หลงเฉินที่กำลังดื่มสุราอย่างรื่นรมย์อยู่นั้นกลับมีสีหน้าที่เย็นชาขึ้นมาในทันทีเส้นโลหิตบนฝ่ามือคล้ายจะปูดจนปริแตกออกมาด้านนอกอย่างไรอย่างนั้น
ความเหิมเกริมที่คุ้นเคยอีกทั้งน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกถึงความเกลียดชังเข้ากระดูกกับผู้ที่กำลังมาเยือนบรรยากาศรอบตัวของหลงเฉินได้แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนทำให้พวกพ้องต่างสร่างเมาไปตามกัน
“พี่หลง เป็นไรไปหรือ?” เจ้าอ้วนถามขึ้นเมื่อเห็นรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากแววตาของหลงเฉินราวกับอสูรกายร้ายกาจตนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร อีกสักครู่หลังจากที่คนผู้นั้นมาถึงให้พวกเจ้าช่วยแสดงท่าทางรังเกียจเขาตามข้า เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ซือเฟิงด้วยกิจกรรมนี้” หลงเฉินตอบ
เมื่อเหล่าพวกพ้องได้ยืนเช่นนั้นต่างก็ทราบว่าหลงเฉินคิดที่จะก่อเรื่องด้วยฤทธิ์สุราที่ยังไม่ทันสร่าง ระยะหลังมานี้พวกเขาถูกหมอบหมายจากตระกูลให้พยายามที่จะสานสัมพันธ์อันดีกับหลงเฉินให้มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นโอกาสดีเช่นนี้มีหรือที่จะปล่อยให้ผ่านไปได้
“พี่หลง ท่านรอดูได้เลย” เจ้าลิงผอมตบไปที่หน้าอกของเขาอย่างหนักแน่น
เสียงฝีเท้าย่างก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปรากฏเป็นร่างชายวัยยี่สิบกว่าปีที่สวมหมวกรูปทรงแปลกประหลาดใบหนึ่งบนศีรษะ ดวงตาที่อยู่ในเงาหมวกมีขนคิ้วเลขแปด(八) ไขว้กันอยู่ แววตานั้นกราดมองมายังกลุ่มคนเบื้องหน้าของเขา
หลงเฉินไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใดรวมทั้งอาหมานก็เช่นกัน แผ่นหลังของทั้งสองจึงได้หันไปให้แก่ผู้ที่เพิ่งมาเยือน
หลังจากที่คนผู้นั้นได้ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดเขามาพร้อมกับชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่กำลงมีสีหน้าลำบากใจอยู่ทางด้านหลัง ชายหนุ่มผู้นั้นก็คือเถ้าแก่ของเหลาสุราแห่งนี้นั่นเอง
“ให้พวกเขาไสหัวออกไปให้หมด ไม่เช่นนั้นก็รับผิดชอบผลที่จะเกิดขึ้นมาก็แล้วกัน”ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวขึ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสโอหัง ท่าทางวางมาดเสียใหญ่โต เขาไม่ได้สังเกตเห็นหลงเฉินที่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าวาจานั้นได้สื่อว่าเขาต้องการให้เถ้าแก่เหลาสุราไล่คนพวกนี้ออกไป ราวกับว่าหากให้เขาเป็นผู้ขับไล่ด้วยตนเองจะเป็นการทำให้สถานะของเขาตกต่ำลงอย่างไรอย่างนั้น
“โอ๊ย!พวกเจ้าเห็นหรือไม่ มีผู้ที่มีอะไรงอกเงยจากศีรษะออกมาด้วยล่ะ!!” เจ้าลิงผอมหันไปกล่าวต่อเจ้าอ้วนอย่างแผ่วเบา
ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าเป็นการส่งเสียงที่แผ่วเบา แต่ทว่าเสียงนั้นกลับทำให้คนทั้งหมดในบริเวณนี้พอที่จะได้ยินทุกคำทุกพยางค์เช่นกัน
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเบื้องหน้าของชายหนุ่มผู้ที่สวมหมวกรูปทรงแปลกประหลาดกำลังมีบางอย่างยื่นยาวออกมาเดิมทียังไม่มีผู้ใดที่สังเกตเห็น แต่ว่าเมื่อเจ้าลิงผอมได้เอ่ยทักขึ้นมาเช่นนั้น มันก็ช่างดูคล้ายกับ——มากเสียจริง
“เหอะ!ไม่เห็นมีอันใดให้น่าตื่นตกใจถึงเพียงนั้น น่าจะเป็นเพราะบิดาของเขาได้กระทำเรื่องฉาวโฉ่มากจนเกินไปจึงได้ถูกผู้คนสาปแช่ง” เจ้าอ้วนมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นคราหนึ่ง แล้วก็หันกลับกล่าวตอบเจ้าลิผอมอย่างไม่แยแส
“ยังไงเล่า?” เจ้าลิงผอมแสร้งแสดงท่าทีสงสัย
“โง่เสียจริง เจ้าไม่เคยได้ยินผู้อื่นด่าทอกันหรอกหรือว่าข้าจะสาปแช่งบุตรของเจ้าให้มีบางอย่างงอกเงยขึ้นมาบนศีรษะเป็นพวง?”
“โอย พี่ท่านช่างความรู้รอบตัวสูงส่งยิ่งนัก ต้องขอคำชี้แนะแล้ว” เจ้าลิงผอมโค้งคำนับลงด้วยความนับถือ
เถ้าแก่เหลาสุราที่ติดตามขึ้นมาเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเมื่อพบว่าพวกพ้องของหลงเฉินได้พูดวาจาฉีกหน้าชายหนุ่มผู้นั้น ใบหน้าของเขาขาวซีดลงราวกับว่าไร้โลหิตไหลเวียนไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นจึงรีบส่งสายตาอ้อนวอนไปทางซือเฟิง
น่าเสียดายที่เถ้าแก่เหลาสุรานั้นไม่ได้มีความสนิทสนมกับซือเฟิงอย่างมากมายถึงเพียงนั้นซือเฟิงทำทีท่าไม่สนใจใยดีราวกับมองไม่เห็นสายตาวิงวอนคู่นั้น
ชายหนุ่มคิ้วเลขแปดผู้นั้นมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาแล้วจ้องไปที่เจ้าอ้วน “เจ้าหมูโสโครก พวกเจ้ารนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ!?”
เจ้าอ้วนส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าว “พี่น้อง ดูไปที่หน้าตาบูดบึ้งของเจ้าสิ ต่อให้ข้าดูดวงชะตาไม่เป็นก็ยังพอที่จะทราบได้ว่าหากไม่ใช่บิดาสิ้นไปก็คงจะเป็นมารดาที่สิ้นแทน เจ้าจะมาดื่มกินในเวลาเช่นนี้น่าจะไม่เหมาะเท่าไรนะ”
“ใช่แล้ว ช่างอกตัญญูเสียจริง”
“ลูกหลานเช่นนี้ ไม่สู้เขียนป้ายบูชาไว้บนกำแพงเสียแต่เนิ่นๆ หรอกหรือ”
“อย่าได้กล่าวมากไปกว่านี้เลย เจ้าไม่เห็นตัวสั่นเทาของเขาหรืออย่างไร?หากยังคงกล่าวต่อไปเกรงว่าถ้าเป็นลมล้มชักแล้วฟองขาวฟอดเต็มปากขึ้นมา พวกเราจะดื่มสุรากันต่อไปได้อย่างไร จริงไหม?”
หากมองจากโดยด้วยแล้วถือได้ว่ามีพลังอย่างยิ่ง คนมากมายเมื่อเห็นเจ้าอ้วนและเจ้าลิงหนึ่งร้องหนึ่งขับขาน พวกเขาก็มิได้พูดแทรกเข้ามา ขณะนี้ในที่สุดก็หาโอกาสได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมีส่วนร่วมแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
“หาที่ตาย”
ชายหนุ่มคิ้วเลขแปดสบถเสียงตัดบทออกมา มือไม้ที่สั่นเทาของเขากำแส้ยาวไว้แน่นจนหอบเอาสายลมที่รวมจิตสังหารเอาไว้อย่างล้นหลามพุ่งเข้ามหากลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้า สายตาที่มองอย่างอาฆาตแค้นราวกับว่าคนกลุ่มนั้นกำลังถูกตรึงเอาไว้ด้วยแส้ยาวของเขา
ซือเฟิงเองก็ได้เตรียมการไว้แต่แรกแล้วเช่นกัน เมื่อเขาพบว่าชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มลงมือจึงได้ผนึกพลังโดยบิดเอวออกแล้วก็ได้ใช้ดาบฟาดฟันออกไป
“ปัง”
ดาบยาวและแส้ยาวก็ได้เข้าปะทะกันจนเกิดเสียงแรงระเบิดสนั่นขึ้น ซือเฟิงสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสายลมกลุ่มหนึ่งพุ่งมากระแทกจนร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงของหอเหลาสุราจนสั่นไหวเป็นแนว
บนใบหน้าของซือเฟิงปรากฎอาการมึนงงอยู่ไม่น้อย นั่นก็เพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บจนถึงภายใน ภายใต้การไหลเวียนพลังแห่งโลหิตขึ้นแล้วแต่ยังถึงกับทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
“ไปตายซะ เจ้าพวกชนชั้นต่ำ!!”
คิ้วของชายหนุ่มผู้นั้นกลายเป็นเลขแปดที่ชัดเจนขึ้นหลังจากจู่โจมสำเร็จ แส้เส้นยาวที่เมื่อสักครู่นี้เป็นดั่งมังกรพิษตัวหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ได้เปลี่ยนเป็นเส้นตรงดั่งกระบี่คมกล้าเล่มหนึ่ง ที่ทิ่มแทงเข้าไปยังขั้วหัวใจของซือเฟิง
เจ้าอ้วนและพวกพ้องต่างก็แตกตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพวกเขาคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะลงมือได้อย่างดุเดือนถึงเพียงนี้ ความรุนแรงที่ดูเหมือนต้องการที่จะสังหารซือเฟิงให้ตายทีเดียวก็ว่าได้
แส้เส้นยาวได้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วอีกครั้งซือเฟิงคิดที่จะหลบหลีกแต่ก็ไม่อาจกระทำได้ทันแล้วในเวลาเช่นนี้ พลันความคิดที่จะสิ้นชีพก็แล่นเข้ามาในสมองของเขา
“ผัวะ!!”
มือใหญ่ข้างหนึ่งได้คว้าหมับไปที่แส้เส้นยาวคล้ายกับคนที่กำลังบีบรัดคอของงูพิษจนทำให้มันขยับไม่ได้
“พี่หลง”
กลุ่มคนเหล่านั้นประสานเสียงเรียกอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเห็นหลงเฉินยืนขวางอยู่ทางด้านหน้าของซือเฟิงมือข้างหนึ่งก็ตรึงแส้เส้นยาวเอาไว้อย่างแน่นหนา น่าเกรงขามประดุจราชันย์จักรพรรดิแห่งแดนมนุษย์อย่างไรอย่างนั้นแววตาของหลงเฉินจ้องมองไปยังชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของแส้อย่างเย็นชา
“เป็นเจ้า?”
ชายหนุ่มคิ้วเลขแปดประหลาดใจในใบหน้าที่คุ้นเคย
“ยอดมาก เจ้ายังจำข้าได้ใช่หรือไม่”
ใบหน้าของหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็นขึ้นมาเขาออกแรงกำมือแน่นขึ้นชายหนุ่มคิ้วเลขแปดรู้สึกถึงแรงฉุดไหลแทรกซึมเข้ามาทั่วทั้งร่างกายจนเขาไม่อาจที่จะทรงตัวได้ ลอยคว้างไปยังทิศทางที่มีหลงเฉินยืนอยู่
ใบหน้าตื่นตกใจเมื่อพบว่าตนเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ เขาคิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลถึงเพียงนี้เขาเป็นถึงยอดฝีมือพลังขั้นก่อโลหิตระดับที่หนึ่งยังยากที่จะต้านทานกำลังดั่งช้างสารเอาไว้ได้
แต่การพลิกผันสถานการณ์ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เขาใช้พลังสภาวะลอยไปในทิศทางที่หลงเฉินอยู่ จากนั้นก็กวาดเท้าออกไปด้านหน้าหวังจะกระแทกเข้าที่หน้าอกของหลงเฉินอย่างเต็มแรงความเปลี่ยนแปลงกระบวนยุทธ์นี้ช่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดเร็วเสียจนทำให้ผู้คนที่มองดูอยู่ยังไม่ทันจะกระพริบตาสมกับเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
หลงเฉินยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ได้รวดเร็วเท่า แต่ว่าก็ประจวบเหมาะกับเท้าที่กำลังจะเข้าปะทะที่แผงอกของเขาบัดนี้เท้าข้างนั้นได้ยันไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มคิ้วเลขแปดอย่างเต็มแรงเช่นกัน
“ผัวะ”
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้านั้นรวดเร็วเสียเหลือเกิน แรงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณนั้นทำให้ผู้ที่รายล้อมอยู่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านเข้ามาถึงกระดูกดำ หยาดเหงื่อเย็นยะเยือกซึมอาบอยู่บนแผ่นหลัง
“อา”
เสียงร้องทุรนทุรายเสียงหนึ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งเหลาสุรา เพียงแค่ได้ยินเสียงโหยหวนของคนผู้หนึ่งดังขึ้น เหล่าคนที่ได้ยินก็ต่างขนตัวลุกชันไปตามๆ กัน
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจปิดกั้นเอาไว้ได้เล็ดรอดออกมาเป็นเสียงครวญครางร่างกายของชายหนุ่มคิ้วเลขแปดเกิดความเจ็บปวดมหาศาลแผ่ซ่านราวกับจะแตกหักออกเป็นเสี่ยง
“ปึก”
ร่างของชายหนุ่มได้กระแทกกับกำแพงเหลาสุราเข้าอย่างแรงจนสั่นสะเทือนไปโดยรอบ สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดทรมาน นอนดิ้นพร่านกองอยู่กับพื้น
ด้วยแรงปะทะที่รุนแรงทำให้หมวกรูปทรงแปลกประหลาดของเขาหลุดปลิวออกจากศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าเต็มใบของชายหนุ่มคิ้วเลขแปดที่ทำให้เจ้าอ้วนและพวกพ้องร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“คนของจักรวรรดิเซี่ย?”
นอกจากหมวกที่มีรูปทรงประหลาดเช่นนั้นแล้ว บนศีรษะของชายหนุ่มผู้นั้นยังเป็นทรงผมมวยแบบเก่าแก่คร่ำครึที่ถูกถักคล้ายกับขนมม่าฮวา(麻花) อย่างไรอย่างนั้น
ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ทราบกันทั่วไปว่านั่นเป็นเครื่องหมายของคนแห่งจักรวรรดิเซี่ย แต่ทว่ามีเพียงบุคคลที่เป็นชนชั้นสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะถักทอเส้นผมให้เป็นรูปทรงเช่นนั้น
ในเวลานี้ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการฉงนสงสัย ทั้งยังลุกลี้ลุกลน ความรู้สึกที่คล้ายกับว่าวันนี้คงจะต้องเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนได้ผุดขึ้นมาในสมองของผู้คนจักรวรรดิต้าเซี่ยและจักรวรรดิเฟิงหมิงต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาอย่างยาวนานแต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนี้ดูท่าจะแสนสาหัสจนเกินไป อาจส่งผลกระทบมากมายมหาศาลตามมาอย่างไม่อาจคาดเดาได้
หลงเฉินมองไปยังชายหนุ่มคิ้วเลขแปดที่กำลังดิ้นพร่านอยู่บนพื้น แล้วชักแส้เส้นยาวให้แก่อาหมานพร้อมกับกล่าวว่า “เขาฟาดแส้ใส่เจ้า ตอนนี้เจ้าจงทุบตีเขาคืนเสีย”
“ทุบตี?ข้าไม่กล้าหรอก” อาหมานตอบกลับด้วยน้ำเสียงอู้อี้
หลงเฉินมองกลับด้วยสายตาเย็นชา“เจ้าไม่ฟังคำพูดของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ข้า……ข้าแค่ตีก็พอแล้วใช่หรือไม่”
หลงเฉินครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่งอาหมานที่เติบใหญ่มาจนปานนี้ถูกผู้อื่นทุบตีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่จะทุบตีผู้อื่นบ้างอาหมานรับแส้จากหลงเฉิน เขาเกิดอาการประหม่าอยู่ไม่น้อยใช้เวลาทำใจกล้าอยู่นานก็ไม่มีท่าทีที่จะลงมือ
“ตีซะ” หลงเฉินกระตุ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาจำเป็นที่จะต้องให้อาหมานผ่านพ้นสิ่งนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะต้องถูกผู้อื่นข่มเหงไปชั่วชีวิตอย่างแน่นอน
“ได้ ข้าจะตี”
อาหมานสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เขาง้างแขนข้างที่กำลังกำแส้เส้นยาวขึ้นแล้วหวดเข้าไปยังร่างที่ดิ้นพร่านอยู่บนพื้น
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องดูน่าเวทนาดังขึ้น
ทว่าเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างเจ็บปวดนั้นกลับไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มคิ้วเลขแปด แต่เป็นผู้ที่ยืนอยู่ใกล้กับอาหมาน
“อาหมาน เจ้าคิดจะตีผู้ใดกันแน่” คนผู้นั้นมีน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา พลางก็ถูไปที่น่องข้างหนึ่งของตนเองไปมาอย่างปวดแสบปวดร้อน
อาหมานมีใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมา เขายังไม่เคยใช้แส้มาก่อน แส้นั้นเป็นอาวุธที่มีลักษณะอ่อนไหวจึงควบคุมได้ยากแม้เล็งที่จะมุ่งเป้าไปทางด้านหน้าแต่กลับผิดทิศทางไปมากเสียจนวุ่นวายไปเสียหมด
หลงเฉินพ่นลมหายใจออกมา เด็กน้อยเช่นอาหมานจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเสียก่อน
“ทำต่อไป”
เมื่อหลงเฉินขานจบ ผู้คนทั้งหมดรอบบริเวณนั้นต่างก็รีบวิ่งหนีไปอยู่ในที่ที่ไกลกว่าเดิมถึงสามเซียะด้วยระยะที่ห่างไกลถึงเพียงนี้จึงจะทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจว่าจะปลอดภัยจากรัศมีการตวัดแส้ของอาหมานได้
“ผัวะ!!”
ครั้งนี้อาหมานฟาดได้ไม่เลวเลยทีเดียว เริ่มจะจับเคล็ดการเคลื่อนไหวของแส้ขึ้นมาได้บ้างแล้ว แต่ทว่าแส้กลับกระทบกับพื้นที่อยู่ห่างออกมาจากร่างของชายหนุ่มคิ้วเลขแปดผู้นั้นประมาณแปดเซียะเห็นจะได้
ชายหนุ่มที่นอนกองอยู่บนพื้นไม่อาจขยับหนีได้ จึงทำได้เพียงยกมือเท้าปัดป้องเอาไว้ แม้จะเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิด แต่อาการเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกลับทวีคูณ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่เกรงกลัวต่อแรงตวัดแส้เช่นนั้นกัน
“พี่หลง ครั้งนี้จะต้องโดนอย่างแน่นอน”
เมื่อหันไปมองหลงเฉินที่กำลังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ อาหมานจึงกล่าวออกมาอย่างร้อนรน พลันก็ตวัดแส้แล้วฟาดเข้าไปที่ชายหนุ่มผู้นั้น
ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างของอีกผู้หนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าเหล่าคนที่อยู่บนชั้นนั้นผู้ที่เพิ่งมาเยือนมีอายุประมาณสามสิบกว่าปี บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นบากยาวทอสีหน้าโหดเ**้ยมเป็นที่สุด
“หยุดมือ!!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อมองเห็นร่างของชายหนุ่มคิ้วเลขแปดที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกับอาหมานที่กำลังจะง้างแขนเพื่อลงแส้อีกครั้ง
“เจ้าบอกว่าหยุดมือก็ต้องหยุดมืองั้นหรือ ทุบตีมันต่อไป!” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
อาหมานทำตามที่หลงเฉินบอกอย่างไม่ลังเลแล้วแส้ยาวเส้นนั้นก็ได้ฟาดกระทบกับร่างของชายหนุ่มคิ้วเลขแปด
“หาที่ตายนักนะ”
ผู้ที่เพิ่งมาเยือนพบว่าอาหมานยังคงลงมืออยู่อย่างไม่เกรงกลัวก็บังเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างรุนแรงเขาเคลื่อนไหวเท้าข้างหนึ่งประดุจสายลมบ้าคลั่งพุ่งเข้าไปทางอาหมาน
“ไสหัวไป!!”
หลงเฉินเองก็ได้ก้าวเท้าออกไปเช่นกันเข้าขวางไปที่เบื้องหน้าของคนผู้นั้นเอาไว้ แล้วยกหมัดใหญ่พุ่งออกไปอย่างไม่รีรอ
คนผู้นั้นขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อพบว่าหลงเฉินปรากฏอย่างต่อหน้าเพื่อเข้ามาขัดขวางจึงพุ่งหมัดสวนออกไปเช่นเดียวกัน
“ตูม!!”
ทั้งสองหมัดปะทะกันอย่างจังจนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นลมกรรโชกอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งสี่ทิศแต่ผู้ที่เพิ่งมาเยือนกลับตกใจเสียยิ่งกว่าแรงระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อพบว่าหมัดของเขาไม่ได้สะเทือนต่อชายหนุ่มร่างบางที่อยู่ตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
“ผัวะ!!”
ในที่สุดแส้เส้นยาวที่อยู่ในมือของอาหมานก็ได้ฟาดโดนร่างของชายหนุ่มคิวเลขแปด เสียงร้องดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาอาหมานคิดที่จะฟาดแส้เส้นนั้นไปที่ก้น แต่ผลกลับผิดคาดจนไม่น่าให้อภัยเมื่อแส้ได้กระทบลงที่ใบหน้าอย่างรุนแรง
ความเหมาะเจาะของแส้สะบัดเข้าที่สันจมูกของเขา แม้ว่าอาหมานจะใช้แส้เป็นครั้งแรก แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มากมายมหาศาลดั่งช้างสาร สัมผัสได้ว่าจมูกได้บิดเบี้ยวไปจากเดิมมากจนโลหิตไหลอาบกว่าครึ่งใบหน้า
เมื่อชายหนุ่มที่มีรอยบากเห็นจมูกบิดเบี้ยวนั้นก็ไม่อาจข่มเพลิงแค้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาปะทุพลังทั้งหมดแล้วตะโกนออกมาเสียงดังหมายที่จะซัดหลงเฉินให้ลอยกระเด็นไป
หลงเฉินนึกอยู่ในใจว่าคงไม่อาจที่จะต้านทานพลังมหาศาลขนาดนี้ไว้ได้แน่ จึงสั่นไหวเม็ดดารากักวายุที่ใต้ฝ่าเท้าจนเกิดพลังปราณอันน่าหวาดกลัวกดดันบรรยากาศโดยรอบจนไม่อาจจะหายใจได้อย่างสะดวกอีกต่อไป รุนแรงของพลังนี้เปรียบดั่งมหาสมุทรที่ท่วมทะลักออกมาจากเขื่อนอย่างไรอย่างนั้น
“กร๊อบ”
หมัดของทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงและความน่ากลัวของพลังอันมหาศาลกว่าเดิมหลายเท่าตัว พื้นที่พวกเขาเหยียบย่ำอยู่ก็ไม่อาจที่จะทานรับเอาไหวจึงแหลกเป็นผุยผงปลิวตลบไปทั่วบรรยากาศ
ซือเฟิงและพวกพ้องแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างหนัก นี่มันพลังช้างสารอะไรกัน ความจริงแล้วหลงเฉินนั้นฝึกพลังยุทธ์อะไรมากันแน่ เหตุใดจึงดูล้ำลึกและรุนแรงอย่างไร้ขีดจำกัดถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มที่มีรอยบากเห็นว่าหลงเฉินยังคงสามารถต้านทานพลังทำลายล้างของตัวเองเอาไว้ได้อีกเช่นเคย ก็ยิ่งจุดเพลิงโทสะให้ลุกโชติช่วงมากขึ้นอีก แววตาแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างเดือดพล่าน
“ตูม”
ชายหนุ่มผู้นั้นปะทุพลังโลหิตไปทั่วร่าง ไหลเวียนจนแทรกซึมไปในกล้ามเนื้อจนเปล่งประกายแสงสีแดงออกมาอย่างช้าๆ ก่อเกิดเป็นพลังอันมหาศาลคับจักรวาลจนน่าหวาดกลัว ยิ่งกดดันบรรยากาศให้ชวนวิงเวียนจากเดิมไปอีกเท่าตัว เหล่าคนที่อยู่โดยรอบเริ่มหายใจติดขัดอย่างเห็นได้ชัด
“ก่อโลหิตตอนกลาง?”
มีเรื่องราวให้น่าตกใจอย่างต่อเนื่องเสียจริง การที่จะสามารถรวมพลังก่อโลหิตมามากจนถึงเพียงนี้คงมีก็แต่เพียงยอดฝีมือก่อโลหิตตอนกลางเท่านั้นที่จะสามารถกระทำได้
โลกแห่งวิทยายุทธ์ของแต่ละขอบเขตใหญ่ต่างก็แบ่งออกเป็นเก้าลำดับย่อยคือขั้นที่หนึ่งไปจนถึงขั้นที่เก้า
ขั้นที่หนึ่งถึงสามเรียกว่าตอนล่าง ขั้นที่สี่ถึงหกเรียกว่าตอนกลาง และขั้นที่เจ็ดถึงเก้าเรียกว่าตอนท้าย และเห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าชายหนุ่มที่มีรอยบากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของทุกสายตาในตอนนี้ ระเบิดพลังออกมาได้ถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเป็นยอดฝีมือก่อโลหิตตอนกลางอย่างแน่นอน
“ตูม”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง หลงเฉินรู้สึกได้ว่าพลังปราณได้ไหลเวียนย้อนกลับเข้ามา ร่างของเขาถอยหลังไกลออกไปหลายเซียะ ความเจ็บปวดแปลบขึ้นมาที่กลางอกจนรู้สึกหายใจติดขัด
ในที่สุดหลงเฉินก็ได้รู้จักพลังสภาวะของตนเองในตอนนี้ว่าถึงขีดจำกัดเสียแล้ว ชายหนุ่มที่มีรอยบากผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป เขาในตอนนี้ยังไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ด้วย คิดไปแล้วก็รู้สึกเคืองใจอยู่ไม่น้อย
ชายหนุ่มที่มีรอยบากซัดหมัดที่มีพลังรุนแรงจนหลงเฉินกระเด็นออกไปไกล และไม่นานนักเขาก็ซัดหมัดออกไปอีกครั้งโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าบังอาจทำร้ายพี่หลงของข้า!!”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงตะโกนดังแทรกเข้ามา ดังสนั่นกึกก้องเข้าไปยังโสตประสาทของผู้คนทั้งหมดในบริเวณนั้น พลังอันมหาศาลกลุ่มหนึ่งได้เกิดขึ้นพร้อมกับแสงประกายสีโลหิตที่ปกคลุมกำปั้นข้างหนึ่ง คมหมัดแหวกบรรยากาศรอบๆ มุ่งหน้าเข้าไปหาชายหนุ่มที่มีรอยบากอย่างรวดเร็ว