ภายในหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันร้อนระอุประดุจอยู่ในขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังมีศิษย์ฝ่ายอธรรมหลายสิบคนกำลังฟาดฟันชาวบ้านด้วยดาบจันทร์เสี้ยวอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอยู่นั้นคมดาบที่เคยถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงสดก็ได้เลือนหายไปในพริบตาเดียว ไม่ได้เป็นเพราะถูกล้างออกไป ทว่าเป็นเพราะถูกศาสตราวุธดูดกลืนเข้าไปทั้งหมด
ทันทีที่ดาบจันทร์เสี้ยวดูดกลืนโลหิตทุกหยาดเข้าไปแล้ว บนคมดาบก็ยิ่งมีพลังสภาวะที่ดุเดือดมาขึ้นเสมือนกับมารร้ายผู้หิวโหยที่ได้กินอาหารอันโอชะจนอิ่มหนำสำราญ
ส่วนบรรยากาศบนร่างกายของศิษย์ฝ่ายอธรรมก็คล้ายกับมีกระแสโลหิตอันเย็นเยียบสูงล้ำขึ้นมาเป็นสาย ใบหน้าของพวกเขาปรากฏความยินดีขึ้นมา อีกทั้งภายในแววตายังเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารอันแรงกล้า
หมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ราวสิบหมื่นคนทว่ากลับมีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ไม่มาก และต่อให้เป็นถึงทหารรักษาการณ์ก็จะมีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตขั้นต้นเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อาจต่อสู้กับศิษย์ฝ่ายอธรรมที่มีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้
แม้จะมีชาวบ้านอยู่ไม่น้อยพยายามที่จะหลบหนีออกจากหมู่บ้าน ทว่าด้วยการวางแผนมาเป็นอย่างดีของฝ่ายอธรรม พวกเขาทั้งหมดจึงถูกต้อนให้อยู่แค่ในเมืองเท่านั้น มีเพียงทางเดียวคือมองดูศีรษะของผู้คนหลุดออกจากร่างไปเป็นสายพร้อมกับส่งเสียงร้องไห้ระงมไปทั่วสมรภูมิสีแดงชาด
ในสายตาของพวกเขามองว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมคือมารร้ายที่พวกเขาไม่อาจขัดขืนหรือต่อต้านได้เลย ผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้แต่โอบอุ้มเด็กเล็กทารกน้อยเอาไว้ในอ้อมกอด ใช้มือข้างหนึ่งปิดดวงตาของพวกเขาเอาไว้เพื่อไม่ได้ภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวติดตาพวกเขา ถึงแม้ว่าอีกไม่นานก็ต้องตายตามไปอยู่ดี
“เจ้าพวกมารร้าย ข้าจะแลกชีวิตของข้ากับพวกเจ้าเอง!”
เด็กน้อยผู้หนึ่งทอสีหน้าดุร้ายจ้องมองไปที่ศิษย์ฝ่ายอธรรม ในมือขนาดเล็กถือดาบไม้ที่คล้ายกับของเล่นพุ่งกายเข้าไปหาศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวฮูจื่อ กลับมานี่นะ”
ในขณะที่เด็กน้อยวัยแปดขวบกำลังออกตัวไปยังศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้เหี้ยมโหดอยู่นั้นก็ได้มีเสียงของหญิงสาวนางหนึ่งร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ทว่าการห้ามปรามของนางก็สายเกินไปแล้ว
ศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นส่งเสียงหัวเราะดังเคี๊ยกๆ ขึ้นมาเป็นสาย กระบี่ยาวที่เปื้อนคราบโลหิตสดใหม่สะบัดเข้าไปทางศีรษะของเด็กน้อยผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
“พรวด”
ประกายโลหิตกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้าสีคราม หยาดโลหิตอันร้อนระอุเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของเด็กน้อยผู้นั้น อีกทั้งยังส่งกลิ่นคาวโชยพัดไปทั่วทั้งบริเวณจนทำให้ผู้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างถึงที่สุด
แววตาของเด็กน้อยไร้ซึ่งความหวาดกลัว พลันก็แทงดาบไม้ของตัวเองเข้าไปที่ร่างของศิษย์ฝ่ายอธรรมอย่างหนักหน่วง
“พรวด พรวด”
ในขณะที่ดาบไม้กำลังจะกระทบร่างของศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้น จู่จู่ร่างกายของคนผู้นั้นก็แยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นเบื้องหน้าสายตาของเด็กน้อยผู้นั้นก็สบเข้ากับเงาร่างสายหนึ่งที่กำลังถือดาบยาวอาบโลหิตอยู่ ชุดคลุมยาวโบกพลิ้วไหวไปตามสายลม เส้นผมดกดำเริงระบำกลางอากาศ ราวกับเป็นเทพเซียนลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาคู่คมจดจ้องไปทางเด็กน้อย กระบี่ไม้ที่อยู่ในมือน้อยๆ นั้นคล้ายกับของเล่นของเขาในสมัยยังเยาว์วัย “กล้าหาญยิ่งนัก หากเจ้าเติบใหญ่ขึ้นมาคงจะต้องเป็นชายชาตรีผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในปฐพีแน่นอน”
เมื่อหลงเฉินกล่าวจบก็ได้ยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะของเด็กน้อยผู้นั้นแล้วอุ้มเขาไปหามารดา หลังจากนั้นหลงเฉินก็รีบวิ่งเข้าไปหาศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่อีกด้านหนึ่งในทันที
“ฆ่าให้หมด!”
หลงเฉินตะโกนเสียงดังกังวานไปทั่วทั้งผืนฟ้า ดาบยาวในมือกวาดไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว ดาบที่เขาใช้ลงมือในตอนนี้เป็นดาบยาวที่ได้หยิบยืมมาจากศิษย์พี่ว่าน เพราะดาบใหญ่ที่ผู้อาวุโสชางหมิงตีขึ้นมานั้นมีน้ำหนักมากจนเกินไป หากเขาไม่ได้กระตุ้นวงแหวนแห่งเทพขึ้นมาก็แทบไม่อาจยกดาบใหญ่เล่มนั้นขึ้นได้เลย อีกทั้งยังสิ้นเปลืองพลังโดยเปล่าประโยชน์ รอคอยเพียงได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะใช้ดาบใหญ่ฟาดฟันออกไป
หลังจากที่หลงเฉินลงมือสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมไปได้หนึ่งคนแล้ว ถังหว่านเอ๋อและศิษย์สายตรงทั้งหมดก็ได้แยกย้ายกันไปหาศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นในทันที
“คมวายุเดียวดาย”
ถังหว่านเอ๋อทุ่มเทพลังทั้งหมดเข้าโจมตีศิษย์ฝ่ายอธรรมด้วยกระบวนท่าเดียว เพราะศิษย์ผู้นั้นเป็นเพียงศิษย์สายนอกผู้หนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะมีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทว่าก็ไม่อาจทานรับกระบวนของศิษย์สายตรงได้
คมวายุขนาดใหญ่บดขยี้ร่างกายของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนกลายเป็นผุยผงภายในพริบตาเดียว สายโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้า หากเป็นยามปกติของถังหว่านเอ๋อคงไม่อาจลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้อย่างแน่นอน
ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อเกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าได้เป็นวีระสตรีผู้กล้าหาญอย่างไรอย่างนั้น และหลังจากที่ได้จัดการศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นแล้ว รอบกายของนางก็มีศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับดาบจันทร์เสี้ยว
“ขึ้นสัตว์มายาเร็วเข้า”
หลงเฉินตะโกนเสียงดังขึ้นมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของสัตว์พาหนะอย่างรวดเร็ว จากนั้นศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ก็ติดตามขึ้นมา หลงเหลือเพียงซากศพของศิษย์ฝ่ายอธรรมที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดินเบื้องล่าง
ส่วนศิษย์สายในและสายนอกคนอื่นได้แต่จ้องมองดูศิษย์สายตรงลงมืออย่างบ้าคลั่งจนภายในจิตใจของพวกเขาเกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาเป็นสาย
“ศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายเท่าใดนัก”
ผู้คนมากมายต่างกล่าวขึ้นมาด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นหลงเฉินและเหล่าศิษย์สายตรงลงมือสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมหลายสิบคนภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
หลังจากที่หลงเฉินและศิษย์สายตรงทั้งหมดเหินเวหาขึ้นไปแล้วก็ได้มีผู้คนอีกหลายสิบคนกระโดดลงมาจากสัตว์พาหนะที่บินตามมา จากนั้นผู้คนเหล่านั้นก็เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของชาวบ้านที่ยังมีชีวิตอยู่ พลันก็เคลื่อนย้ายชาวบ้านไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย
ศิษย์ที่เพิ่งจะกระโดดลงมาจากสัตว์มายานั้นต่างก็เป็นผู้คนที่ไม่ผ่านการทดสอบของทางหมู่ตึก ทว่าพวกเขาเหล่านั้นได้ยินยอมที่จะเป็นศิษย์นอกที่คอยทำงานให้กับหมู่ตึก หน้าที่ของพวกเขาคือนำพาชาวบ้านไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ได้จบลงภายในวันหรือสองวันนี้
หลงเฉินมองไปยังแผนที่ในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด “นี่เป็นเพียงศัตรูกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น จากข่าวสารที่ได้รับมาคงจะมีฝ่ายอธรรมอีกมากมายนับไม่ถ้วนบุกเข้ามาอีกเป็นแน่ ฉะนั้นอย่าเพิ่งได้ใจโดยเด็ดขาด อย่าได้คิดว่ามีผู้อาวุโสและศิษย์พี่ผู้คุมกฎคอยคุ้มกันอยู่แล้วจะไร้ปัญหา!”
“ศิษย์พี่หลงเฉิน ท่านต้องการจะสื่อว่า……” ซ่งหมิงเหยียนเบิกดวงตาโพลงโต ทั้งยังไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยสิ่งที่เขาคิดออกมา
หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ตามบันทึกของศึกที่ผ่านมาได้เขียนเอาไว้ว่ายอดฝีมือของฝ่ายอธรรมจะคอยจับตาดูการต่อสู้ของฝ่ายเราจากตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น
ฉะนั้นอย่าได้คิดว่าในช่วงเวลาที่คับขันจะมีเหล่าผู้อาวุโสคอยช่วยเหลือพวกเราอยู่ เพราะเมื่อใดที่เหล่าผู้อาวุโสลงมือ เมื่อนั้นก็จะมียอดฝีมือของฝ่ายอธรรมปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน หากต้องเกิดการแลกชีวิตก็ให้คิดว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น”
เมื่อศิษย์สายตรงทั้งหมดได้ยินเช่นนั้นต่างก็เกิดจิตใจที่หวั่นไหวขึ้นมาไม่หยุด พวกเขาเองก็เริ่มตระหนักได้ว่าที่เหล่าผู้อาวุโสติดตามมาคุ้มกันการทดสอบก็เป็นเพียงการปลอบประโลมจิตใจของพวกเขาเท่านั้นเอง
“ทว่าอย่าได้ปล่อยให้เรื่องนี้ไปถึงหูของผู้คนที่เหลือโดยเด็ดขาด ให้ทราบเฉพาะให้หมู่ของพวกเราก็พอ” หลงเฉินกำชับขึ้นมาเสียงแข็ง
หลี่ฉีกระแอมขึ้นมาเบาๆ แล้วกล่าวว่า “หากย้อนกลับไปได้คงจะไม่ให้ศิษย์พี่หลงเฉินบอกกล่าวความจริงต่อพวกเราอย่างแน่นอน ไม่ทราบสิ่งใดเลยยังรู้สึกดีกว่า”
หลงเฉินส่ายหน้าแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “หากรับแรงกดดันเช่นนี้ไม่ได้ก็ไม่อาจเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงได้ บุคคลเช่นนี้ไม่อาจรักษาจิตใจไม่ให้สั่นคลอนภายใต้ความเป็นตายได้”
“แค่กแค่ก ข้าพูดล้อเล่นเท่านั้น อย่าได้คิดจริงจังไปเลย” หลี่ฉีกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน
แล้วหลงเฉินก็หันไปกล่าวกับศิษย์สายตรงตนอื่นว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะเป็นผู้นำแล้วก็จะต้องแบกรับภาระทั้งหมดเอาไว้ เพราะเหล่าพี่น้องทุกคนต่างก็เชื่อมั่นในตัวของพวกเจ้า เป็นความเชื่อมั่นที่ไม่หวั่นเกรงแม้แต่ความตาย พวกเจ้ามีหน้าที่คือปกป้องความเชื่อมั่นเหล่านั้นเอาไว้ให้ถึงที่สุด ต่อให้ต้องตายไปก็ต้องตายอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาเหล่านั้น”
“เหอะเหอะ อย่าได้เกรงกลัวไปเลย คิดเสียว่ามาทดสอบพลังฝีมือของฝ่ายอธรรม มาดูให้ประจักษ์แก่สายตาว่าศัตรูเหล่านั้นจะแข็งแกร่งเท่าหลงเฉินหรือไม่” กู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาด้วยความฮึกเหิม ทว่าคำพูดประโยคสุดท้ายกลับเปี่ยมไปด้วยการหยอกล้อจนทำให้ศิษย์สายตรงหัวเราะขึ้นมาได้
อาหมานเองก็ได้ติดตามหลงเฉินมาด้วย ทว่าสถานภาพของเขากลับถือเป็นระดับเดียวกันกับท่านเจ้าสำนักไปแล้ว ฉะนั้นในศึกการต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่รวมเขาเข้าไปด้วย อาหมานจึงเอาแต่นอนหลับอยู่บนแผ่นหลังของสัตว์มายามาตลอดทาง
แม้แต่การต่อสู้เมื่อครู่นี้ยังไม่อาจดึงสติเข้าขึ้นมาได้ และยังดีที่เด็กน้อยผู้นี้ได้เก็บเขี้ยวหมาป่าของเขาเอาไว้ในแหวนมิติไปแล้ว ไม่เช่นนั้นสัตว์มายาระดับสามตัวนี้ก็คงไม่อาจโบยบินได้
จากนั้นสายตาของศิษย์สายตรงทั้งหมดก็เหลือบไปเห็นสายธารโลหิตที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปร้อยลี้ “เดรัจฉานเหล่านี้สมควรที่จะถูกทุบตีให้ตายคามือไปทั้งหมด!”
“พวกเจ้าคงตระหนักถึงความโหดร้ายของศิษย์ฝ่ายอธรรมกันแล้วสินะ หลังจากนี้ขอเพียงเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน อย่าได้ยั้งมือเพราะไมตรีจิตของตัวเอง หน้าที่ของพวกเราคือตัดศีรษะของพวกเขา หากไม่ใช่ศีรษะก็ไม่มีค่าที่จะนำไปแลกเป็นแต้มคะแนน” หลงเฉินกล่าว
ทุกคนพยักหน้ารับ ดวงตาทุกคู่สาดรังสีสังหารออกมาอย่างเข้มข้น หากสามารถตัดศีรษะของศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ก็จะกลายเป็นรางวัลของพวกเขาด้วยเช่นกัน ภายใต้ความเกลียดชังเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาแทบไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อถูกหลงเฉินตักเตือนขึ้นมาจึงมีปฏิกิริยาคืนกลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าการลงมือเมื่อครู่นี้พวกเขาได้สูญเสียแต้มไปหลายหมื่นแต้มแล้วหรอกหรือ?
ในขณะที่กำลังเหินเหาะอยู่บนเวหาอยู่นั้น เบื้องล่างสายตาของพวกเขาก็มีกองทัพทหารหลายหมื่นนายกำลังถูกล้อมโจมตีจากศิษย์ฝ่ายอธรรมอยู่ เสียงร้องของผู้คนดังสนั่นไปทั่วทั้งหุบเขา บนพื้นที่ส่วนใหญ่นองไปด้วยโลหิตสีแดงที่หลั่งไหลออกมาจากศพที่กองเท่าภูเขาเลากา ทว่าพลทหารคนอื่นก็ยังคงรุดหน้าเข้าต้านการโจมตีของศิษย์ฝ่ายอธรรมไม่หยุด
“จัดขบวน!”
หลงเฉินมีนัยน์ตาสีแดงก่ำขึ้นมาเมื่อมองไปยังเบื้องล่าง พลทหารเหล่านั้นทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้คนเมื่อครั้งยังอยู่ในจักรวรรดิเฟิงหมิง
หลังจากที่ได้ยินคำสั่ง ทุกคนก็กระโดดลงจากสัตว์มายาแล้ววิ่งตะบึงออกไปทางด้านหน้ากลายเป็นกองกำลังทั้งหมดสิบเจ็ดกลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มก็ได้มีศิษย์สายตรงเป็นคนนำทัพ และมีหลงเฉินเดินนำกองกำลังทั้งหมดเสมือนเป็นหัวธนู
.