเลย เจ้ามันบ้าเกินไปแล้วนะหลงเฉิน!

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะเดียวกันถังหว่านเอ๋อก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีว่าหลงเฉินคงจะรับฟ้าผ่าหลายสิบสายเมื่อครู่นี้เอาไว้ทั้งหมดโดยที่ไม่คิดจะต้านทานเอาไว้เลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ขนหัวลุกขึ้นมาเป็นสาย หลงเฉินผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

ควรทราบว่าพลังแห่งอัสนีบาตที่อยู่ภายในร่างกายของหลงเฉินในตอนนี้นั้นมากพอที่จะจัดการกับยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งให้ตายลงไปได้ในทันที ทว่าเขากลับใช้ร่างกายของตัวเองทำการหล่อเลี้ยงพวกมันเอาไว้ หากไม่ใช่สัตว์ประหลาดในหมู่สัตว์ประหลาดแล้วจะเรียกว่าอันใดได้อีกเล่า

 

 

 

 

 

 

 

 

ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่ใบหน้าดำคล้ำที่กำลังหลับตาพริ้ม ร่างกายนอนแผ่อยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนมาครู่หนึ่งแล้ว เป็นเพราะว่าหลงเฉินกำลังไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตภายในร่างกายอย่างบ้าคลั่งอยู่นั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

มีอยู่หลายครั้งที่พลังแห่งอัสนีบาตรเหล่านั้นระเบิดขึ้นมาประดุจภูเขาไฟปะทุอย่างไรอย่างนั้น พลังอันมหาศาลต้านทานพลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินจนถอยร่นกลับไป แม้แต่ถังหว่านเอ๋อก็ยังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาไม่หยุด

 

 

 

 

 

 

 

 

หากควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตขุมนั้นไม่อยู่ จนพลังอันมหาศาลนั้นปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง แน่นอนว่าร่างกายของหลงเฉินคงจะต้องระเบิดจนไม่เหลือแม้แต่ซากศพอย่างแน่นอน แม้ว่าภายในจิตใจอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทว่าถังหว่านเอ๋อก็ทำได้แค่จับตาดูอยู่อย่างเงียบๆ เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว เจ้าบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน”

 

 

 

 

 

 

 

บัดนี้ทั่วทั้งร่างกายของหลงเฉินถูกพลังแห่งอัสนีบาตแผดเผาจนกลายเป็นสีดำประดุจถ่านไปทั้งหมดแล้ว ดวงตาคู่งามจึงมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา ภายในจิตใจรู้สึกเจ็บปวดแทนหลงเฉินอย่างถึงที่สุด นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดหลงเฉินจึงต้องจริงจังกับสิ่งนี้ แล้วทำไปเพื่อการอันใดกัน? ถึงกับต้องใช้ชีวิตเข้าแลกเลยอย่างนั้นหรือ?

 

 

 

 

 

 

 

 

เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าเขาก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในขอบเขตก่อโลหิต ทว่าก็มีระดับพลังที่สูงส่งจนสามารถต่อกรกับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าอย่างกู่หยางได้ เขายังต้องการสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรกัน?

 

 

 

 

 

 

 

 

“พรวด”

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นหลงเฉินก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง พลังแห่งอัสนีบาตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็ระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรงจนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้ายอมแพ้เถิด”

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อร้องเสียงหลงขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ขอเพียงหลงเฉินยอมปลดปล่อยพลังแห่งอัสนีบาตเหล่านั้นออกมา เขาก็จะปลอดภัยและไม่ทรมานอีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าหลงเฉินกลับไม่ตอบรับแต่อย่างใด เพียงแต่ส่ายหน้าไปมา ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ไม่ง่ายเลยที่จะต้อนหมูอ้วนกลุ่มหนึ่งให้เข้าคอก หากไม่สังหารลงไปที่กระทำมาทั้งหมดก็คงจะเสียเปล่าอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกทั้งเจ้าหมูอ้วนเหล่านี้มีจำนวนมากจนเกินไป และแต่ละตัวยังมีพลังมหาศาลเหลือคณานับจึงทำให้หลงเฉินลงแรงไปมากกว่าหนึ่งเท่าตัว มีอยู่หลายครั้งที่เขาคิดจะยอมแพ้ ทว่าภายในจิตใจกลับไม่ยินยอมให้กระทำเช่นนั้น ในเมื่อถูกป้อนเนื้อมาถึงปากจะให้ปล่อยไปอย่างง่ายดาย แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่นิสัยของเขาอยู่แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะนี้มีเพียงแต่ต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณกดดันพลังแห่งอัสนีบาตที่ปะทุอย่างบ้าคลั่งเอาไว้เท่านั้น ทว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้น เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ ถึงแม้ว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของเขาจะแกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพลังแห่งอัสนีบาตก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยคล้ายกับมียอดฝีมือสองคนกำลังต่อสู้แย่งชิงสถานที่แห่งนี้กันอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างไรอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกทั้งวิธีการเช่นนี้ก็เป็นวิธีที่บ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าบนโลกใบนี้คงจะมีแค่หลงเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกระทำได้

 

 

 

 

 

 

 

 

กายเนื้ออันแข็งแกร่งกับพลังแห่งจิตวิญญาณอันแกร่งกล้า ยากนักที่จะพบเจอในเหล่ายอดฝีมือภายในโลกหล้าแห่งนี้ หากเป็นผู้ที่มีพลังแห่งจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งแล้ว ร่างกายก็มักจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ยกตัวอย่างเช่นถังหว่านเอ๋อเป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนกายเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพลังแห่งจิตวิญญาณกลับไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนนักอย่างกู่หยาง ก็มีพลังแห่งจิตวิญญาณเพียงพอที่จะเปิดแหวนมิติขึ้นมาเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงอยากจะลองทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่ เพื่อความแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดก็จะต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะตามหาชาติกำเนิดของตัวเองได้อย่างไร? แล้วจะเรียกความเป็นธรรมให้กับตัวเองได้อย่างไร? ที่สำคัญที่สุดก็คือจะล้างแค้นผู้อื่นได้อย่างไร?

 

 

 

 

 

 

 

 

“ยอมจำนนไปเสียเถิด”

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจของหลงเฉินตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด พลังแห่งจิตวิญญาณปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งคล้ายกับเป็นเข็มนับหมื่นเล่มจู่โจมไปที่พลังแห่งอัสนีบาตเหล่านั้นอย่างรุนแรง

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset